วิกฤตชั่วร้ายทางการเมือง-การปกครอง-การเศรษฐกิจ ฯลฯ เกิดจาก “คน” ไร้ศีลธรรม! “คน” จึงเป็นปัจจัยหลักของการทำดีและทำชั่วต่อชาติ!
ผู้นำรัฐดี-กลไกรัฐส่วนใหญ่ย่อมดี ย่อมทำแต่เรื่องดีให้ชาติ ด้วยการขจัดคนชั่วให้ออกไปจากสังคมการเมือง-การปกครอง-การเศรษฐกิจ ฯลฯ เพื่อนำพาสังคมสู่ความเจริญและเปี่ยมศานติสุข
ผู้นำรัฐที่ชั่ว-กลไกรัฐที่ครองอำนาจมักชั่ว ย่อมก่อแต่ความชั่วร้ายให้ชาติและประชาชนนานัปการ โดยทุกครั้งที่กลุ่มคนชั่วยึดอำนาจรัฐได้ จะด้วยวิธีการแบบใดก็ตาม เชื่อเถอะ...กลุ่มคนชั่วเหล่านั้น จะไม่ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ สร้างผลงานดีๆ ให้ชาติและประชาชนแน่นอน
ผู้นำชั่วมักพูดโกหกหลอกลวงว่า พวกเขารักชาติ! พวกเขาไม่โกงชาติเด็ดขาด! พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อ “ประชาชน!” โดยไม่พูดอย่างชัดแจ้งว่า ทำเพื่อประชาชนคนส่วนน้อยที่ร่ำรวย หรือทำเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ที่ยากไร้?
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงในชาติไทย ผู้นำชั่วหรือรัฐบาลทุนสามานย์ที่ผ่านมา ไม่มีผลงานทำให้คนยากไร้พ้นจากความยากจนเป็นหลักเลย! ไม่เคยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนลงได้เลย! มีแต่ผลงานที่ทำให้คนรวย...ร่ำรวยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ทุกชาติที่ไม่สามารถขจัด “กลุ่มคนชั่ว” มิให้มีอำนาจทางการเมือง-การปกครอง-การเศรษฐกิจ ก็ไม่มีวันแก้ปัญหาอันเลวร้ายของชาติได้
ความชั่วในยุค “เหลี่ยม” กับเครือข่ายครองเมือง ยังคงสืบทอดความชั่วต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้!
ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ส่วนใหญ่ประชาชนต้องเผชิญกับคนชั่วครองเมือง แต่บางคราก็เจอกับรัฐบาล “ครึ่งผีครึ่งคน” นั่นคือ จะดีก็ไม่ใช่-จะชั่วก็ไม่เชิง เพราะบางครั้งบางเรื่องทำท่าเหมือนดีเหมือนฉลาดเหมือนจะรู้ทันเล่ห์ร้ายของกลุ่มคนชั่ว แต่บางคราบางเรื่องทำเสมือนจงใจแกล้งโง่ ไม่ทันเล่ห์ร้ายของกลุ่มคนชั่ว
จนถึงกับแอบไปสมานฉันท์ และปล่อยให้กลุ่มคนชั่วลอยนวลเย้ยกฎหมายสบายใจเฉิบ แถมให้เครือข่ายกลุ่มคนชั่วลงสนามการเมือง ใช้เงินโกงชาติซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง เข้ายึดอำนาจรัฐไปโกงชาติได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
นั่นทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยอธรรม เพราะมีผู้นำชาติและพวกชั่วช้าสามานย์ เข้ามาปล้นชาติสารพัดรูปแบบ ด้วยการพูดโกหกหลอกลวงอย่างหน้าด้านๆ ว่า รัฐบาลทุนสามานย์ของพวกตน ได้ทำทุกหนทางเพื่อช่วยคนยากไร้ ให้ลืมตาอ้าปากได้ในสังคม “คนกินคน” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น รัฐบาลทุนสามานย์เอื้อผลประโยชน์ให้กับคนร่ำรวย ที่เป็นคนส่วนน้อยทั้งทางตรงทางอ้อมตลอดเวลา ดังเช่น
เกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ในชาติ ทำอาชีพการเกษตรมาแต่โบราณกาล ต้องเหน็ดเหนื่อยเลือดตากระเด็น เพื่อสร้างผลผลิตเลี้ยงคนทั้งชาติ และส่งสินค้าการเกษตรออกขายทั่วโลก ทว่า...ไม่ใช่เพียงชีวิตจะไม่เคยร่ำรวยแล้ว แต่ยังกลับยากจนข้นแค้นยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่เลวร้ายมากขึ้นแล้ว ยังต้องพบกับการเอารัดเอาเปรียบจาก “คน” ด้วยกันอีก
โดยรัฐบาลทุนสามานย์ส่วนใหญ่ ไม่จริงจัง-จริงใจกับการแก้ปัญหาความทุกข์ยาก ในทุกด้านของเกษตรกรแต่ประการใดเลย
ที่เลวร้ายกว่านั้น คือ นักการเมือง-โรงสี-พ่อค้าส่งออก-พ่อค้าขายพันธุ์พืชและสัตว์-ขายยาและปุ๋ยเคมี ฯลฯ กลับร่ำรวยมากขึ้นๆ โดยไม่หยุดยั้ง จนหลายตระกูลกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี ที่ผูกขาดธุรกิจ “การทำนาบนหลังคน” มาจนทุกวันนี้
รัฐบาลในอดีตตราบจนรัฐบาลนี้ ผู้มีอำนาจยังคงปล่อยให้ชาติไทย ไร้กฎหมายต่อต้านการค้าที่ไม่เป็นธรรม! ไร้กฎหมายต่อต้านการค้าผูกขาด! ฯลฯ แถมมีแต่นโยบายและภาคปฏิบัติทางการเงินการคลังนานัปการอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนส่งเสริมทุนผูกขาดของคนไม่กี่ตระกูล ทั้งธุรกิจส่งออก-ภาคบริการ-ภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ
ทำประหนึ่งภาคการเกษตรเป็น “พลเมืองชั้นสอง” ซึ่งรัฐไร้การแก้ปัญหาให้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน เรื่องน้ำ เรื่องต้นทุนการผลิต เรื่องของสินค้าที่ถูกกดราคา ฯลฯ เช่น รัฐไม่เคยแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมให้กับเกษตรกรได้เลยจนทุกวันนี้รัฐบาลที่ผ่านมา ลงทุนอย่างมหาศาลในการแก้ปัญหา และมีมาตรการสารพัด ส่งเสริมให้ทุนอุตสาหกรรม ทั้งของคนไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังปล่อยให้อุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย ไปทำการผลิตจนทำลายพื้นที่การเกษตร ก่อเกิดภัยร้ายต่อชีวิต และสินค้าทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของชาติไทย
ขณะที่สิ่งที่รัฐบาลลงทุนให้ภาคการเกษตร มักไม่ตรงกับความจำเป็นที่เกษตรกรเรียกร้อง นั่นยังไม่รวมถึงนักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้า ที่ชอบแอบอ้างการช่วยเหลือเกษตรกรไทย แล้วสมคบกันคอร์รัปชันโกงเงินชาติ ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรอยู่เป็นอาจิณ ดังเช่น
การผลาญและโกงเงินชาติจนเสียหายมากเป็นประวัติการณ์ 7-8 แสนล้านบาท ในโครงการ “จำนำข้าวทุกเม็ด” ของรัฐบาลทุนสามานย์ “พี่คิด-น้องโกง” ที่ฉาวไปทั้งโลกไงล่ะ
บอกแล้วไงว่า...ที่ผ่านมา ชาติไทยมีแต่รัฐบาลทุนสามานย์ เอื้อประโยชน์คนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยเป็นหลัก! “บิ๊กตู่” จะเป็นเหมือนรัฐบาลทุนสามานย์ที่ผ่านมาไหมล่ะ?
งานนี้...ผู้คนกำลังจับตาดูว่า รัฐบาล “บิ๊กตู่” จะเป็น “หลัก” ของคนส่วนน้อยหรือคนส่วนใหญ่?
ผู้นำรัฐดี-กลไกรัฐส่วนใหญ่ย่อมดี ย่อมทำแต่เรื่องดีให้ชาติ ด้วยการขจัดคนชั่วให้ออกไปจากสังคมการเมือง-การปกครอง-การเศรษฐกิจ ฯลฯ เพื่อนำพาสังคมสู่ความเจริญและเปี่ยมศานติสุข
ผู้นำรัฐที่ชั่ว-กลไกรัฐที่ครองอำนาจมักชั่ว ย่อมก่อแต่ความชั่วร้ายให้ชาติและประชาชนนานัปการ โดยทุกครั้งที่กลุ่มคนชั่วยึดอำนาจรัฐได้ จะด้วยวิธีการแบบใดก็ตาม เชื่อเถอะ...กลุ่มคนชั่วเหล่านั้น จะไม่ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ สร้างผลงานดีๆ ให้ชาติและประชาชนแน่นอน
ผู้นำชั่วมักพูดโกหกหลอกลวงว่า พวกเขารักชาติ! พวกเขาไม่โกงชาติเด็ดขาด! พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อ “ประชาชน!” โดยไม่พูดอย่างชัดแจ้งว่า ทำเพื่อประชาชนคนส่วนน้อยที่ร่ำรวย หรือทำเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ที่ยากไร้?
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงในชาติไทย ผู้นำชั่วหรือรัฐบาลทุนสามานย์ที่ผ่านมา ไม่มีผลงานทำให้คนยากไร้พ้นจากความยากจนเป็นหลักเลย! ไม่เคยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนลงได้เลย! มีแต่ผลงานที่ทำให้คนรวย...ร่ำรวยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ทุกชาติที่ไม่สามารถขจัด “กลุ่มคนชั่ว” มิให้มีอำนาจทางการเมือง-การปกครอง-การเศรษฐกิจ ก็ไม่มีวันแก้ปัญหาอันเลวร้ายของชาติได้
ความชั่วในยุค “เหลี่ยม” กับเครือข่ายครองเมือง ยังคงสืบทอดความชั่วต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้!
ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ส่วนใหญ่ประชาชนต้องเผชิญกับคนชั่วครองเมือง แต่บางคราก็เจอกับรัฐบาล “ครึ่งผีครึ่งคน” นั่นคือ จะดีก็ไม่ใช่-จะชั่วก็ไม่เชิง เพราะบางครั้งบางเรื่องทำท่าเหมือนดีเหมือนฉลาดเหมือนจะรู้ทันเล่ห์ร้ายของกลุ่มคนชั่ว แต่บางคราบางเรื่องทำเสมือนจงใจแกล้งโง่ ไม่ทันเล่ห์ร้ายของกลุ่มคนชั่ว
จนถึงกับแอบไปสมานฉันท์ และปล่อยให้กลุ่มคนชั่วลอยนวลเย้ยกฎหมายสบายใจเฉิบ แถมให้เครือข่ายกลุ่มคนชั่วลงสนามการเมือง ใช้เงินโกงชาติซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง เข้ายึดอำนาจรัฐไปโกงชาติได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
นั่นทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยอธรรม เพราะมีผู้นำชาติและพวกชั่วช้าสามานย์ เข้ามาปล้นชาติสารพัดรูปแบบ ด้วยการพูดโกหกหลอกลวงอย่างหน้าด้านๆ ว่า รัฐบาลทุนสามานย์ของพวกตน ได้ทำทุกหนทางเพื่อช่วยคนยากไร้ ให้ลืมตาอ้าปากได้ในสังคม “คนกินคน” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น รัฐบาลทุนสามานย์เอื้อผลประโยชน์ให้กับคนร่ำรวย ที่เป็นคนส่วนน้อยทั้งทางตรงทางอ้อมตลอดเวลา ดังเช่น
เกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ในชาติ ทำอาชีพการเกษตรมาแต่โบราณกาล ต้องเหน็ดเหนื่อยเลือดตากระเด็น เพื่อสร้างผลผลิตเลี้ยงคนทั้งชาติ และส่งสินค้าการเกษตรออกขายทั่วโลก ทว่า...ไม่ใช่เพียงชีวิตจะไม่เคยร่ำรวยแล้ว แต่ยังกลับยากจนข้นแค้นยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่เลวร้ายมากขึ้นแล้ว ยังต้องพบกับการเอารัดเอาเปรียบจาก “คน” ด้วยกันอีก
โดยรัฐบาลทุนสามานย์ส่วนใหญ่ ไม่จริงจัง-จริงใจกับการแก้ปัญหาความทุกข์ยาก ในทุกด้านของเกษตรกรแต่ประการใดเลย
ที่เลวร้ายกว่านั้น คือ นักการเมือง-โรงสี-พ่อค้าส่งออก-พ่อค้าขายพันธุ์พืชและสัตว์-ขายยาและปุ๋ยเคมี ฯลฯ กลับร่ำรวยมากขึ้นๆ โดยไม่หยุดยั้ง จนหลายตระกูลกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี ที่ผูกขาดธุรกิจ “การทำนาบนหลังคน” มาจนทุกวันนี้
รัฐบาลในอดีตตราบจนรัฐบาลนี้ ผู้มีอำนาจยังคงปล่อยให้ชาติไทย ไร้กฎหมายต่อต้านการค้าที่ไม่เป็นธรรม! ไร้กฎหมายต่อต้านการค้าผูกขาด! ฯลฯ แถมมีแต่นโยบายและภาคปฏิบัติทางการเงินการคลังนานัปการอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนส่งเสริมทุนผูกขาดของคนไม่กี่ตระกูล ทั้งธุรกิจส่งออก-ภาคบริการ-ภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ
ทำประหนึ่งภาคการเกษตรเป็น “พลเมืองชั้นสอง” ซึ่งรัฐไร้การแก้ปัญหาให้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน เรื่องน้ำ เรื่องต้นทุนการผลิต เรื่องของสินค้าที่ถูกกดราคา ฯลฯ เช่น รัฐไม่เคยแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมให้กับเกษตรกรได้เลยจนทุกวันนี้รัฐบาลที่ผ่านมา ลงทุนอย่างมหาศาลในการแก้ปัญหา และมีมาตรการสารพัด ส่งเสริมให้ทุนอุตสาหกรรม ทั้งของคนไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังปล่อยให้อุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย ไปทำการผลิตจนทำลายพื้นที่การเกษตร ก่อเกิดภัยร้ายต่อชีวิต และสินค้าทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของชาติไทย
ขณะที่สิ่งที่รัฐบาลลงทุนให้ภาคการเกษตร มักไม่ตรงกับความจำเป็นที่เกษตรกรเรียกร้อง นั่นยังไม่รวมถึงนักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้า ที่ชอบแอบอ้างการช่วยเหลือเกษตรกรไทย แล้วสมคบกันคอร์รัปชันโกงเงินชาติ ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรอยู่เป็นอาจิณ ดังเช่น
การผลาญและโกงเงินชาติจนเสียหายมากเป็นประวัติการณ์ 7-8 แสนล้านบาท ในโครงการ “จำนำข้าวทุกเม็ด” ของรัฐบาลทุนสามานย์ “พี่คิด-น้องโกง” ที่ฉาวไปทั้งโลกไงล่ะ
บอกแล้วไงว่า...ที่ผ่านมา ชาติไทยมีแต่รัฐบาลทุนสามานย์ เอื้อประโยชน์คนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยเป็นหลัก! “บิ๊กตู่” จะเป็นเหมือนรัฐบาลทุนสามานย์ที่ผ่านมาไหมล่ะ?
งานนี้...ผู้คนกำลังจับตาดูว่า รัฐบาล “บิ๊กตู่” จะเป็น “หลัก” ของคนส่วนน้อยหรือคนส่วนใหญ่?