ทีมโฆษก คสช.แจงอดีตนักการเมืองบิดเบือน ยันขุดลอกบึงหนองพล ตรวจสอบ ปภ.ได้ แถมชวนชาวบ้านไปชูป้าย และป้ายสี จนท.จับปรับทัศนคติ เผยเข้ามาให้ข้อมูลเอง คสช.ต้องชี้แจงพร้อมติดตามพฤติกรรมบิดเบือน สวนโฆษก กต.มะกัน ศึกษาข้อมูลคดี “แม่จ่านิว” ให้ครบ ก่อนแสดงความเห็น
วันนี้ (12 พ.ค.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีอดีตนักการเมืองโพสต์ข้อความบิดเบือน ตลอดจนแถลงข่าวให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเรื่องการขุดลอกบึงหนองพล บ้านน้อยเหนือ ต.หินลาด อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ว่ากรณีดังกล่าวทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นเจ้าของงบประมาณ ดำเนินการจัดจ้าง งานยังไม่เสร็จตามกำหนด จึงมีการเสียค่าปรับตามสัญญาจ้าง และยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ จึงไม่ใช่การทุจริตของหน่วยงานราชการ โดยสามารถตรวจสอบกับทาง ปภ.ได้โดยตรง
ส่วนกรณีชาวบ้านในพื้นที่และผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่น ถูกกลุ่มอดีตนักการเมืองชักชวนเข้าไปในพื้นที่และให้ชูป้าย จากนั้นได้ถ่ายรูปโดยที่ป้ายมีคำว่า ไม่รับนั้น พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า มีการออกข่าวบิดเบือนว่าชาวบ้านถูกทหารเรียกไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร แต่โดยข้อเท็จจริงชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวต้องการมาให้ข้อมูลต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะนี้ได้ให้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว โดยมีการบันทึกข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวของกลุ่มอดีตนักการเมืองได้เป็นที่ปรากฏชัดว่ามีลักษณะบิดเบือน ปลุกกระแสของความเข้าใจผิด สร้างความสับสน และภาวะความเครียดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คสช.จึงขอทำความเข้าใจมายังประชาชนและขอให้ติดตามพฤติกรรมบุคคลเหล่านี้
พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวถึงกรณีที่โฆษก กต.สหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์การดำเนินคดีฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อ น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับว่า การตรวจสอบอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่ามีการโพสต์ข้อความล่วงละเมิด และไม่เหมาะสมอีกมากมาย นอกเหนือจากที่ น.ส.พัฒน์นรี และกลุ่มอ้างต่อสังคมว่า เขียนเพียงคำว่าจ้า
“การสื่อสารข้อความเท็จ ให้ร้าย หมิ่นประมาทบุคคลอื่น ไม่ว่าผ่านช่องทางใดๆ ผู้ถูกล่วงละเมิดสมควรได้รับความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ และรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องผู้ถูกล่วงละเมิด มิใช่ปกป้องผู้กระทำการละเมิด กรณี น.ส.พัฒน์นรี ศาลได้ให้โอกาสประกันตัวออกมาต่อสู้คดีตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย เฉกเช่นพลเรือนทั่วไปที่กระทำผิดและได้รับโอกาสในการต่อสู้แก้ต่าง อยากเรียกร้องให้นางคาตินา อดัมส์ โฆษกสหรัฐฯ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ติดตามข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการแสดงความคิดเห็น และอยากให้เปิดรับข้อมูลจากประชาชนในส่วนที่ได้รับผลกระทบ เดือดร้อนจากการกระทำของกลุ่มนักจัดกิจกรรมการเมืองเหล่านี้ ตลอดจนผู้ที่ถูกกระทำการพาดพิง หมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำ และข้อความเป็นเท็จด้วย ว่าเขารู้สึกเช่นไร เชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ และลงโทษผู้กระทำผิด ไม่แตกต่างกัน” ทีมโฆษก คสช.ระบุ