ศรีสะเกษ-"ลูกเทพ"เมินคำสั่งศาล บุกทุบรถยนต์คันที่ 9 ภายในบริเวณสำนักงาน สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ทำกระจกหลังรถแตกเสียหายยับ ผู้เสียหายลั่นดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด แม้แม่ผู้ก่อเหตุจะขอเคลียร์ เผยเหตุเป็นประเด็นเดิม ทำประชดแม่ หลังขอเงิน 8 แสนซื้อบิ๊กไบค์ไม่ได้ ด้านเจ้าหน้าที่ผวาหนัก กลัวเป็นรายต่อไป เหตุเคยขู่ไว้จะทุบให้ถึง 10 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 เม.ย.) ได้เกิดเหตุการณ์คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปภายในบริเวณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ศรีสะเกษ เขต 1 ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และได้ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ ทุบที่บริเวณกระจกด้านหลังรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอินโนวา สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 7126 ศรีสะเกษ ของนางวัทรา แท่นสละ นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการพิเศษ กลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณด้านหน้าสำนักงาน
ทั้งนี้ ขณะที่คนร้ายกำลังขว้างก้อนหินขนาดใหญ่ใส่กระจกรถนั้น ปรากฏว่า รถจักรยานยนต์ของคนร้ายได้ล้มลง ซึ่งคนร้ายได้รีบดึงเอารถจักรยานยนต์ขึ้นมา และขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อมานางวัทรา ได้ออกมาดูรถของตัวเอง และดูภาพกล้องวงจรปิดของสำนักงาน พร้อมกับยืนยันว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด เนื่องจากรถยนต์จอดอยู่ในสถานที่ราชการยังไม่มีความปลอดภัยและยังโดนทุบพังเสียหายแบบนี้
นางวัทรากล่าวว่า คาดว่าคนร้าย คือ นายกิติศักดิ์ วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี บุตรชายของ นางรุจิราภรณ์ หลาวทอง นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ซึ่งเคยก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ของเจ้าหน้าที่และผู้มาติดต่อราชการในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.2559 มาแล้ว จำนวน 8 คัน แต่ได้มีการเจรจายอมความกันได้ โดยนางรุจิราภรณ์ แม่ของคนร้าย ได้ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของรถที่ถูกลูกชายของตัวเองทุบรถทุกคัน
ต่อมา ร.ต.อ.สัญญา จันโท พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า กระจกด้านหลังรถโดนก้อนหินขนาดใหญ่ทุบกระจกแตกเป็นช่องขนาดใหญ่ และพบก้อนหินตกอยู่ภายในรถ จึงได้เก็บก้อนหินไว้เป็นหลักฐาน และได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้ โดยเบื้องต้นทราบแล้วว่า ผู้ที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนร้ายรายเดิมที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งภายในบริเวณสำนักงานแห่งนี้ และเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 15.00 น. คนร้ายรายนี้ได้เข้ามาภายในสำนักงาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเหตุก่อนจึงได้เข้ามาระงับเหตุได้ทัน และได้นำตัวนายกิติศักดิ์ ไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจแล้ว แต่ยังมาเกิดเหตุขึ้นอีกจนได้
จากนั้น นางนางวัทรา พร้อมด้วยสามี ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สัญญา ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายกิติศักดิ์ เพราะมีพยานหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลยืนยัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว เพื่อดำเนินคดี โดยตั้งข้อหาทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย และจะมีการตรวจสอบด้วยว่า นายกิติศักดิ์ กระทำผิดในข้อหาว่ามีการละเมิดอำนาจศาลที่ได้มีคำสั่งว่าห้ามเข้าไปภายในบริเวณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 หรือไม่อย่างไร เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ นายกิติศักดิ์ ได้เคยก่อคดีทุบรถยนต์ในบริเวณนี้มาแล้ว 8 ครั้ง และถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาล แต่ได้รับการประกันตัวออกมา
นางวัทรา กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่ารถยนต์ของตนจะถูกทุบ ตนได้ปรึกษากับสามีแล้วว่าจะแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับคนร้ายรายนี้ ซึ่งทราบแล้วว่าคือ นายกิติศักดิ์ ลูกชายของนางรุจิราภรณ์ ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน โดยตนจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดและไม่หวั่นเกรงอิทธิพลว่าคนร้ายเป็นหลานของบิ๊กสีกากีคนหนึ่งแต่อย่างใด และหลังเกิดเหตุ แม่ของคนร้ายได้เข้ามาพบกับตน เพื่อเจรจาค่าเสียหาย แต่ว่าตนไม่คุยด้วย เพราะต้องการดำเนินคดีกับคนร้ายไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป เพราะเห็นว่าคนร้ายรายนี้ มีการกระทำที่ไม่หวั่นเกรงกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด
ทางด้านนายชอุ่ม กรไกร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 และปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด รายงานให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับทราบแล้ว โดยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งได้จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนต่างพากันหวาดผวาว่ารถของตัวเองจะถูกทุบทำลายจากการกระทำของคนร้ายรายนี้ เพราะเคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทุบให้ถึง 10 คัน ซึ่งต่อมาได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งได้มาพบกับนายชอุ่ม เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ตามกฎหมาย โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 30 นาที จึงกลับออกไปด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 เม.ย.) ได้เกิดเหตุการณ์คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปภายในบริเวณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ศรีสะเกษ เขต 1 ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และได้ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ ทุบที่บริเวณกระจกด้านหลังรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอินโนวา สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 7126 ศรีสะเกษ ของนางวัทรา แท่นสละ นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการพิเศษ กลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณด้านหน้าสำนักงาน
ทั้งนี้ ขณะที่คนร้ายกำลังขว้างก้อนหินขนาดใหญ่ใส่กระจกรถนั้น ปรากฏว่า รถจักรยานยนต์ของคนร้ายได้ล้มลง ซึ่งคนร้ายได้รีบดึงเอารถจักรยานยนต์ขึ้นมา และขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อมานางวัทรา ได้ออกมาดูรถของตัวเอง และดูภาพกล้องวงจรปิดของสำนักงาน พร้อมกับยืนยันว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด เนื่องจากรถยนต์จอดอยู่ในสถานที่ราชการยังไม่มีความปลอดภัยและยังโดนทุบพังเสียหายแบบนี้
นางวัทรากล่าวว่า คาดว่าคนร้าย คือ นายกิติศักดิ์ วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี บุตรชายของ นางรุจิราภรณ์ หลาวทอง นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ซึ่งเคยก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ของเจ้าหน้าที่และผู้มาติดต่อราชการในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.2559 มาแล้ว จำนวน 8 คัน แต่ได้มีการเจรจายอมความกันได้ โดยนางรุจิราภรณ์ แม่ของคนร้าย ได้ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของรถที่ถูกลูกชายของตัวเองทุบรถทุกคัน
ต่อมา ร.ต.อ.สัญญา จันโท พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า กระจกด้านหลังรถโดนก้อนหินขนาดใหญ่ทุบกระจกแตกเป็นช่องขนาดใหญ่ และพบก้อนหินตกอยู่ภายในรถ จึงได้เก็บก้อนหินไว้เป็นหลักฐาน และได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้ โดยเบื้องต้นทราบแล้วว่า ผู้ที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนร้ายรายเดิมที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งภายในบริเวณสำนักงานแห่งนี้ และเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 15.00 น. คนร้ายรายนี้ได้เข้ามาภายในสำนักงาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเหตุก่อนจึงได้เข้ามาระงับเหตุได้ทัน และได้นำตัวนายกิติศักดิ์ ไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจแล้ว แต่ยังมาเกิดเหตุขึ้นอีกจนได้
จากนั้น นางนางวัทรา พร้อมด้วยสามี ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สัญญา ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายกิติศักดิ์ เพราะมีพยานหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลยืนยัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว เพื่อดำเนินคดี โดยตั้งข้อหาทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย และจะมีการตรวจสอบด้วยว่า นายกิติศักดิ์ กระทำผิดในข้อหาว่ามีการละเมิดอำนาจศาลที่ได้มีคำสั่งว่าห้ามเข้าไปภายในบริเวณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 หรือไม่อย่างไร เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ นายกิติศักดิ์ ได้เคยก่อคดีทุบรถยนต์ในบริเวณนี้มาแล้ว 8 ครั้ง และถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาล แต่ได้รับการประกันตัวออกมา
นางวัทรา กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่ารถยนต์ของตนจะถูกทุบ ตนได้ปรึกษากับสามีแล้วว่าจะแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับคนร้ายรายนี้ ซึ่งทราบแล้วว่าคือ นายกิติศักดิ์ ลูกชายของนางรุจิราภรณ์ ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน โดยตนจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดและไม่หวั่นเกรงอิทธิพลว่าคนร้ายเป็นหลานของบิ๊กสีกากีคนหนึ่งแต่อย่างใด และหลังเกิดเหตุ แม่ของคนร้ายได้เข้ามาพบกับตน เพื่อเจรจาค่าเสียหาย แต่ว่าตนไม่คุยด้วย เพราะต้องการดำเนินคดีกับคนร้ายไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป เพราะเห็นว่าคนร้ายรายนี้ มีการกระทำที่ไม่หวั่นเกรงกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด
ทางด้านนายชอุ่ม กรไกร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 และปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด รายงานให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับทราบแล้ว โดยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งได้จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนต่างพากันหวาดผวาว่ารถของตัวเองจะถูกทุบทำลายจากการกระทำของคนร้ายรายนี้ เพราะเคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทุบให้ถึง 10 คัน ซึ่งต่อมาได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งได้มาพบกับนายชอุ่ม เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ตามกฎหมาย โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 30 นาที จึงกลับออกไปด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด