ลูกสาว “วัฒนา” ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสหภาพยุโรป หลังพ่อถูกทหารปรับทัศนคติ บอกนอนไม่หลับทั้งคืน ต้องหยุดอ่านหนังสือเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ด้าน เตรียมเดินสายไปสถานทูตอเมริกาพรุ่งนี้ ด้าน รมว.ต่างประเทศเตรียมเคลียร์เย็นนี้ ยันทหารมารักษาความสงบ ไม่ได้สืบทอดอำนาจ ไม่กังวลรายงานสิทธิมนุษยชน ย้ำเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมาย
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ น.ส.วีรดา เมืองสุข พร้อมด้วย นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสหภาพยุโรป หรืออียู ผ่านคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย โดยมีนายเคซุส มีเกล ซันซ์ หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นบิดา ที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ 2559 โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และภรรยา เดินทางร่วมให้กำลังใจ ทั้งนี้ หนังสือร้องทุกข์ดังกล่าวนายวัฒนาได้ลงนามไว้ล่วงหน้าหลายสิบฉบับก่อนที่จะถูก คสช.ควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ และในวันนี้ น.ส วีรดาและทนายความได้นำหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าวยื่นต่อสหภาพยุโรปแทนนายวัฒนาซึ่งยังถูกควบคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นสถานที่ใด ใจความสำคัญของหนังสือร้องทุกข์ระบุว่า ต้องการให้องค์การระหว่างประเทศหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชนสากล ได้ตรวจสอบว่าการจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของ คสช.นั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่
น.ส.วีรดาเปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ตนนอนไม่หลับทั้งคืน เนื่องจากสับสนเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการควบคุมตัวนายวัฒนาทำให้เป็นกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน และไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ ตนเพิ่งสอบเสร็จในระดับชั้น ม.6 และกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 แต่ตอนนี้ขอหยุดพักเรื่องการอ่านหนังสือไว้ก่อนเพราะเป็นห่วงบิดา และตั้งใจจะเดินทางไปสอบถามที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ทุกวันจนกว่าจะได้รับคำตอบว่าเมื่อไหร่นายวัฒนาจะได้กลับบ้าน และนายวัฒนาถูกควบคุมตัวไว้ที่ไหน เนื่องจากต้องการนำอาหารและยารักษาโรคประจำตัวไปมอบให้ เพราะปกติแล้วนายวัฒนามียาที่ต้องรับประทานทุกวัน ทั้งนี้ นายวัฒนาไม่เคยมีความคิดจะลี้ภัยไปต่างประเทศตามที่มีข่าวออกมา การที่ตนเองเดินทางมายื่นหนังสือต่อองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ นั้นทำเพื่อให้นายวัฒนาได้รับอิสรภาพและกลับมาอยู่กับตนที่บ้านเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อปูทางให้นายวัฒนาลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศอย่างแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ น.ส.วีรดาจะเดินทางไปร้องทุกข์ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ในเวลา 09.00 น.
อีกด้านหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ในเย็นวันนี้ (19 เม.ย.) กระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับนายเคซุส เพื่อแจ้งถึงสถานการณ์ของการควบคุมตัวนายวัฒนา ที่สืบเนื่องมาจากเรื่องในอดีต พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นถึงภาพความชัดเจนในประวัติศาสตร์ ที่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทหารมีบทบาทในการพัฒนา แต่มีจุดพลิกผันในช่วงปี 2549 ที่ทหารได้เข้ามาปฏิวัติ เป็นระยะเวลาเพียง 1 ปี และอีกครั้งในปี 2557-2559 ซึ่งถือเป็นการเข้ามาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยมีเป้าหมายในการรักษาความสงบ และการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างเป็นแบบแผน โดยมีโรดแมปวางไว้ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ารัฐบาลทหารไม่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเรื่องราวเหล่านี้จะชี้แจงให้อียูได้รับทราบ เนื่องจากคนตะวันตกยังไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ไทยมากนักจึงอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในปัจจุบัน
เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่กับรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชน 2015 ที่จัดทำโดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นายดอนกล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้จัดให้ประเทศไทยมีเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่ในบทนำของรายงาน จึงไม่ถือว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่อาจมีรายละเอียดของรายงานที่ระบุถึงข้อห่วงกังวลในไทย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญทั้งหมดของรายงาน
เมื่อถามถึงการยื่นหนังสือครั้งนี้จะเป็นการย้ำภาพเรื่องของสิทธิมนุษยชนในไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับทุกคนตามกฎหมาย และเท่าที่สอบถามจากคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่มีใครรู้สึกว่าถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพแต่อย่างใด
