รองนายกฯ-รมว.กลาโหม ชี้แจงตรวจค้นบ้านแกนนำ นปช.สมุทรปราการ ทำตามปกติ ไม่เกี่ยว “วรชัย” วิจารณ์นายกฯ ไม่ทราบบ้านถูกตัดกล้อง-สายโทรศัพท์ แจงโครงการขุดลอกบึงหนองพล องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกทำเองหมด ไม่เกี่ยวกลาโหม ย้ำโปร่งใส ไม่โยงอดีต ส.ส.ชูป้ายเอี่ยวประชามติ ย้ำไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามใคร
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตรวจค้นบ้านนักการเมือง และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ จ.สมุทรปราการ 14 แห่ง ว่าเป็นการตรวจค้นตามปกติ ไม่ว่าใครทั้งนั้นก็ตรวจค้นทั้งหมดหากมีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา
ส่วนการตรวจค้นบ้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเกี่ยวข้องกับไปวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่ามีความคิดที่ขวาจัดหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามพื้นที่ที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เพราะเจ้าหน้าที่มีรายชื่ออยู่แล้ว ตนเองยังไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการเมื่อใด และพื้นที่ไหน
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ไม่มีแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่เป็นอะไร หากใครทำผิดก็ต้องว่ากันตามกระบวนการ
เมื่อถามว่า นายวรชัยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ไปค้นบ้านพักส่วนตัว พร้อมทั้งตัดสายกล้องวรจรปิด และตัดสายโทรศัพท์นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ต้องไปถามเจ้าหน้าที่เอง เพราะพวกเขาเป็นคนดำเนินการ ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ตนไม่รู้ ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าอย่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงโครงการขุดลอกบึงหนองพล ต.หินลาด อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ว่าทาง พล.อ.รณชัย มัญชุสุนทร องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้ดำเนินการเองหมด กระทรวงกลาโหมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.รณชัยได้ตอบคำถามทุกเรื่องไปหมดแล้ว เป็นเพราะยังมีน้ำอยู่ และชาวบ้านต้องใช้น้ำจากตรงนี้ จึงไม่สามารถดูดน้ำออกได้ เพราะการทำงานต้องขุดช่วงน้ำแห้งจึงจะสามารถเริ่มงานได้ ถ้าน้ำแห้งเราก็ทำทันเวลา
ทั้งนี้ นายกฯ ได้สั่งการให้ทางกระทรวงกลาโหมได้ทำงานเรื่องการขุดลอกคลองด้วย และในวันนี้ตนได้สั่งการให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกันดูพื้นที่ว่าตรงจุดไหนที่สามารถขุดลอกคลองเพื่อรองรับฝนที่จะเริ่มตกลงมาในสัปดาห์หน้านี้ เราสามารถขุดได้เลย เพราะใช้เพียงน้ำมันและเบี้ยเลี้ยงให้กำลังพลเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่าอาจจะมีอีกหลายโครงการคล้ายกับ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ที่ยังไม่แล้วเสร็จ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จริงๆ แล้วหากเป็นช่วงพื้นที่ธรรมดาๆ ก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่บางพื้นที่ยังมีปัญหาในเรื่องของน้ำที่ประชาชนยังต้องใช้อยู่ ไม่สามารถดูดออกไปได้ ถ้าน้ำแห้งก็สามารถลงมือทำได้ทันที
“เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา เรื่องความโปร่งใส่ ผมได้เน้นย้ำมาตลอด ยิ่งเป็นของ อผศ. เงินทั้งหมดต้องนำไปให้กับผู้ที่เขาเสี่ยงอันตราย และผู้ที่ผ่านศึกสงครามมา ต้องเอาไปให้เขา จะไปโกงอะไร ตายห่า น่าเกลียด ไม่มีหรอกครับ กลาโหมไม่ทำ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงต้องเป็นทาง อผศ.มารับงาน และนำไปกระจายต่อให้หน่วยอื่นได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ความจริงแล้วไม่ใช่มามีตอนรัฐบาลชุดนี้ มันมีมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้านี้แล้ว มามีเอาตอนหลัง เมื่อไม่มีเครื่องมือก็ต้องจ้างเอาต์ซอร์ส (Outsource) และอีกประการหนึ่ง คือ เขาต้องการให้ทาง อผศ.นั้นมีรายได้ ถ้า อผศ.ไม่มีรายได้เลยก็อยู่ไม่ได้ เพราะมันเป็นองค์กรที่ดูแลคนทั้งประเทศที่ผ่านศึกสงครามมา เพราะฉะนั้นมันก็มีความจำเป็น แต่ทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใสว่ารายได้ที่ได้มานำไปทำอะไร ใช้จ่ายอย่างไร เพราะฉะนั้น ผอ.อผศ.ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ ขอยืนยันว่าในกระทรวงกลาโหมเราทำทุกอย่างให้โปร่งใส และทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเรื่องยุทโธปกรณ์ หรือการก่อสร้าง การดำเนินการทุกอย่าง เราไม่ทำอะไรให้มีการเคลือบแคลง
เมื่อถามว่า มีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาชูป้าย อาจจะมีนัยทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีนัยอะไรแล้ว พอแล้ว เพราะตนเองก็ไม่ได้มาเล่นการเมือง ไม่ต้องมาเตะตัดขา ตัดซ้ายตัดขวาอะไร ตนเองก็พยายามทำงานอยู่แล้ว มีไม่กี่คน ตนเคยบอกแล้วว่าเราไม่ใช้ฝ่ายตรงข้ามใคร เราไม่มีศัตรู ไม่มีความขัดแย้งกับใครทั้งนั้น
เมื่อถามว่า การที่มาเขียนป้ายว่าไม่รับ หรือต่อต้านการทุจริต จะไปเชื่อมโยงกับเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มองเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาดู ไม่ต้องไปเกรงว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เพราะ กกต.จะเป็นคนเข้ามาดู และ คสช.พร้อมที่จะช่วยเหลือและเข้ามาดูแลตามที่ กกต.เห็นสมควร สำหรับการใช้กฎหมายให้เข้มข้นมากขึ้นในเรื่องนี้หรือไม่นั้นก็แล้วแต่ทาง กกต.จะใช้ดุลพินิจในการดู