ผู้จัดการรายวัน 360 - “ศรีวราห์” นำ ตร.-ทหาร ค้น “ปากน้ำ” 13 จุด อ้างมาตรการปราบมาเฟีย ไม่เกี่ยวการเมือง เผยบ้าน “ประชา ประสพดี” ปืนเพียนแต่มีเอกสารครอบครอง “วรชัย” โดนด้วย “ประวิตร” ยันไม่ได้กลั่นแกล้ง ลั่นไม่เคยละเมิดสิทธิ ปัดทบทวนข้อเสนอต่างชาติ คสช.สับโฆษกสหรัฐฯไม่รู้จริงแล้วแสดงความเห็น “แกนนำ พท.” ย้ำ “บึงหนองพล” มีโกง “หมอวรงค์” บอก “นคร มาฉิม" ไม่ใช่ ปชป.นานแล้ว ฮาสนั่นโซเชี่ยล เอกสารงานนายกฯ พบครูว่อน พบมีสคริปต์เตี๊ยมปรบมือ-ตะโกน “นายกฯสู้ๆ”
วานนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน (ผบก.สส.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ร่วมกันนำกำลังตำรวจ บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และเจ้าหน้าที่ทหาร กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ กว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นเป้าหมายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จ.สมุทรปราการ จำนวน 13 จุด ตามคำสั่งของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
** บ้าน “ประชา” ปืน-เครื่องกระสุนอื้อ
โดยเป้าหมายแรกเป็น บ้านพักเลขที่ 88 หมู่10 ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการ เป็นบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดภายในบ้าน พบ นายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงตัวเป็นเจ้าของ โดยผลการตรวจค้นสามารถตรวจยึดอาวุธปืนจำนวนมาก และวิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง ก่อนรวบรวมไว้เป็นหลักฐานพร้อมยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นนำกำลังไปยังบ้านเลขที่ 888 และ 999 หมู่ที่ 10 ต.ในคลองปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสำนักงานของนายประชา ตรวจสอบภายในพบกระสุนปืนจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในลิ้นชักในห้องนอนของนายประชา เสื้อยืดคอกลมสีแดง นปช. เพื่อไทย ปกป้องประชาธิปไตย จำนวน 4 ตัว เครื่องเล่นลูกดีดจักรกลไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง ตู้นิรภัย จำนวน 2 ตู้ พบของกลางตู้เล็กในห้องนอนบุตรสาว ตู้ใบใหญ่ในห้องนอนนายประชา นอกจากนี้พบเสาวิทยุสื่อสารตั้งไว้ภายในบ้าน และยังพบเครื่องวิทยุสื่อสารซุกซ่อนไว้ภายในโกดังเก็บของภายในบ้านอีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการเปิดเครื่องวิทยุปรากฎว่ามีการตั้งสัญญาณเป็นของทางราชการใช้ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และนำกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง
** “ศรีวราห์” ยันไม่เกี่ยวการเมือง
อีกจุดเป็นบ้านเลขที่ 555/340 บ้านพักหมู่บ้านเลอร์นีโอ 2 หมู่ที่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านของ นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. จากการเข้าตรวจค้นพบ นายปิยะพงษ์ เหมะ อายุ 21 ปี ลูกชายนายวรชัย แสดงตัวเป็นผู้ดูแลบ้าน โดยนายวรชัย และนางสัมฤทธิ์ ทาน้อย ภรรยา ได้เดินทางไป จ.เชียงใหม่ ผลจากการตรวจค้น ได้ทำการตรวจยึดเครื่องกระสุนปืนขนาด 9มม. จำนวน 2 นัด พบที่ตู้เก็บของภายในห้องนอน นายวรชัย บริเวณชั้น 2 ของบ้าน นอกจากนี้ยังพบแผ่นซีดี เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง จำนวน 16 แผ่น พบที่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน บริเวณชั้น 1 ของบ้านและวิทยุสื่อสาร เครื่องสีดำ ยี่ห้อ fujitel จำนวน 1 เครื่อง พบภายในตู้เก็บของ บริเวณชั้น1 ของบ้าน เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานก่อนนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม
พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ยืนยันว่าเป็นไปตามคำสั่งของ คสช. ที่มุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด โดยได้มีการกระจายกำลังกันตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ทั้งสิ้น 13 จุด เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหานายประชา ในข้อหามีใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคม และติดตั้งสถานีโทรคมนาคมของทางราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนอาวุธปืนที่พบในบ้านนายประชา มีการนำเอกสารในการครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่ตำรวจจะต้องนำกลับไปตรวจสอบว่าเคยถูกนำไปก่อคดีในสถานที่ใดบ้างหรือไม่ ส่วนนายวรชัยทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมทางราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำของกลางในแต่ละเป้าหมายมาทำการแถลงผลการตรวจค้นอีกครั้งที่ สภ.จ.สมุทรปราการ
** ค้นบ้าน “แนวร่วมแดง” ยึดของกลางเพียบ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 8/320 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สูง 2 ชั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายสมบัติ ทองย้อย แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน จึงขอเข้าตรวจค้นพบปืนบีบีกันหลาย ซองปืนพกจำนวนหนึ่ง บัตรประจำตัวการ์ด นปช.แบบวีไอพีแผ่นซีดี เกี่ยวกับการชุมนุมของ นปช. จำนวน 4 แผ่น วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ ยาอิสุ จำนวน 1 เครื่อง กล่องใส่เครื่องกระสุนปืน ขนาด 81 มม. จำนวน 1 กล่อง ซึ่งค้นพบบริเวณชั้นบนของบ้าน อีกทั้งยังพบวิทยุสื่อสารติดรถยนต์และแบบมือถือ ในรถยนต์ด้วย รวมไปถึงสมุดจดบันทึกของ นายนพเก้า คงสุวรรณ ผู้ต้องหาในคดีว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมา ซึ่งเป็นข้อความจดบันทึกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 2 เล่ม ประกาศนียบัตรประชาธิปไตย เข้าร่วมเหตุการณ์รำลึกและไว้อาลัย ต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม โทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย สีแดง จำนวน 1 เครื่อง และโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง จึงนำของกลางที่ตรวจยึดได้ไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้นจากการสอบถามนายสมบัติ ทราบว่าปัจจุบันมีอาชีพคนขายเครื่องกรองน้ำ สำหรับวิทยุสื่อสารมีใบอนุญาตแต่ยังค้นหาไม่พบ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหารายนี้เกี่ยวข้องกับเหตุยิงสุทิน ธราทิน แกนนำ กลุ่ม กคป. เสียชีวิตที่หน้าวัดศรีเอี่ยม บางนา เมื่อ 3 ปีก่อนนั้น ทางตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง
** “วรชัย” โวยไม่ใช่มาเฟีย
ด้าน นายวรชัย ชี้แจงทางโทรศัพท์ถึงประเด็นภาพถ่ายอาวุธปืนที่ระบุเป็นของตนเอง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักใน จ.สมุทรปราการ ว่า อาวุธดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เนื่องจากตอนที่เจ้าหน้าที่ค้นบ้าน ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น ได้ถอดกล้องวงวรปิดที่บ้านออกหมด และไล่คนในบ้านออกไปข้างนอก
“ผมไม่ใช่คนมีอิทธิพล ผมทำมาค้าขาย ผมไม่เคยใช้อาวุธ อย่ามายัดเยียดให้ผม ผมไม่ใช่มาเฟียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ” นายวรชัย กล่าว
** “ประวิตร” ปัดกลั่นแกล้ง
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การตรวจค้นบ้านในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เป็นการดำเนินการตามปกติ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครทั้งนั้นก็ตรวจค้นทั้งหมด หากมีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา ส่วนการตรวจค้นบ้าน นายวรชัย จะเกี่ยวข้องกับที่ไปวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ว่า มีความคิดที่ขวาจัด ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเจ้าหน้าที่ดำเนินการในพื้นที่ที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เพราะเจ้าหน้าที่มีรายชื่ออยู่แล้ว ซึ่งตนเองยังไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการเมื่อใด และพื้นที่ไหน ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าอย่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย
“เราไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ไม่มีแน่นอน ฉะนั้นถ้าใครไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่เป็นอะไร หากใครทำผิดก็ต้องว่ากันตามกระบวนการ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
** เมินทบทวนตามข้อเสนอ “ยูพีอาร์”
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการนำเสนอรายงานการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (ยูพีอาร์) รอบ 2 ของไทย ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า เราดำเนินการชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนข้อกังวลและข้อห่วงใยในเรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออกนั้น คิดว่า นานาชาติเขาไม่ได้มาเห็นหรือรับรู้เรื่องในประเทศไทย ทั้งนี้อยากถามว่าเราไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใครบ้าง ศาลทหารเราก็ดำเนินการไปตามกฎหมายเหมือนทุกๆประเทศ ไม่มีอะไรที่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน การเรียกบุคคลเห็นต่างไปปรับทัศนคติก็เป็นพวกเห็นต่าง เพื่อปรับจูนให้เข้าใจว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ ยืนยันได้ว่าเราทำตามกฎหมาย ไม่ได้ไปดีดปากพวกเขาสักนิด
“รัฐบาล และ คสช.คงไม่จำเป็นต้องนำมาทบทวนข้อเสนอแนะและข้อห่วงใยของต่างชาติ ตอนนี้เราต้องเดินหน้าตามโรดแม็ป เพราะประเทศต่างๆ เขาดูเราอยู่ว่าเราเดินตามกรอบโรดแม็ปหรือไม่ ถ้ายังมัวแต่มาเตะแข้งเตะขากันแบบนี้ โรดแมปก็ไม่เดิน ซ้ำร้ายพวกตนที่ทำงานขณะนี้คงแย่แน่นอน” พล.อ.ประวิตร ระบุ
** โวย “มะกัน” ข้อมูลไม่ครบแล้ววิจารณ์
ทางด้าน แหล่งข่าวจาก คสช.เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักข่าวเดอะการ์เดี้ยน รายงานว่าสหรัฐอเมริกาประณามทางการไทย กรณีควบคุมตัว น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในข้อหาใช้ถ้อยคำหมิ่นสถาบันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จากการตรวจสอบอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีการโพสต์ข้อความล่วงละเมิด และไม่เหมาะสมอีกมากมาย นอกเหนือจากที่ น.ส.พัฒน์นรี และกลุ่มอ้าง ต่อสังคมว่าเขียนเพียงคำว่า “จ้า” โดยการสื่อสารข้อความเท็จมีการให้ร้ายหมิ่นประมาทบุคคลอื่น ไม่ว่าผ่านช่องทางใดๆผู้ถูกล่วงละเมิดสมควรได้รับความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ และรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องผู้ถูกล่วงละเมิด ไม่ใช่ปกป้องผู้กระทำการละเมิด
“อยากเรียกร้องให้ นางคาตินา อดัมส์ โฆษกสหรัฐฯ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ติดตามข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการแสดงความคิดเห็น และอยากให้เปิดรับข้อมูลจากประชาชนในส่วนที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากการกระทำของกลุ่มนักจัดกิจกรรมการเมืองเหล่านี้ ตลอดจนผู้ที่ถูกกระทำความพาดพิง หมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำและข้อความเป็นเท็จด้วยว่าเขารู้สึกเช่นไร เชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ และลงโทษผู้กระทำผิด ไม่แตกต่างกัน” แหล่งข่าวจาก คสช.ระบุ
** พท.ซัดทหารข่มขู่ชาวบ้าน
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่า มีการเมืองอยู่เบื้องหลังในการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการขุดบึงหนองพล อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก รวมทั้งหลอกให้ชาวบ้านถือป้ายต่อต้านโครงการนั้น นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า เราลงพื้นที่มาแล้ว 3 ครั้ง เพราะมีชาวบ้านส่งหนังสือร้องเรียนมา ส่วนที่เห็นภาพชาวบ้านมาถือป้าย และมีข้อความประกอบนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญหรือประชามติ ขออย่าไปขู่ชาวบ้าน ทั้งนี้การที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) บอกว่าบริษัทแรกไม่ทำโครงการ จึงปรับเงินวันละ 6,200 บาท เท่ากับว่ามีการผิดเงื่อนไข เพราะไปว่าจ้างบริษัทเข้ามาทำ ไม่ได้ทำด้วยตัวเอง ทางน้ำเข้าน้ำออกก็ไม่มี แทนที่จะโต้ตอบเช่นนี้ มาช่วยกันหาคนผิดและช่วยกันปราบโกงไม่ดีกว่าหรือ
ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) ยืนยันโครงการขุดลอกบึงหนองพล ล่าช้า เพราะผู้รับเหมาไม่ทำงานตามสัญญาจึงยึดสัญญาคืน แล้วหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงาน เท่ากับยอมรับว่า อผศ.ไม่ได้ทำงานเอง แต่รับงานจาก ปภ.มาแล้ว มาจ้างช่วงต่อ ซึ่งเป็นการดำเนินการผิดเงื่อนไข จึงส่อพิรุธว่าจะเกิดการทุจริต จากนี้จะส่งเรื่องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบต่อไป
ด้าน นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการขุดลอกบึงหนองพลกับคณะพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารเลื่อนการเชิญตัวไปอย่างไม่มีกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ทหารระบุว่าได้สอบถามชาวบ้านเป็นที่พอใจ จึงขอเลื่อนนัดไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้อยากเรียนเชิญทุกฝ่ายลงพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่โต้ไปมาผ่านสื่อ ตนยินดีที่จะต้อนรับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น อผศ. ปภ. ตัวแทนของรัฐบาล ป.ป.ช. สตง. และประชาชนไปตรวจสอบแล้วร่วมกันแก้ไขและป้องกันการทุจริต สะดวกวันใดขอให้นัดมา ตนพร้อมไปทุกวัน
** “วรงค์” ระบุ “นคร” ไม่ใช่คน ปชป.
อีกด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายนครได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว และไปอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา กรณีที่นายนครได้ไปลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตนั้นตนเห็นด้วย แต่ก็เห็นว่าลักษณะการลงพื้นที่นั้นมีนัยทางการเมืองแฝงอยู่ โดยมีการหลอกชาวบ้านให้ถือป้ายที่มีคำว่า "NO" หรือ "ไม่รับ" ตัวใหญ่มาก แต่คำว่า "Corruption" ตัวเล็กเกินไป ซึ่งป้ายนี้นายปลอดประสพคงเตรียมเอาไว้ให้ชาวบ้านถือ ไม่ใช่ชาวบ้านเตรียมมาเอง และให้นักข่าวไปถ่ายรูปเพื่อโยงเป็นประเด็นให้เกี่ยวข้องกับร่างรัฐธรรมนูญ
“ขอย้ำว่าการกระทำของนายนครไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทุจริต แต่ไม่เห็นด้วยที่จะมาสร้างนัยทางการเมือง และโยงเรื่องนี้ให้เข้ากับร่างรัฐธรรมนูญ” นพ.วรงค์ กล่าว
** หลุดโพยเตี๊ยม “นายกฯสู้ๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ได้โพสต์ภาพกำหนดการงานประชุมใหญ่ “นายกฯ พบเพื่อนครู” ในวันที่ 13 พ.ค.59 เวลา 11.00-16.30 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพค เมืองทองธานี จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยตอนหนึ่งของกำหนดการดังกล่าว ช่วงเวลา 14.00-15.15 น. มีรายละเอียดของการกำหนดวิธีปฏิบัติของผู้เข้าร่วมงานเมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางมาถึง โดยระบุว่า “14.00 น. - เมื่อนายกฯ เดินมาถึงห้องประชุม ขอเชิญทุกท่านปรบมือต้อนรับ (โดยไม่ต้องลุกขึ้นยืน) นายกฯ ลงนั่งที่โซฟา ให้หยุดปรบมือ และเวลา 15.15 น. - นายกฯพูดจบ พิธีกรกล่าวขอบคุณ (#จังหวะนี้จะมีสัญญาณมือ) ให้ทุกคนพูดพร้อมกันว่า นายกฯ สู้ๆ”
สำหรับเอกสารดังกล่าว นายสมศักดิ์ระบุว่าสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 www.sesao1.go.th
** “ไก่อู” เบรก “ออการ์ไนซ์” เชลียร์นายกฯ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า นายกฯยังได้ฝากไปยัง ทีมออกาไนซ์เซอร์ผู้จัดงานว่า ไม่ต้องเอาใจท่าน จนถึงขนาดต้องเขียนไว้ในกำหนดการให้ผู้เข้าฟังตบมือตามช่วงเวลาหรือส่งเสียงเชียร์ท่านนายกฯ ตามที่มีข่าวกระจายทางโซเซียลมีเดีย ทุกครั้งที่นายกฯมีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชน ไม่ว่าในโอกาสหรือสถานที่ใด สิ่งเดียวที่ต้องการคือ ความเข้าใจจากพี่น้องประชาชน โดยท่านเอาความจริงใจของท่านมาแลก จะได้ความเข้าใจมากหรือน้อย ท่านก็ไม่เคยปริปาก ขอให้พี่น้องประชาชนมอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจท่านก็ยินดีมากแล้ว และที่สำคัญไม่เคยต้องการทำให้พี่น้องประชาชนลำบากเดือดร้อน นายกฯเอ่ยในที่ประชุมครม.เสมอว่า เราทุกคนไม่ได้มาจากการเมือง แต่ก็มาเพื่อทำให้ประเทศมั่นคงก้าวหน้าประชาชนมีความสุข ไม่ต้องการคะแนนนิยม ไม่ต้องการสร้างภาพ แต่ต้องสร้างประเทศที่มั่นคง เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างแท้จริง.