วานนี้ (24เม.ย.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากที่ นายกรัฐมนตรี มีนโยบายห้ามข้าราชการไปดูงานต่างประเทศ หรือหากหน่วยงานใดเดินทางไป ต้องมีการเขียนรายงานชี้แจงทุกครั้ง ว่าเกิดประโยชน์ด้านใดกับประเทศ แต่ปรากฏว่า มีหลายหน่วยงานที่ยังคงเดินทางไปกันอย่างเอิกเกริก เช่น กทม. องค์กรอิสระ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยอ้างว่า ไม่ใช่ข้าราชการ และนโยบายดังกล่าว บังคับใช้ เฉพาะปี 2557 เท่านั้นดังนั้น ตนขอเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจ มาตรา 44 หรือ ออกมติ ครม. กำหนดให้ชัดว่า หน่วยงานใดบ้าง ที่ไม่ให้เดินทางไปดูงานต่างประเทศ และหากไป จะต้องทำรายงานส่งใคร เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงคำสั่งลอยๆ ไม่มีการระบุรายละเอียด จึงเปิดช่องให้หลายหน่วยงานนำไปเป็นข้ออ้างเลี่ยงบาลี
นายวิลาศ กล่าวว่า ล่าสุดตนได้รับเอกสาร กำหนดการพานักศึกษาหลักสูตรอบรมคณะหนึ่ง ประมาณ 200 คน ไปดูงานต่างประเทศ ขององค์กรอิสระแห่งหนึ่ง โดยเดินทางไป 3 ประเทศ คือ ไอร์แลนด์เหนือ เวลลส์ และ อังกฤษ ระหว่าง 15-25 ก.ค.นี้ หมายงานส่วนใหญ่ระบุว่า ไปศึกษาสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานแต่อย่างใด อาทิ ไปดูงานศาลฎีกาไอร์แลนด์เหนือ ชมคุกเก่าแก่ ที่เมืองกลอสเตอร์ ไปบิสเตอร์ เอาต์เลต วิลเลจ ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษ
ดังนั้น ตนจะขอให้องค์กรอิสระนี้ เปิดเผยรายละเอียด จุดประสงค์ที่ไปให้สื่อมวลชนรับทราบ เพื่อดูถึงความเหมาะสม หากไม่ดำเนินการ ตนจะขอใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อเรียกดูข้อมูลการใช้งบประมาณ เดินทางไปดูงานในต่างประเทศ ย้อนหลังไป 2 ปี ขององค์กรนี้ เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว มีการไปดูงานถึง 15 ประเทศ แต่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ เพียง 2 ประเทศเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ องค์กรอิสระแห่งนี้พึ่งเดินทางไป เกาหลี และกลับจากทริปเดือน ก.ค.แล้ว ยังมีกำหนดจะไปรัสเซีย ตุรกี ลิทัวเนีย และ ลัตเวีย อีก
"จะเห็นว่า องค์กรอิสระมักจะจัดหลักสูตรอบรม ออกมาตลอด โดยจะเชิญแต่บุคคลที่มีตำแหน่งระดับสูง หรือ เอกชนที่ร่ำรวย เพื่อเรียกเก็บเงินก้อนโต และหน่วยงานที่มักจะได้รับเชิญทุกครั้ง เพื่อมุ่งผลประโยชน์เป็นหลัก เช่น การบินไทย เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องน้ำหนัก การท่าอากาศยาน เพื่ออำนวยความสะดวกที่สนามบิน ผมหวังว่าท่านนายกฯ จะใช้อำนาจเด็ดขาดกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดไปวันๆ เพราะเป็นการใช้งบแผ่นดิน ที่ไม่เหมาะสม และการจะปราบทุจริตได้ผลจริง ไม่ใช่อยู่ที่ร่างรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่คนมากกว่า" นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาศ กล่าวว่า ล่าสุดตนได้รับเอกสาร กำหนดการพานักศึกษาหลักสูตรอบรมคณะหนึ่ง ประมาณ 200 คน ไปดูงานต่างประเทศ ขององค์กรอิสระแห่งหนึ่ง โดยเดินทางไป 3 ประเทศ คือ ไอร์แลนด์เหนือ เวลลส์ และ อังกฤษ ระหว่าง 15-25 ก.ค.นี้ หมายงานส่วนใหญ่ระบุว่า ไปศึกษาสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานแต่อย่างใด อาทิ ไปดูงานศาลฎีกาไอร์แลนด์เหนือ ชมคุกเก่าแก่ ที่เมืองกลอสเตอร์ ไปบิสเตอร์ เอาต์เลต วิลเลจ ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษ
ดังนั้น ตนจะขอให้องค์กรอิสระนี้ เปิดเผยรายละเอียด จุดประสงค์ที่ไปให้สื่อมวลชนรับทราบ เพื่อดูถึงความเหมาะสม หากไม่ดำเนินการ ตนจะขอใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อเรียกดูข้อมูลการใช้งบประมาณ เดินทางไปดูงานในต่างประเทศ ย้อนหลังไป 2 ปี ขององค์กรนี้ เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว มีการไปดูงานถึง 15 ประเทศ แต่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ เพียง 2 ประเทศเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ องค์กรอิสระแห่งนี้พึ่งเดินทางไป เกาหลี และกลับจากทริปเดือน ก.ค.แล้ว ยังมีกำหนดจะไปรัสเซีย ตุรกี ลิทัวเนีย และ ลัตเวีย อีก
"จะเห็นว่า องค์กรอิสระมักจะจัดหลักสูตรอบรม ออกมาตลอด โดยจะเชิญแต่บุคคลที่มีตำแหน่งระดับสูง หรือ เอกชนที่ร่ำรวย เพื่อเรียกเก็บเงินก้อนโต และหน่วยงานที่มักจะได้รับเชิญทุกครั้ง เพื่อมุ่งผลประโยชน์เป็นหลัก เช่น การบินไทย เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องน้ำหนัก การท่าอากาศยาน เพื่ออำนวยความสะดวกที่สนามบิน ผมหวังว่าท่านนายกฯ จะใช้อำนาจเด็ดขาดกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดไปวันๆ เพราะเป็นการใช้งบแผ่นดิน ที่ไม่เหมาะสม และการจะปราบทุจริตได้ผลจริง ไม่ใช่อยู่ที่ร่างรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่คนมากกว่า" นายวิลาศ กล่าว