ผู้จัดการรายวัน360-แบงก์กรุงเทพพร้อมจ่ายแบงก์การันตี "ไทยทีวี" ตามเงื่อนไข กสทช. จำนวน 1,748 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี ยันได้ตั้งสำรองในจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเต็ม 100% แล้ว "เจ๊ติ๋ม"ดิ้นสู้ ร้องศาลปกครองกลางขอคุ้มครองชั่วคราว หลัง กสทช. เรียกเก็บแบงก์การันตีกว่า 1,900 ล้าน
นายชาติศิริ โสภณพณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังธนาคารกรุงเทพ เพื่อขอให้เข้ามาชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลของช่องไทยทีวี จำนวนเงิน 1,748 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2558 ภายใน 7 วัน ว่า ธนาคารพร้อมที่จะทำตามเงื่อนไขของ กสทช. ซึ่งจะต้องชำระเงินจำนวนเงินดังกล่าวภายในระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันครบกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา
"เรื่องที่ กสทช. แจ้งมาให้แบงก์กรุงเทพดำเนินการ ผมยังไม่ทราบเรื่อง แต่ยินดีจะทำตามกฎของ กสทช. ทุกอย่าง และในส่วนนี้ เราได้มีการตั้งสำรองในจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเต็ม 100% ไว้ทั้งหมดแล้ว” นายชาติศิริ กล่าว
ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดไต่สวนคดีที่บริษัทไทยทีวี จำกัด โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือติ๋ม ทีวีพูล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลประเภทช่องรายการข่าวและสาระ ได้ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการดำเนินการใดๆ ในการเรียกเก็บชำระเงิน ตามหนังสือค้ำประกัน หรือแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 1,976 ล้านบาท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนถึงที่สุด ในคดีที่ บจก.ไทยทีวี ยื่นฟ้อง กสทช. เรื่องกระทำการโดยมิชอบ ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย กรณี กสทช. ละเลยต่อหน้าที่ตามที่แผนแม่บทกิจการวิทยุโทรทัศน์กำหนด และผิดต่อ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่ง กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ ทั้งเรื่องการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า และการประชาสัมพันธ์
นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า ได้มาขอศาลคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ธนาคารกรุงเทพจ่ายเงินให้กับ กสทช. หลังจากที่ธนาคารได้ส่งหนังสือมายังไทยทีวี เรื่องการยึดแบงก์การันตี โดยมั่นใจว่าศาลจะให้ความยุติธรรม เพราะ กสทช. มีความผิดจริง สามารถพิสูจน์ได้ โดยขณะนี้มีทีวีดิจิตอล 9 ช่อง ได้ฟ้อง กสทช. จึงเชื่อว่าเมื่อครบกำหนดจ่ายเงินค่าใบประมูลคลื่นทีวีดิจิตอลครั้งที่ 3 จะมีหลายช่องที่ไม่จ่ายเงิน
"เชื่อมั่นในศาลว่ายุติธรรม และมั่นใจว่าคดีของตนมีโอกาสชนะสูง แต่หากศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครอง ก็จะเดินหน้าสู้ต่อไปอีก แต่ก็จะทำให้ธุรกิจกระทบหนักมาก"
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ไทยทีวี มี 2 ใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอล และค้างการชำระหนี้ค่าคลื่นความถี่ กสทช.จึงเพิกถอนใบอนุญาต และยังได้คำตอบชัดเจนว่าจะไม่ยอมจ่ายหนี้ กสทช. จึงหันไปหาผู้ค้ำประกัน คือ ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งที่ผ่านมา ศาลไม่ได้คุ้มครองไทยทีวี กสทช. จึงมีหนังสือไปที่ธนาคารกรุงเทพ 2 ครั้ง เพื่อทวงหนี้ และล่าสุดธนาคารได้ส่งหนังสือไปให้ไทยทีวีแล้ว ทำให้ไทยทีวีต้องมาขออำนาจศาลคุ้มครองอีกครั้ง แต่ กสทช. กังวลว่า หากไม่สามารถทวงหนี้จากธนาคารได้ ก็จะกระทบเรื่องแบงก์การันตีของเจ้าอื่นๆ ได้ จึงต้องมาชี้แจงต่อศาล เพื่อคัดค้านการขอคุ้มครองชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ธนาคารต้องจ่ายเงินทั้งหมด เพราะเป็นเงื่อนไขที่ธนาคารยอมรับมาตั้งแต่ต้น และทราบว่าผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ พร้อมที่จะชำระเงินตามแบงก์การันตี แต่ถ้าไม่ กสทช. อาจต้องทำหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเสนอถึงผลกระทบกรณีที่ธนาคารไม่ยอมจ่ายเงินตามแบงก์การันตีต่อไป ส่วนกรณีที่ไทยทีวีจะอ้างว่าคดียังไม่สิ้นสุด และไม่ให้ยึดแบงก์การันตี ก็ต้องปล่อยตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติธนาคารกรุงเทพควรชดใช้เงินตามแบงก์การันตีให้ กสทช. ก่อน และหาก กสทช. แพ้คดี ก็สามารถเรียกเงินชดใช้คืนได้ในภายหลัง
นายชาติศิริ โสภณพณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังธนาคารกรุงเทพ เพื่อขอให้เข้ามาชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลของช่องไทยทีวี จำนวนเงิน 1,748 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2558 ภายใน 7 วัน ว่า ธนาคารพร้อมที่จะทำตามเงื่อนไขของ กสทช. ซึ่งจะต้องชำระเงินจำนวนเงินดังกล่าวภายในระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันครบกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา
"เรื่องที่ กสทช. แจ้งมาให้แบงก์กรุงเทพดำเนินการ ผมยังไม่ทราบเรื่อง แต่ยินดีจะทำตามกฎของ กสทช. ทุกอย่าง และในส่วนนี้ เราได้มีการตั้งสำรองในจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเต็ม 100% ไว้ทั้งหมดแล้ว” นายชาติศิริ กล่าว
ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดไต่สวนคดีที่บริษัทไทยทีวี จำกัด โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือติ๋ม ทีวีพูล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลประเภทช่องรายการข่าวและสาระ ได้ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการดำเนินการใดๆ ในการเรียกเก็บชำระเงิน ตามหนังสือค้ำประกัน หรือแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 1,976 ล้านบาท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนถึงที่สุด ในคดีที่ บจก.ไทยทีวี ยื่นฟ้อง กสทช. เรื่องกระทำการโดยมิชอบ ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย กรณี กสทช. ละเลยต่อหน้าที่ตามที่แผนแม่บทกิจการวิทยุโทรทัศน์กำหนด และผิดต่อ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่ง กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ ทั้งเรื่องการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า และการประชาสัมพันธ์
นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า ได้มาขอศาลคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ธนาคารกรุงเทพจ่ายเงินให้กับ กสทช. หลังจากที่ธนาคารได้ส่งหนังสือมายังไทยทีวี เรื่องการยึดแบงก์การันตี โดยมั่นใจว่าศาลจะให้ความยุติธรรม เพราะ กสทช. มีความผิดจริง สามารถพิสูจน์ได้ โดยขณะนี้มีทีวีดิจิตอล 9 ช่อง ได้ฟ้อง กสทช. จึงเชื่อว่าเมื่อครบกำหนดจ่ายเงินค่าใบประมูลคลื่นทีวีดิจิตอลครั้งที่ 3 จะมีหลายช่องที่ไม่จ่ายเงิน
"เชื่อมั่นในศาลว่ายุติธรรม และมั่นใจว่าคดีของตนมีโอกาสชนะสูง แต่หากศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครอง ก็จะเดินหน้าสู้ต่อไปอีก แต่ก็จะทำให้ธุรกิจกระทบหนักมาก"
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ไทยทีวี มี 2 ใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอล และค้างการชำระหนี้ค่าคลื่นความถี่ กสทช.จึงเพิกถอนใบอนุญาต และยังได้คำตอบชัดเจนว่าจะไม่ยอมจ่ายหนี้ กสทช. จึงหันไปหาผู้ค้ำประกัน คือ ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งที่ผ่านมา ศาลไม่ได้คุ้มครองไทยทีวี กสทช. จึงมีหนังสือไปที่ธนาคารกรุงเทพ 2 ครั้ง เพื่อทวงหนี้ และล่าสุดธนาคารได้ส่งหนังสือไปให้ไทยทีวีแล้ว ทำให้ไทยทีวีต้องมาขออำนาจศาลคุ้มครองอีกครั้ง แต่ กสทช. กังวลว่า หากไม่สามารถทวงหนี้จากธนาคารได้ ก็จะกระทบเรื่องแบงก์การันตีของเจ้าอื่นๆ ได้ จึงต้องมาชี้แจงต่อศาล เพื่อคัดค้านการขอคุ้มครองชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ธนาคารต้องจ่ายเงินทั้งหมด เพราะเป็นเงื่อนไขที่ธนาคารยอมรับมาตั้งแต่ต้น และทราบว่าผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ พร้อมที่จะชำระเงินตามแบงก์การันตี แต่ถ้าไม่ กสทช. อาจต้องทำหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเสนอถึงผลกระทบกรณีที่ธนาคารไม่ยอมจ่ายเงินตามแบงก์การันตีต่อไป ส่วนกรณีที่ไทยทีวีจะอ้างว่าคดียังไม่สิ้นสุด และไม่ให้ยึดแบงก์การันตี ก็ต้องปล่อยตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติธนาคารกรุงเทพควรชดใช้เงินตามแบงก์การันตีให้ กสทช. ก่อน และหาก กสทช. แพ้คดี ก็สามารถเรียกเงินชดใช้คืนได้ในภายหลัง