xs
xsm
sm
md
lg

Baking With Love “ลูกเกด-ชญาณ์นันท์” อบด้วยใจ..เสิร์ฟด้วยรัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
“Do What You Love, Love What You Do" ทำในสิ่งที่เรารัก..รักในสิ่งที่เราทำ คงไม่มีความโชคดีไหนจะดีไปเสียกว่าการได้ทำในสิ่งที่รักและได้รักในสิ่งที่ทำอีกแล้ว เพราะนั่นหมายถึง “ความสุข” ที่ไม่มีใครสามารถลิดรอนไปจากเราได้นั่นเอง

"เวลาได้ทำอาหารนะ มันรู้สึกเหมือนเรามีอีกโลกหนึ่งเลย เรารู้สึกมีความสุขเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่กับมัน"-ลูกเกด ชญาณ์นันท์ พิพัฒน์ชยกุล นักแสดงสาวดาวดวงใหม่จากซีรีส์ “Project X แฟ้มลับเกมสยอง” ว่าไว้เช่นนั้น ก่อนจะพาเราสวมผ้ากันเปื้อนเข้าสู่โลกใบที่สอง พร้อมเสิร์ฟความน่ารักและตัวตนของเธอผ่านบทสนทนาต่อจากนี้..

เมื่อโลก(ของเธอ)..หมุนรอบเตาอบ!

มองภายนอกอาจคิดว่าสาวแก่นเปรี้ยวอย่างเธอ ต้องชื่นชอบการทานอาหารฝรั่งเป็นแน่ แต่นั่นอาจเป็นความคิดที่ค่อนข้างด่วนสรุปไปสักนิด ทว่าเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น เธอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าเป็นคนชอบทานอาหารไทยมากที่สุด

“จริงๆ แล้วเกดจะเป็นคนที่ค่อนข้างเหมือนแม่ กินอะไรก็จะเหมือนแม่ แม่จะไม่ชอบกินอาหารฝรั่ง แม่จะชอบกินอาหารไทย ด้วยความที่บ้านหม่ามี๊จะอยู่ตรงแม่กลอง เขาก็จะกินแต่ปลาทะเล เกดก็จะติดแม่หมดเลย กินปลาทะเล กินน้ำพริก กินปลาทู”

ความโดดเด่นของสาวคนนี้เห็นได้ชัดในเรื่องการทำอาหาร แม้เริ่มแรกเธอไม่ใช่คนชอบการทำอาหารมาตั้งแต่เด็กก็ตาม แต่ด้วยการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของเธอ ทำให้เธอเริ่มสนใจการเข้าครัวและหลงรักมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“ช่วงนั้นเทรนด์การกินอาหารคลีนเริ่มมา เกดเริ่มเห็นเวลาแม่ทำกับข้าว แม่ใส่น้ำมันเยอะมาก เลยรู้สึกว่าไม่อยากกินน้ำมัน มันเหนื่อยในการออกกำลังกาย เพราะทำงานตรงนี้ต้องดูแลตัวเอง เกดก็เริ่มทำกับข้าวเอง อ่านดูจากในไอจี ในอินเทอร์เน็ตที่เขามีสูตรมาให้ จริงๆ แล้วฝรั่งเขาจะเริ่มทานคลีนฟูดมาก่อนเราแล้ว
เพราะฉะนั้นพวกอาหารหรือขนม เกดจะอแดปมาจากสูตรของฝรั่งเอาได้ พอเริ่มๆ อ่าน เริ่มรู้ว่าคลีนจะต้องกินยังไง เกดเลยเริ่มทำกับข้าวเอง”


 
ด้วยความที่เธอเป็นคนช่างสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเรื่องการทานอาหารเป็นอย่างมาก
ทำให้เธอเห็นว่าการทำอาหารแต่ละครั้งใช้ปริมาณเครื่องปรุงรสมากเกินจำเป็น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอใส่ใจเรื่องการทานอาหารมากเป็นพิเศษ

“เกดเห็นว่าเวลาทำอาหารเขาใช้ปริมาณพวกน้ำตาล น้ำปลา น้ำมัน เยอะมากใช้จนเกินความจำเป็น เกดมองว่าคนส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าปริมาณนี้มันเยอะแค่ไหน และด้วยความที่พ่อเกดเป็นมะเร็ง เกดเป็นลูกเลยทำให้รู้สึกว่ามีโอกาสที่จะเป็นสูงกว่าคนอื่นๆ มันทำให้ต้องเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้นแล้ว”

เขาว่ากันว่าหากใครสักคนได้ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ชอบ มันจะเหมือนได้อยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง โลกที่ตลบอบอวลไปด้วยความสุข มีเพียงแค่เราและสิ่งที่ชอบปรากฎขึ้นตรงหน้าเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจและทำให้รู้สึกหลงใหลไปกับมัน

หลังคำถาม “ทำอาหารมีความสุขยังไง” จบประโยคไป ยังไม่ทันได้ฟังเธอให้คำตอบจนจบ แววตาประกายของเธอก็ได้อธิบายความหลงใหลในการทำอาหารออกมาหมดแล้ว

เวลาเกดทำอาหารนะ มันรู้สึกเหมือนเรามีอีกโลกหนึ่ง ครัวนี้เป็นของเกด เกดจะชอบทำอาหารเวลาที่เครียดหรือหงุดหงิด เพราะมันจะทำให้เกดมีสมาธิ มันทำให้เราต้องใส่ใจกับมัน อย่างถ้าเราอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดหรือขี้เกียจ เราจะทำขนมไม่สวยเลย

ทุกๆ อย่างมันต้องใจเย็น ค่อยๆ ทำ ต้องประณีต มันอาจจะมีสูตรตายตัวนะ แต่ทุกคนต่อให้ได้สูตรนี้ ผลลัพธ์ที่ได้มันจะออกมาไม่เหมือนกัน การทำขนมมันขึ้นอยู่กับทุกๆ อย่างเลย อย่างเราทำขนม 10 ครั้ง เราก็อาจจะไม่เหมือนเดิมสักครั้ง เพราะฉะนั้นต้องทำแล้วใจเย็นๆ อยู่กับมันให้เยอะๆ”

“ขนมเอแคลร์” นี่แหละฉัน!

พูดถึงเรื่องการทำขนมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า “หากเปรียบเธอเป็นขนมสักอย่างหนึ่ง” สำหรับเธอแล้วคิดว่าจะเป็นขนมอะไร เธอยิ้มหวานพร้อมครุ่นคิดก่อนให้คำตอบที่ทำเอาเห็นด้วยกับเธออย่างปฏิเสธไม่ได้

“อยากเป็นเอแคลร์แล้วกัน เพราะเกดรู้สึกว่าเอแคลร์มันเป็นขนมที่มีทั้งสองรส คือมีทั้งความกรอบของแป้ง มีความนุ่มๆ ของตัวครีมและไส้ ซึ่งมันก็เปลี่ยนได้หลายๆ แบบ อีกอย่างครีมแต่ละแบบ แต่ละรสชาติก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งแป้งแข็งมาก แป้งนุ่มๆ มันให้ความรู้สึกว่าข้างนอกอาจจะดูเหมือนกันหมด แต่บางทีกินแล้วก็ไม่เหมือนกัน”

จริงอยู่ที่ขนมเอแคลร์มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ หากแต่รสชาติของมันคงสร้างความละมุนละไมได้ต่างกันแน่ๆ เช่นเดียวกันสาวเกดที่แม้ภายนอกคนทั่วไปอาจมองว่าเธอหยิ่ง นิ่งขรึม ทว่าหากได้รู้จักเธอจริงๆ แล้วล่ะก็ เชื่อเลยว่าจะต้องตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน

เกดเป็นคนโกรธง่าย หายเร็ว ยิ้มง่าย จริงๆ เป็นคนที่คุยกับคนง่ายถ้ารู้จัก แต่พอไม่รู้จักเกดจะนิ่งจนคนคิดว่าเกดหยิ่ง อย่างตอนสมัยเรียนศิลปากรที่เข้าเรียนแรกๆ ไม่มีใครคุยกับเกดเลย ไม่มีเพื่อนคุยด้วยเลย จนกระทั่งหันไปคุยกับเพื่อนว่าเธอชื่ออะไร เลยได้สนิทกับเพื่อนคนนี้เพราะเราเริ่มคุยก่อน ซึ่งเพื่อนบอกตอนหลังว่าที่ไม่กล้าคุยเพราะคิดว่าเกดหยิ่ง” (หัวเราะ)

 
ความสามารถของเธอไม่ได้เฉิดฉายในเรื่องการทำอาหารเพียงอย่างเดียว สำหรับโลกการทำงานแล้วเธอยังต้องรับบทบาทสำคัญในซีรีส์เรื่อง “Project X” ทางช่อง Mono29 ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นแรกที่เธอได้รับบทบาทเต็มตัว แม้ก่อนหน้านี้เธอได้ชิมลางเส้นทางบันเทิงผ่านงานละครและพิธีกรมาบ้างแล้วก็ตาม

“ตอนนี้มีผลงานเรื่อง Project X แฟ้มลับเกมสยองค่ะ อยากให้ทุกคนติดตามกัน เกดอาจจะผ่านงานพิธีกรหรืองานละครมาบ้างแล้ว แต่งานนี้ถือเป็นเรื่องแรกเลยที่เต็มตัวและเกดเต็มที่กับมันจริงๆ ค่ะ”

หากพูดถึงความยากของการแสดง เธอขยายความให้ฟังว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้คนดูเชื่อในตัวละครนั้นๆ ซึ่งผู้รับบทเองต้องทำการบ้านมาอย่างดี เข้าถึงอารมณ์และแสดงออกมาให้คนดูเชื่อให้ได้ ถึงแม้บทบาทที่เธอได้รับมอบหมายจะขัดกับนิสัยขี้กลัวผีของเธอไปเสียหน่อย แต่เธอก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่

“เราต้องทำให้คนดูเชื่อ ซึ่งเกดต้องเล่นเป็นคนเห็นวิญญาณ แต่ชีวิตจริงเกดกลัวผีมาก (หัวเราะ) แต่ต้องทำให้คนดูเชื่อว่าเราเห็นมันจริงๆ นะ เราสัมผัสมันได้จริงๆ ต้องแสดงอารมณ์ออกมาให้คนดูเชื่อจริงๆ

เกดฝึกฝนด้วยการทำการบ้านเยอะๆ อ่านบทเยอะๆ เกดไม่เคยฝึกฝนกับหน้ากระจก เพราะมีความรู้สึกว่าเวลาทุกคนส่องกระจก ความเป็นตัวของตัวเองมันจะเปลี่ยนไป เกดจะอ่านบทสัก 3-4 รอบ แล้วทำการบ้านว่าซีนก่อนหน้านี้คืออะไร ซีนหลังจากนี้คืออะไร แล้วเราก็จะจินตนาการภาพออกว่ามันเป็นแบบนี้ๆ”

3 เรื่องแฮปปี้..ที่ยากจะลืม

“เกดว่าทุกคนไม่มีใครดีไปหมด ไม่มีใครเสียไปหมดหรอก แต่เกดจะเลือกทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน” นี่คือสิ่งที่เธอบอกกับเราหลังจบคำถามว่าเธอดูเป็นสาวคิดบวกหรือเปล่า แน่นอนว่าคงไม่มีใครดีไปเสียหมดอย่างที่เธอว่าไว้จริงๆ

เมื่อทุกคนมีหลายมุมเหมือนวัตถุหลายมิติ คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมีเรื่องที่ประทับใจและไม่น่าประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำ ทีมงานจึงขอถามเธอถึงเหตุการณ์ที่เรียกรอยยิ้มให้สาวเกดทุกครั้งที่นึกถึง ก่อนเธอจะเล่าต่อไปถึงช่วงเวลาในครั้งนั้น

“อันดับหนึ่งของเกดคงเป็น พ่อกับแม่ เกดรู้สึกภูมิใจมากที่ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่ตอนเรียนมหา'ลัย รู้สึกดีใจจังที่ไม่ได้ขอเงินพวกเขา อาจจะคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่เราจะรู้สึกว่าโตกว่าเด็กคนอื่นๆ เกดรู้สึกว่าเราได้ก้าวข้ามความเป็นเด็กไปแล้ว

อันดับที่สองที่ตอนนี้ยังทำอยู่เรื่อยมาเลยคือ ถ้าเกดมีเวลาว่างและได้ไปตลาด เกดจะเอาเงินติดตัวไป 1,000 บาท แล้วก็ไปเหมาปลาทั้งแผงเอาไปปล่อย ยิ่งถ้าเดินผ่านร้านไหนแล้ว ปลามันดิ้นออกมา เกดจะซื้อเลยนะ เพราะนั่นคือมันหนีตายมาให้เราช่วย"
ลูกเกดและคุณแม่
 
"อันดับสามคือ เรื่องการทำขนมให้คนรอบตัวเราได้กิน ยิ่งเวลาทำให้แม่กิน เราจะแฮปปี้กับการที่แม่กินขนมที่เราทำมากกว่าจะไปซื้อขนมตามท้องตลาดทั่วไป เวลาเห็นแม่กินเราก็มีความสุขไปด้วย มีความสุขที่ได้เห็นคนที่เขากินของๆ เราแล้วมีความสุข

นี่คือสามเรื่องราวความฟิวกูดที่สุดในชีวิตของสาวมีเสน่ห์ “ลูกเกด-ชญาณ์นันท์” ที่ทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกอิ่มเอมใจไปกับเธอด้วย ก่อนเธอจะทิ้งท้ายถึงเรื่องการทำบุญที่เธอขยายความให้ฟังว่าการดูแลพ่อแม่ ซึ่งถือเป็นพระประจำบ้านคือสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก

“สมัยนี้การไหว้พ่อแม่ การดูแลพ่อแม่คือพระในบ้าน คือที่สุดแล้ว นอกจากนั้นจะเป็นการทำทานกับคน อย่างเวลาเกดไปบ้านยายที่ต่างจังหวัด เวลาถึงหน้าหนาวเกดจะซื้อผ้าห่มไป ซื้อไมโล โอวัลตินไปให้คนที่เขาไม่มี มันรู้สึกว่านี่คือการช่วยเหลือจริงๆ มากกว่า เกดไม่ได้หวังผลนะแต่แค่รู้สึกว่ามันเห็นผลมากกว่า”

เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ : วชิร สายจำปา
ภาพประกอบ IG : lookkatecyn

ชมภาพความน่ารักและเมนูขนมของเธอต่อเลย..











กำลังโหลดความคิดเห็น