บ้านเมืองมาถึงจุดแห่งความไม่แน่นอนยิ่งกว่าเดิม แม้คุณท่านยังย้ำถึงเรื่องโรดแหม็บๆ ว่าจะมีเลือกตั้งอย่างโน้นอย่างนี้ พวกมองโลกตามความเป็นจริงเชื่อมั่นว่าใครก็ตามที่เสพติดอำนาจ ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ย่อมไม่อยากปล่อยอำนาจแน่
ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย ประวัติศาสตร์มีให้เห็นทุกยุค ยิ่งพวกคอร์รัปชันอำนาจ ใช้อำนาจโดยปราศจากคุณธรรม จริยธรรม ไม่สร้างประโยชน์ให้ประชาชน ก็ยิ่งหวาดผวาต่อการสูญเสียอำนาจ บางพวกก็อ้างว่าไม่ยึดติดอำนาจ นั่นแหละเป็นการโกหกซึ่งหน้าชัดๆ
ผู้กุมอำนาจอธรรมย่อมหวาดกลัวต่อการลงจากหลังเสือ ถูกคิดบัญชีย้อนหลัง เว้นแต่การได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยรวม ได้ใจชาวบ้าน มีมวลชนเป็นฐานแท้จริง จึงจะมั่นใจในพลังของประชาชนเป็นฐาน เสริมด้วยผลงาน คุณงามความดี ประวัติศาสตร์ไทยยังไม่เคยมีผู้นำการเมืองหน้าไหนเมื่อจากไป พ้นจากตำแหน่งแล้วมีประชาชนคนดีคร่ำครวญร่ำไห้ บอกว่าเสียดาย น่าจะอยู่นานๆ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มโดนแช่งชักหักกระดูกโดยชาวบ้านทุกเย็นย่ำค่ำเช้า แถมยังอายุยืนตายยากอีกด้วย
นั่นเป็นเพราะผู้นำรัฐบาลทั้งเป็นนักซื้อเสียงเลือกตั้งหรือมาโดยวิธีพิเศษอย่างอื่น ส่วนใหญ่มีมลทินตราบาปประทับทั้งสิ้น ถ้าไม่โกงเอง ก็ให้สมุนบริวารจัดการให้ ตีหน้าซื่ออวดอ้างแบบไม่อายว่าตัวเองมือสะอาดบริสุทธิ์ แต่ชาวบ้านคนรู้ทันว่าเป็นนักเขมือบคำโต
ผู้นำการเมืองปลอดจากคำนินทาเรื่องการทุจริตคืออดีตนายกฯ สัญญา ธรรมศักดิ์เท่านั้น ที่เหลือ ถ้าไม่คอร์รัปชันอำนาจ ทุจริตเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ปล่อยให้คนอื่นหากินแล้วตัวได้รับส่วนแบ่งมากเสมือนหนึ่งได้เป็นตัวเขมือบเสียเอง แผ่นดินไทยจึงน่าอนาถจริงๆ
มาถึงจุดนี้ เรื่องรัฐธรรมนูญและการประชามติก็ใช่ว่าจะเป็นตัวรับประกันว่าจากนี้ไปบ้านเมืองจะมีความสงบสุข ชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเห็นเค้าลางแล้วว่ารัฐธรรมนูญนี้แหละน่าจะนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิทธิเสรีภาพและสารพัด รัฐธรรมนูญเป็นเพียงตัวหนังสือ ต่อให้เทวดาร่างปกหุ้มทองคำก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ในแผ่นดินซึ่งคนไม่เคารพกฎหมาย มีแต่ขี้โกงเกือบทุกระดับในสังคม การทุจริต คอร์รัปชันมีอยู่ในทุกหน่วยราชการและองค์กรซึ่งอ้างว่าเป็นอิสระ ความเป็นจริงคือมีอิสระในการเปิบ
ในแผ่นดินซึ่งคนไม่เคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่รักษากฎหมาย เป็นสภาวะนิติรัฐล้มเหลวเพราะกลไกในกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ ไร้ความเที่ยงธรรม โดยเฉพาะในขั้นต้น ขั้นกลาง มีรัฐธรรมนูญก็ไร้ความหมาย มีกฎหมายอาญาคนก็ไม่กลัว
ในสังคมที่ไร้การพัฒนา เสื่อมโทรมด้านคุณธรรม จริยธรรม มีคนมักง่าย เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว ไม่เคารพกฎหมาย และไม่มีวี่แววว่าผู้กุมอำนาจพิเศษจะปรับโครงสร้าง ปฏิรูปภาคการเมือง สังคม อะไรอื่นอย่างจริงจัง ต่อให้มีรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายก็ไร้ผล
ต้องไม่ลืมว่าในเมืองไทยคนมีเงิน มีเส้น มีกระบวนการยุติธรรมระบบพิเศษ ต่อรองได้ โอนอ่อนผ่อนตามได้ ยิ่งถ้ามีอำนาจ เครือข่าย มีสถานะบางประการย่อมทำให้คนกลุ่มนั้นดำรงสภาพอยู่เหนือกฎหมายเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรเพื่อรักษากฎหมายเข้มงวด
ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยชื่อ “ทักษิณ” “วัฒนา” “จ่านิว” “ธัมมชโย” ชาวบ้านคนดีก็ถอนใจ และถอดใจในความเป็นสถานภาพพิเศษ ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนคำว่านโยบายพลังงาน สิ่งแวดล้อม เหมืองทองนรก เหมืองโปแตช ยิ่งสะท้อนให้เห็นสภาพนิติรัฐล้มเหลว
คนบนแผ่นดินนี้เริ่มไม่รักกัน ไม่รักชาติ เกิดความแตกแยกจนเสี่ยงเพิ่มทุกวันว่าอีกไม่นานจะเป็นอาณานิคมหรือทาสทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องมีใครยกกำลังมายึดครองให้เหนื่อยเหมือนการรบทัพจับศึกเมื่อระบบเงินตราธิปไตย การเอื้ออวยนายทุนเป็นใหญ่
รัฐธรรมนูญฉบับมีชัยปราชัย จึงไม่ใช่ยาวิเศษกำหนดอนาคตประเทศได้ เมื่อเห็นได้ชัดว่ามีขบวนการกระสันในอำนาจได้เปลี่ยนเนื้อหารัฐธรรมนูญจนผู้มีอำนาจปรามว่าจะชื่นชมเชียร์ก็ไม่ได้ ตำหนิชี้ข้อผิดถูกก็ไม่ได้ เป็นความผิด ทั้งๆ ที่พูดเรื่องประชาธิปไตย
ชาวบ้านทั่วไปก็งง สงสัยว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีหรือไม่ดีกันแน่! เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามแตะต้องล่วงละเมิดหรือเป็นอุจจาระอาจมห้ามใครไปขุดคุ้ยเขี่ย กลิ่นเหม็นเน่าจะฟุ้ง ทำให้เป็นประเด็นของความขัดแย้งใหม่หลังจากนโยบายปรองดองล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า
ยิ่งผู้มีอำนาจเปรยๆ โยนหินใส่หลังคาชาวบ้าน คำรามถามเสียงดังทำนองว่า “ถ้าพวกข้าจะอยู่ในอำนาจต่ออีก 5 ปี จะมีอะไร หรือมีใครข้องใจหรือไม่” ชาวบ้านที่ชื่นชม ชอบการบริหารเสียงดังฟังชัดตะคอกสื่อ ย่อมปลื้ม ตอบรับด้วยความดีใจซื่อใสบ้องตื้น
วันก่อนลุงกำนันผู้นำนักเป่านกหวีดออกมาแถลงยาวยืด อวยร่างรัฐธรรมนูญปานประหนึ่งได้เสพรสทิพย์จากสวรรค์ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีข้อตำหนิ ทำเอาชาวบ้านบางพวกเกือบมโนว่าลุงกำนันชมเชิงประชด แต่ “ตู่แดง” ย้ำชัดว่ามวลชนเสื้อแดงไม่เอาแน่
ยิ่งท่านเหลี่ยมออกมาโต้ ตีแสกหน้าคุณท่านผู้นำแบบตัดเยื่อตัดไส้หนอนถั่งเช่า เท่ากับประกาศศึกเต็มรูปแบบ ถ้าคุณท่านไม่ไล่ล่าท่านเหลี่ยมเอาตัวมาเข้าคุก ปล่อยให้ลอยนวล สภาพของปี 2552-2553 เมื่อพลังเสื้อแดงผยองอำนาจอาจเกิดซ้ำขึ้นอีกก็ได้
แต่คุณท่านและพวกขาลอยพ้นจากอำนาจคุมกองทัพ ย่อมรู้สึกหวาดเสียว หลับตานึกดูว่าถ้ามีเลือกตั้ง นักซื้อเสียงผนึกกำลังเข้ามาตั้งรัฐบาลได้ ไม่ยอมให้คนนอกหรือคนปัจจุบันเป็นนายกฯ ต่อ “วัฒนา” ขอคุมกระทรวงกลาโหม แค่นี้ก็น่าจะสนุกจนเยี่ยวเล็ด
พวกคุณท่านคงได้คิดหาทางที่จะอยู่รอดจึงแพลมๆ เรื่องขออยู่ต่อ 5 ปี ชาวบ้านก็รู้ทันเพียงรอดูว่าจะทำแบบไหนให้เนียน ไม่มีเลือกตั้ง อีกวิธีคือต้องใช้อำนาจแนวเผด็จการเพื่อกุมอำนาจต่อ จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องลอง ควรหาทางหนีที่หลบฉุกเฉินไว้ให้ทันการด้วย
ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย ประวัติศาสตร์มีให้เห็นทุกยุค ยิ่งพวกคอร์รัปชันอำนาจ ใช้อำนาจโดยปราศจากคุณธรรม จริยธรรม ไม่สร้างประโยชน์ให้ประชาชน ก็ยิ่งหวาดผวาต่อการสูญเสียอำนาจ บางพวกก็อ้างว่าไม่ยึดติดอำนาจ นั่นแหละเป็นการโกหกซึ่งหน้าชัดๆ
ผู้กุมอำนาจอธรรมย่อมหวาดกลัวต่อการลงจากหลังเสือ ถูกคิดบัญชีย้อนหลัง เว้นแต่การได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยรวม ได้ใจชาวบ้าน มีมวลชนเป็นฐานแท้จริง จึงจะมั่นใจในพลังของประชาชนเป็นฐาน เสริมด้วยผลงาน คุณงามความดี ประวัติศาสตร์ไทยยังไม่เคยมีผู้นำการเมืองหน้าไหนเมื่อจากไป พ้นจากตำแหน่งแล้วมีประชาชนคนดีคร่ำครวญร่ำไห้ บอกว่าเสียดาย น่าจะอยู่นานๆ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มโดนแช่งชักหักกระดูกโดยชาวบ้านทุกเย็นย่ำค่ำเช้า แถมยังอายุยืนตายยากอีกด้วย
นั่นเป็นเพราะผู้นำรัฐบาลทั้งเป็นนักซื้อเสียงเลือกตั้งหรือมาโดยวิธีพิเศษอย่างอื่น ส่วนใหญ่มีมลทินตราบาปประทับทั้งสิ้น ถ้าไม่โกงเอง ก็ให้สมุนบริวารจัดการให้ ตีหน้าซื่ออวดอ้างแบบไม่อายว่าตัวเองมือสะอาดบริสุทธิ์ แต่ชาวบ้านคนรู้ทันว่าเป็นนักเขมือบคำโต
ผู้นำการเมืองปลอดจากคำนินทาเรื่องการทุจริตคืออดีตนายกฯ สัญญา ธรรมศักดิ์เท่านั้น ที่เหลือ ถ้าไม่คอร์รัปชันอำนาจ ทุจริตเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ปล่อยให้คนอื่นหากินแล้วตัวได้รับส่วนแบ่งมากเสมือนหนึ่งได้เป็นตัวเขมือบเสียเอง แผ่นดินไทยจึงน่าอนาถจริงๆ
มาถึงจุดนี้ เรื่องรัฐธรรมนูญและการประชามติก็ใช่ว่าจะเป็นตัวรับประกันว่าจากนี้ไปบ้านเมืองจะมีความสงบสุข ชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเห็นเค้าลางแล้วว่ารัฐธรรมนูญนี้แหละน่าจะนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิทธิเสรีภาพและสารพัด รัฐธรรมนูญเป็นเพียงตัวหนังสือ ต่อให้เทวดาร่างปกหุ้มทองคำก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ในแผ่นดินซึ่งคนไม่เคารพกฎหมาย มีแต่ขี้โกงเกือบทุกระดับในสังคม การทุจริต คอร์รัปชันมีอยู่ในทุกหน่วยราชการและองค์กรซึ่งอ้างว่าเป็นอิสระ ความเป็นจริงคือมีอิสระในการเปิบ
ในแผ่นดินซึ่งคนไม่เคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่รักษากฎหมาย เป็นสภาวะนิติรัฐล้มเหลวเพราะกลไกในกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ ไร้ความเที่ยงธรรม โดยเฉพาะในขั้นต้น ขั้นกลาง มีรัฐธรรมนูญก็ไร้ความหมาย มีกฎหมายอาญาคนก็ไม่กลัว
ในสังคมที่ไร้การพัฒนา เสื่อมโทรมด้านคุณธรรม จริยธรรม มีคนมักง่าย เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว ไม่เคารพกฎหมาย และไม่มีวี่แววว่าผู้กุมอำนาจพิเศษจะปรับโครงสร้าง ปฏิรูปภาคการเมือง สังคม อะไรอื่นอย่างจริงจัง ต่อให้มีรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายก็ไร้ผล
ต้องไม่ลืมว่าในเมืองไทยคนมีเงิน มีเส้น มีกระบวนการยุติธรรมระบบพิเศษ ต่อรองได้ โอนอ่อนผ่อนตามได้ ยิ่งถ้ามีอำนาจ เครือข่าย มีสถานะบางประการย่อมทำให้คนกลุ่มนั้นดำรงสภาพอยู่เหนือกฎหมายเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรเพื่อรักษากฎหมายเข้มงวด
ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยชื่อ “ทักษิณ” “วัฒนา” “จ่านิว” “ธัมมชโย” ชาวบ้านคนดีก็ถอนใจ และถอดใจในความเป็นสถานภาพพิเศษ ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนคำว่านโยบายพลังงาน สิ่งแวดล้อม เหมืองทองนรก เหมืองโปแตช ยิ่งสะท้อนให้เห็นสภาพนิติรัฐล้มเหลว
คนบนแผ่นดินนี้เริ่มไม่รักกัน ไม่รักชาติ เกิดความแตกแยกจนเสี่ยงเพิ่มทุกวันว่าอีกไม่นานจะเป็นอาณานิคมหรือทาสทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องมีใครยกกำลังมายึดครองให้เหนื่อยเหมือนการรบทัพจับศึกเมื่อระบบเงินตราธิปไตย การเอื้ออวยนายทุนเป็นใหญ่
รัฐธรรมนูญฉบับมีชัยปราชัย จึงไม่ใช่ยาวิเศษกำหนดอนาคตประเทศได้ เมื่อเห็นได้ชัดว่ามีขบวนการกระสันในอำนาจได้เปลี่ยนเนื้อหารัฐธรรมนูญจนผู้มีอำนาจปรามว่าจะชื่นชมเชียร์ก็ไม่ได้ ตำหนิชี้ข้อผิดถูกก็ไม่ได้ เป็นความผิด ทั้งๆ ที่พูดเรื่องประชาธิปไตย
ชาวบ้านทั่วไปก็งง สงสัยว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีหรือไม่ดีกันแน่! เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามแตะต้องล่วงละเมิดหรือเป็นอุจจาระอาจมห้ามใครไปขุดคุ้ยเขี่ย กลิ่นเหม็นเน่าจะฟุ้ง ทำให้เป็นประเด็นของความขัดแย้งใหม่หลังจากนโยบายปรองดองล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า
ยิ่งผู้มีอำนาจเปรยๆ โยนหินใส่หลังคาชาวบ้าน คำรามถามเสียงดังทำนองว่า “ถ้าพวกข้าจะอยู่ในอำนาจต่ออีก 5 ปี จะมีอะไร หรือมีใครข้องใจหรือไม่” ชาวบ้านที่ชื่นชม ชอบการบริหารเสียงดังฟังชัดตะคอกสื่อ ย่อมปลื้ม ตอบรับด้วยความดีใจซื่อใสบ้องตื้น
วันก่อนลุงกำนันผู้นำนักเป่านกหวีดออกมาแถลงยาวยืด อวยร่างรัฐธรรมนูญปานประหนึ่งได้เสพรสทิพย์จากสวรรค์ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีข้อตำหนิ ทำเอาชาวบ้านบางพวกเกือบมโนว่าลุงกำนันชมเชิงประชด แต่ “ตู่แดง” ย้ำชัดว่ามวลชนเสื้อแดงไม่เอาแน่
ยิ่งท่านเหลี่ยมออกมาโต้ ตีแสกหน้าคุณท่านผู้นำแบบตัดเยื่อตัดไส้หนอนถั่งเช่า เท่ากับประกาศศึกเต็มรูปแบบ ถ้าคุณท่านไม่ไล่ล่าท่านเหลี่ยมเอาตัวมาเข้าคุก ปล่อยให้ลอยนวล สภาพของปี 2552-2553 เมื่อพลังเสื้อแดงผยองอำนาจอาจเกิดซ้ำขึ้นอีกก็ได้
แต่คุณท่านและพวกขาลอยพ้นจากอำนาจคุมกองทัพ ย่อมรู้สึกหวาดเสียว หลับตานึกดูว่าถ้ามีเลือกตั้ง นักซื้อเสียงผนึกกำลังเข้ามาตั้งรัฐบาลได้ ไม่ยอมให้คนนอกหรือคนปัจจุบันเป็นนายกฯ ต่อ “วัฒนา” ขอคุมกระทรวงกลาโหม แค่นี้ก็น่าจะสนุกจนเยี่ยวเล็ด
พวกคุณท่านคงได้คิดหาทางที่จะอยู่รอดจึงแพลมๆ เรื่องขออยู่ต่อ 5 ปี ชาวบ้านก็รู้ทันเพียงรอดูว่าจะทำแบบไหนให้เนียน ไม่มีเลือกตั้ง อีกวิธีคือต้องใช้อำนาจแนวเผด็จการเพื่อกุมอำนาจต่อ จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องลอง ควรหาทางหนีที่หลบฉุกเฉินไว้ให้ทันการด้วย