วานนี้ (19 เม.ย.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัว นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ไปพูดคุยทำความเข้าใจ ที่ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบ ที่ 9 (พล.ร.9 ) จ.กาญจนบุรี ว่าได้แจ้งบุตรสาว และญาติของนายวัฒนาแล้วว่า จะนำตัวไปที่ใด ซึ่งญาติสามารถเยี่ยมได้
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าพูดคุยกับนายวัฒนา มีหลายระดับ ทั้งนายทหารพระธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจะยังคงเน้นการพูดคุย ทำความเข้าใจ ยืนยันว่าคสช.จะดูแลอย่างดี ให้เกียรติ และปฏิบัติต่อนายวัฒนา ด้วยความสุภาพ และจะใช้เวลาพูดคุยไม่เกิน 7 วัน ซึ่งการเชิญตัวนายวัฒนาไปพูดคุยครั้งนี้ เป็นเพราะมีพฤติกรรมขัดต่อ ประกาศคสช. ที่ 39/2557 หลายครั้ง ทั้งที่นายวัฒนา ได้ลงนาม จะงดเว้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านช่องทางต่างๆ
ส่วนกรณีมีกลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดสวมเสื้อขาว รวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 18.00 น. (19เม.ย.) เพื่อเรียกร้องให้ คสช. ปล่อยตัวนายวัฒนาโดยไม่มีเงื่อนไขนั้น เจ้าหน้าที่จะดูเจตนาว่าจงใจสร้างกระแส ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือไม่ แต่จะเน้นการพูดคุย ขอความร่วมมือ สำหรับตัวแทนของสถานเอกอัครราชทูต ที่มาสังเกตการณ์นั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ว่า กลุ่มเครือข่ายของนายวัฒนา ต้องการดึงต่างประเทศมาสนใจ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ชี้แจงไปแล้วในภาพรวมการทำงานของคสช. มิตรประเทศก็เข้าใจดี กรณี ของนายวัฒนา เป็นแค่ เรื่องเล็กๆ ภายในเท่านั้น มิตรประเทศคงไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายในของไทย
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับ นายวัฒนา หรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช. ต้องชั่งน้ำหนักดูว่า ถ้าใช้กฎหมายเข้มข้นจะก่อผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ หรือถ้าพูดคุยก่อนแค่นั้น จะมีผลดี ผลเสียอย่างไร คสช. คงไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า ด้วยการใช้หลักนิติศาสตร์เต็มรูปแบบ ทีมกฎหมายของคสช. คงจะพิจารณา และเสนอขึ้นไปให้ส่วนบริหาร
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า จากพฤติกรรมของนายวัฒนานั้น คณะกรรมการ คสช. พิจารณาเห็นว่า ควรใช้อำนาจการควบคุมตัว เนื่องจากฝ่าฝืน คำสั่ง คสช. ที่ 3/2559 (4) และให้ดำเนินคดีกับ นายวัฒนา ซึ่งระหว่างควบคุมตัวนายวัฒนา อยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ จะไปรวบรวมหลักฐาน และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดี ข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ส่วนการปล่อยตัวนายวัฒนานั้น ขึ้นอยู่กับการรวบรวบหลักฐาน ของทางเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน นำตัวนายวัฒนา มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวนายวัฒนา พร้อมทนายความได้ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กรณี คสช. ควบคุมตัวนายวัฒนา ที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ แอทธินี ทาวเวอร์ ชั้น 10 ถนนวิทยุ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กรณีลูกสาวนายวัฒนา ยื่นร้องต่อสหภาพยุโรป (อียู) ว่า ก็ไปร้องสิ ตนก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจง
" ก็เขาทำผิดกฎหมาย ให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว คำสั่ง ก็คือกฎหมาย หากจะบอกว่ากฎหมายไม่ชอบ อ้าว ก็ผมมาอย่างนี้ จะเอาอะไรกับผม แล้วถ้าผมไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่คิดแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนที่ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ มีการนัดแต่งชุดขาวรวมตัว ให้ปล่อยตัวนายวัฒนา นายกฯ กล่าวว่า เรียกร้องไม่ได้ ไปฟ้องศาลนู่น ถ้าผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดี มันกี่ครั้งแล้ว จริงๆแล้ว เขาสัญญาไว้ตั้งแต่ 22 พ.ค.57 นู่น แล้วมาบอกว่า สัญญา 4 ครั้ง อันนี้ไม่เกี่ยว แต่มันผิดมาตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว เพราะคำสั่งออกมาตั้งแต่ พ.ค.57 ก็อนุโลมกันมาตลอด พออนุโลมก็เอากันใหญ่ จนไม่รู้ว่าอะไรผิดกฎหมาย อะไรคือคำสั่ง ไม่ได้หรอก วันนี้เราต้องเข้มงวด เรื่องกฎหมาย "ให้โอกาสมา 4 ครั้งแล้ว อย่างนี้ถือว่า จำเป็นหรือยัง และวันนี้ผมจับตาดูทุกกลุ่ม เดี๋ยวจะถูกว่า กลุ่มนู้น กลุ่มนี้ ทุกกลุ่มจะละเมิดกฎหมายไม่ได้ ใครละเมิดมาก็โดน ผมก็ต้องรักษาจุดยืนของผมให้ได้ ไม่ใช่ทางนี้โดน ทางนู้นไม่โดน ก็จะทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่จะจบ" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า การควบคุมตัวนายวัฒนา ถูกมองว่า เพราะออกมาแสดงความคิดเห็นใน ร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า แล้วมันควรหรือไม่ เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขัดต่อความสงบบ้านเมือง ต้องไปดูคำสั่ง ส่วนเรื่องจะรับ หรือไม่รับ เป็นเรื่องของท่าน ไม่ได้บังคับอยู่แล้ว แต่ถ้าปล่อยให้นายวัฒนาพูด ก็จะมีคนอื่นออกมาพูดอีก มีอีกพวกออกมาพูด อีกหน่อยจะห้ามพูดทั้งหมด ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ บ้านเมืองต้องการความสงบ
"นักการเมืองอยากให้มีการควบคุมตัว เพื่อจะได้ฟ้องร้อง สื่อก็รู้อยู่ ยังมาถาม เขาให้โอกาส 4-5 ทีแล้ว ปกติเขาให้โอกาสกันที่ไหน นั่นแหล่ะ แสดงว่าเขาจงใจ ต้องการจะสื่อไปตามนโยบายโลกล้อมประเทศ ของใครบางคน แล้วคุณจะให้เขาล้อมเหรอ คุณจะไปเป็นปากเสียงให้เขามาบริหาร จัดการประเทศแทนผม ก็ตามใจ ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะหารือกับ นายเคซุส มีเกล ซันซ์ หัวหน้าคณะผู้แทน อียู ประจำประเทศไทย ในช่วงเย็น (19 เม.ย.) เพื่อแจ้งถึงเรื่องการควบคุมตัว นายวัฒนา ที่สืบเนื่องมาจากเรื่องในอดีต พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นถึง ภาพความชัดเจนในประวัติศาสตร์ ที่เมื่อ15 ปีที่แล้ว ทหารมีบทบาทในการพัฒนา แต่มีจุดพลิกผันในช่วงปี 49 ที่ทหารได้เข้ามาปฏิวัติ เป็นระยะเวลาเพียง 1 ปี และอีกครั้งในปี 57-59 ซึ่งถือเป็นการเข้ามาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยมีเป้าหมายในการรักษาความสงบ และการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างเป็นแบบแผน โดยมีโรดแม็ปวางไว้ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ารัฐบาลทหารไม่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเรื่องราวเหล่านี้จะชี้แจงให้อียู ได้รับทราบ เนื่องจากคนตะวันตกยังไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ไทยมากนักจึงอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าพูดคุยกับนายวัฒนา มีหลายระดับ ทั้งนายทหารพระธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจะยังคงเน้นการพูดคุย ทำความเข้าใจ ยืนยันว่าคสช.จะดูแลอย่างดี ให้เกียรติ และปฏิบัติต่อนายวัฒนา ด้วยความสุภาพ และจะใช้เวลาพูดคุยไม่เกิน 7 วัน ซึ่งการเชิญตัวนายวัฒนาไปพูดคุยครั้งนี้ เป็นเพราะมีพฤติกรรมขัดต่อ ประกาศคสช. ที่ 39/2557 หลายครั้ง ทั้งที่นายวัฒนา ได้ลงนาม จะงดเว้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านช่องทางต่างๆ
ส่วนกรณีมีกลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดสวมเสื้อขาว รวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 18.00 น. (19เม.ย.) เพื่อเรียกร้องให้ คสช. ปล่อยตัวนายวัฒนาโดยไม่มีเงื่อนไขนั้น เจ้าหน้าที่จะดูเจตนาว่าจงใจสร้างกระแส ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือไม่ แต่จะเน้นการพูดคุย ขอความร่วมมือ สำหรับตัวแทนของสถานเอกอัครราชทูต ที่มาสังเกตการณ์นั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ว่า กลุ่มเครือข่ายของนายวัฒนา ต้องการดึงต่างประเทศมาสนใจ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ชี้แจงไปแล้วในภาพรวมการทำงานของคสช. มิตรประเทศก็เข้าใจดี กรณี ของนายวัฒนา เป็นแค่ เรื่องเล็กๆ ภายในเท่านั้น มิตรประเทศคงไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายในของไทย
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับ นายวัฒนา หรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช. ต้องชั่งน้ำหนักดูว่า ถ้าใช้กฎหมายเข้มข้นจะก่อผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ หรือถ้าพูดคุยก่อนแค่นั้น จะมีผลดี ผลเสียอย่างไร คสช. คงไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า ด้วยการใช้หลักนิติศาสตร์เต็มรูปแบบ ทีมกฎหมายของคสช. คงจะพิจารณา และเสนอขึ้นไปให้ส่วนบริหาร
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า จากพฤติกรรมของนายวัฒนานั้น คณะกรรมการ คสช. พิจารณาเห็นว่า ควรใช้อำนาจการควบคุมตัว เนื่องจากฝ่าฝืน คำสั่ง คสช. ที่ 3/2559 (4) และให้ดำเนินคดีกับ นายวัฒนา ซึ่งระหว่างควบคุมตัวนายวัฒนา อยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ จะไปรวบรวมหลักฐาน และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดี ข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ส่วนการปล่อยตัวนายวัฒนานั้น ขึ้นอยู่กับการรวบรวบหลักฐาน ของทางเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน นำตัวนายวัฒนา มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวนายวัฒนา พร้อมทนายความได้ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กรณี คสช. ควบคุมตัวนายวัฒนา ที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ แอทธินี ทาวเวอร์ ชั้น 10 ถนนวิทยุ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กรณีลูกสาวนายวัฒนา ยื่นร้องต่อสหภาพยุโรป (อียู) ว่า ก็ไปร้องสิ ตนก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจง
" ก็เขาทำผิดกฎหมาย ให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว คำสั่ง ก็คือกฎหมาย หากจะบอกว่ากฎหมายไม่ชอบ อ้าว ก็ผมมาอย่างนี้ จะเอาอะไรกับผม แล้วถ้าผมไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่คิดแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนที่ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ มีการนัดแต่งชุดขาวรวมตัว ให้ปล่อยตัวนายวัฒนา นายกฯ กล่าวว่า เรียกร้องไม่ได้ ไปฟ้องศาลนู่น ถ้าผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดี มันกี่ครั้งแล้ว จริงๆแล้ว เขาสัญญาไว้ตั้งแต่ 22 พ.ค.57 นู่น แล้วมาบอกว่า สัญญา 4 ครั้ง อันนี้ไม่เกี่ยว แต่มันผิดมาตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว เพราะคำสั่งออกมาตั้งแต่ พ.ค.57 ก็อนุโลมกันมาตลอด พออนุโลมก็เอากันใหญ่ จนไม่รู้ว่าอะไรผิดกฎหมาย อะไรคือคำสั่ง ไม่ได้หรอก วันนี้เราต้องเข้มงวด เรื่องกฎหมาย "ให้โอกาสมา 4 ครั้งแล้ว อย่างนี้ถือว่า จำเป็นหรือยัง และวันนี้ผมจับตาดูทุกกลุ่ม เดี๋ยวจะถูกว่า กลุ่มนู้น กลุ่มนี้ ทุกกลุ่มจะละเมิดกฎหมายไม่ได้ ใครละเมิดมาก็โดน ผมก็ต้องรักษาจุดยืนของผมให้ได้ ไม่ใช่ทางนี้โดน ทางนู้นไม่โดน ก็จะทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่จะจบ" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า การควบคุมตัวนายวัฒนา ถูกมองว่า เพราะออกมาแสดงความคิดเห็นใน ร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า แล้วมันควรหรือไม่ เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขัดต่อความสงบบ้านเมือง ต้องไปดูคำสั่ง ส่วนเรื่องจะรับ หรือไม่รับ เป็นเรื่องของท่าน ไม่ได้บังคับอยู่แล้ว แต่ถ้าปล่อยให้นายวัฒนาพูด ก็จะมีคนอื่นออกมาพูดอีก มีอีกพวกออกมาพูด อีกหน่อยจะห้ามพูดทั้งหมด ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ บ้านเมืองต้องการความสงบ
"นักการเมืองอยากให้มีการควบคุมตัว เพื่อจะได้ฟ้องร้อง สื่อก็รู้อยู่ ยังมาถาม เขาให้โอกาส 4-5 ทีแล้ว ปกติเขาให้โอกาสกันที่ไหน นั่นแหล่ะ แสดงว่าเขาจงใจ ต้องการจะสื่อไปตามนโยบายโลกล้อมประเทศ ของใครบางคน แล้วคุณจะให้เขาล้อมเหรอ คุณจะไปเป็นปากเสียงให้เขามาบริหาร จัดการประเทศแทนผม ก็ตามใจ ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะหารือกับ นายเคซุส มีเกล ซันซ์ หัวหน้าคณะผู้แทน อียู ประจำประเทศไทย ในช่วงเย็น (19 เม.ย.) เพื่อแจ้งถึงเรื่องการควบคุมตัว นายวัฒนา ที่สืบเนื่องมาจากเรื่องในอดีต พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นถึง ภาพความชัดเจนในประวัติศาสตร์ ที่เมื่อ15 ปีที่แล้ว ทหารมีบทบาทในการพัฒนา แต่มีจุดพลิกผันในช่วงปี 49 ที่ทหารได้เข้ามาปฏิวัติ เป็นระยะเวลาเพียง 1 ปี และอีกครั้งในปี 57-59 ซึ่งถือเป็นการเข้ามาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยมีเป้าหมายในการรักษาความสงบ และการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างเป็นแบบแผน โดยมีโรดแม็ปวางไว้ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ารัฐบาลทหารไม่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเรื่องราวเหล่านี้จะชี้แจงให้อียู ได้รับทราบ เนื่องจากคนตะวันตกยังไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ไทยมากนักจึงอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในปัจจุบัน