นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่ม นปช. เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วมสังเกตการณ์การทำประชามติ ร่างรธน. ว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่จะเหมาะสมหรือไม่นั้น ซึ่งในที่ประชุมร่วมกับกกต. เห็นว่า การให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามา ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย การดูแลเรื่องความปลอดภัย มีภาระ และจะเป็นช่องทางให้เกิดความไม่สงบได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชิญมาอย่างเป็นทางการ และคิดกันว่า การเลือกตั้งส.ส. ปี 2560 ต้องเชิญมา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้สมัครทุกฝ่าย เพราะจะมีเรื่องของการได้เปรียบ เสียเปรียบกัน แต่กรณีประชามติ ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีการแข่งขัน ประชาชนบอกว่ารับ หรือไม่รับ ก็จบ แต่หากองค์กรระหว่างประเทศจะเข้ามาเอง ก็สามารถทำได้ แต่ต้องไปคุยกับ กกต.เอาเอง
เมื่อถามถึง กรณีที่กกต.แจ้งความเอาผิดผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มันวุ่นวายตั้งแต่เริ่มทำอะไรท้าทาย ส่วนการเข้าไปจัดการ จะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสม ถ้ามากเกินไปก็ไม่ถูก การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ กับผู้ที่อาจมีพฤติกรรมกระทำความผิด เขาอาจรู้อะไรบางอย่าง แต่ถ้าสิ่งที่เจ้าหน้าที่รู้มาไม่ถูก ความผิดก็ไม่มีอยู่แล้ว ถ้าเรื่องไปถึงศาลก็ยกฟ้อง หรือเจ้าหน้าที่อาจถูกฟ้องกลับ สุดท้ายใครทำอะไร แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้ ตนเห็นด้วยกับบางฝ่ายที่เรียก ร้องให้ กกต. ออกมาชี้แจงให้ชัดว่า อะไรที่ทำได้ ทำไม่ได้ ถูกผิด ดำ ขาว เทา ทั้งนี้ การทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนไปลงประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. นั้น เป็นหน้าที่หลักของ กกต. ส่วนราชการไหนจะร่วมรณรงค์ ก็ต้องหารือกับ กกต. แต่ถ้าไม่ปรึกษากกต. ก็จะต้องเสี่ยงเอาเอง
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การพิจารณาว่า การแสดงความเห็นร่างรธน. ผิดหรือไม่ ให้ดูโดยยึดความหมายของคำว่า "เจตนาบริสุทธิ์"เป็นหลักว่า ตนไม่ได้มองถึงเรื่องนี้ เพราะมันเป็นนามธรรม กกต.จะมองว่า การแสดงความคิดเห็น มีการใช้ถ้อยคำที่ หยาบคาย รุนแรง หรือไม่มากกว่า เพราะอยากให้การแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงครั้งนี้ เป็นไปด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า
ส่วนที่มีข่าวว่า ผู้แทนอียู ติดต่อขอพบกกต. นั้น จริงๆแล้ว เป็นการขอพบตนเป็นการส่วนตัว โดยผู้แทนอียู จะเดินทางไปประเทศพม่า และมีเวลา 1 ชั่วโมง ในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. ก่อนเดินทาง จึงได้เชิญตนไปรับประทานอาหาร เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับกระบวนการประชามติร่างรธน. ที่จะมีขึ้น
เมื่อถามว่า การพบกับผู้แทนอียู อาจทำให้รัฐบาลมองว่า กกต.ขัดนโยบายหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะกรณีนี้เขาขอพบนายสมชัย เป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ กกต. และ กกต.ไม่ได้เชิญผู้แทน อียู
เมื่อถามถึง กรณีที่กกต.แจ้งความเอาผิดผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มันวุ่นวายตั้งแต่เริ่มทำอะไรท้าทาย ส่วนการเข้าไปจัดการ จะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสม ถ้ามากเกินไปก็ไม่ถูก การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ กับผู้ที่อาจมีพฤติกรรมกระทำความผิด เขาอาจรู้อะไรบางอย่าง แต่ถ้าสิ่งที่เจ้าหน้าที่รู้มาไม่ถูก ความผิดก็ไม่มีอยู่แล้ว ถ้าเรื่องไปถึงศาลก็ยกฟ้อง หรือเจ้าหน้าที่อาจถูกฟ้องกลับ สุดท้ายใครทำอะไร แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้ ตนเห็นด้วยกับบางฝ่ายที่เรียก ร้องให้ กกต. ออกมาชี้แจงให้ชัดว่า อะไรที่ทำได้ ทำไม่ได้ ถูกผิด ดำ ขาว เทา ทั้งนี้ การทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนไปลงประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. นั้น เป็นหน้าที่หลักของ กกต. ส่วนราชการไหนจะร่วมรณรงค์ ก็ต้องหารือกับ กกต. แต่ถ้าไม่ปรึกษากกต. ก็จะต้องเสี่ยงเอาเอง
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การพิจารณาว่า การแสดงความเห็นร่างรธน. ผิดหรือไม่ ให้ดูโดยยึดความหมายของคำว่า "เจตนาบริสุทธิ์"เป็นหลักว่า ตนไม่ได้มองถึงเรื่องนี้ เพราะมันเป็นนามธรรม กกต.จะมองว่า การแสดงความคิดเห็น มีการใช้ถ้อยคำที่ หยาบคาย รุนแรง หรือไม่มากกว่า เพราะอยากให้การแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงครั้งนี้ เป็นไปด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า
ส่วนที่มีข่าวว่า ผู้แทนอียู ติดต่อขอพบกกต. นั้น จริงๆแล้ว เป็นการขอพบตนเป็นการส่วนตัว โดยผู้แทนอียู จะเดินทางไปประเทศพม่า และมีเวลา 1 ชั่วโมง ในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. ก่อนเดินทาง จึงได้เชิญตนไปรับประทานอาหาร เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับกระบวนการประชามติร่างรธน. ที่จะมีขึ้น
เมื่อถามว่า การพบกับผู้แทนอียู อาจทำให้รัฐบาลมองว่า กกต.ขัดนโยบายหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะกรณีนี้เขาขอพบนายสมชัย เป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ กกต. และ กกต.ไม่ได้เชิญผู้แทน อียู
