การเมืองไทยและการเมืองโลก เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงโดยคนกลุ่มน้อยในสังคมทั้งสิ้น!
ชาติไทย-มีคนไทยที่เป็น “พลังเงียบ” ทำตัวเป็น “ไทยเฉย” ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ ทางการเมือง ทว่า “ไทยเฉย” ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในชาติ มักถูกเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร ตีขลุมอยู่เนืองๆ ว่า “ชาวไทยเฉยสนับสนุนเผด็จการฝ่ายตน”
ที่ผ่านมา...นักการเมืองโกงเลือกตั้งกับนักการเมืองใช้ปืนทำรัฐประหาร เหมือนกันตรงมัวเมาในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง ทั้งเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่โง่งม ไม่รู้เท่าทันคำโกหกและเล่ห์ร้าย ในการโกงชาติและการสืบทอดอำนาจ ฯลฯ
นักการเมืองเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร จึงเป็นต้นเหตุปัญหาของชาติ ที่ทำให้การเมืองไทยจมปลักอยู่ในสภาพ “หนีเสือปะจรเข้” กับ “สมบัติชาติผลัดกันโกงกิน” มาโดยตลอด จนชาติและคนไทยติดกับอยู่ในวงจรอุบาทว์อันชั่วร้าย มายาวนานกว่า 80 ปีแล้ว นั่นคือ
หนึ่ง-ทำให้ชาติไทยมีการเลือกตั้งสกปรก ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงมาตลอด!
สอง-ทำให้ชาติไทยได้รัฐบาลทุนสามานย์เผด็จการรัฐสภาโกงชาติ! แถมในยุค “เหลี่ยม” และพวกครองเมือง นอกจากโกงชาติแล้วยังเหิมเกริม ถึงกับบังอาจ “ล้มเจ้า” เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่อีกด้วย!
สาม-คนไทยมืดฟ้ามัวดินจึงทนไม่ไหว...ต้องชุมนุมขับไล่รัฐบาลโกงชาติ-ล้มเจ้า...!
สี่-ทำให้รัฐบาลทุนสามานย์จะ “ยุบสภา” โดยจะใช้การ “เลือกตั้งสกปรก” สืบทอดอำนาจ เพื่อจะได้กลับมาโกงชาติอีกครั้ง! ทว่า...คณะนายทหารได้ชิงตัดหน้าทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติล้มเจ้าลงเสียก่อน!
จากนั้นคณะรัฐประหารจะตั้งพวกพ้อง เข้ายึดกุมอำนาจรัฐกับกลไกรัฐไว้ชั่วคราว!
ห้า-แต่น่าเสียดาย...คณะรัฐประหารที่ผ่านมา ไม่ได้รักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงปล่อยโอกาสทองในการเป็นคณะรัฐประหารที่ดีทิ้งไป โดยไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาของชาติ! ไม่ได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน! ปล่อยนักการเมืองชั่วโกงชาติลอยนวล! แถมยังเร่งจัดให้มีการเลือกตั้งสกปรกครั้งแล้วครั้งเล่า! ทำให้นักการเมืองชั่วกลับมายึดอำนาจรัฐและโกงชาติซ้ำๆ ซากๆ
ทำราวกับโลกนี้ไร้สิ่งที่ดีกว่า ระบอบเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชาติ และประชาชนคนไทยอีกต่อไปแล้ว!
โดยเฉพาะเผด็จการทหาร ซึ่งจมปลักอยู่กับความคิดผิดๆ ที่ว่า ชาติไทยต้องใช้แต่ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง (สกปรก)” แบบตะวันตกเท่านั้น! ทั้งๆ ที่นักการเมือง-กลไกรัฐ-ประชาชนโดยส่วนใหญ่ ยังไม่พร้อมที่จะทำให้ชาติไทยเกิด “การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม!”
แถมคณะทำรัฐประหารบางคน ยังเกิดความโลภไม่รู้จักพอในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง จน “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” ไปเจรจาลับๆ กับนักการเมืองทุนสามานย์ ให้สนับสนุนใครบางคนในคณะรัฐประหาร โดยใช้รูปแบบการเลือกตั้งน้ำเน่าแบบเดิมๆ เพื่อร่วมกันจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ(กำมะลอ)” หรือ “รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ(กำมะลอ)” เพื่อโกงชาติกันต่ออย่างสนุกสนาน ฯลฯ
หก-ถ้าเผด็จการทหารกับกลุ่มการเมืองเผด็จการรัฐสภา ตกลงผลประโยชน์กันได้ลงตัว รัฐบาลทหารก็จะกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ทันที!
แต่ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง รัฐบาลเผด็จการทหารกับนักการเมืองทุนสามานย์ จะสมคบกันคอร์รัปชันโกงชาติกันอย่างหนัก เพื่อนำเงินสกปรกเหล่านั้น มาซื้อตัวนักการเมืองและซื้อเสียงเลือกตั้งนั่นเอง!
ทำให้การเมืองไทยย้อนคืนสู่ยุคน้ำเน่าแบบซ้ำซาก โดยนายทุนสามานย์เจ้าของพรรคการเมือง จะแอบไปสุมหัวกับผู้มีอำนาจในฝ่ายทหารบางคน เจรจาแบ่งผลประโยชน์ทางการเมืองกันอย่างโจ๋งครึ่ม ฯลฯ
เริ่มจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อจะได้ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐทั้งมวล ไปกับการคอร์รัปชันโกงเงินหลวงและเงินราษฎร ด้วยสารพัดโครงการทั้งในและนอกประเทศนั่นเอง
นั่นเป็น “วงจรอุบาทว์” ที่นักการเมือง ทั้งเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหาร ได้ก่อกรรมทำ “มรดกบาป” ให้กับชาติและคนไทย ต้องพบกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตราบจนทุกวันนี้
ดังนั้น “อำนาจรัฐ” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อชาติและประชาชน เนื่องจากเป็น“อาวุธทรงพลานุภาพ” ที่พร้อมจะถูกนำไปใช้เพื่อ “ส่วนรวม” หรือ “ส่วนตัว” ได้ทั้งสิ้น โดยขึ้นกับ “คนดี” หรือ “คนชั่ว” ได้ปกครองชาติบ้านเมือง
วันนี้...“อำนาจรัฐ” อยู่ในกำมือผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” ที่มักพูดซ้ำซากทำนองว่า...ข้าพเจ้านี่แหละเป็นคนดี ที่รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ และประชาชนยิ่งชีวิต ไม่ได้เข้ามายึดอำนาจรัฐเพื่อตนเองและพวกพ้อง แต่เป็น “อัศวินม้าเขียว” ที่จะทำให้ชาติไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ฯลฯ
แต่คำพูด-ก็คือ-คำพูด...จะพูดดีเพียงใด...พูดซ้ำซากเช่นไรได้ทั้งนั้น! ดี-ชั่ว-ต้องดูที่ผลงานของผู้พูด! โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า...
ผู้นำชาติคนใดพูดเก่ง-ทำเพื่อส่วนรวมเก่ง-ต้องสรรเสริญ! ผู้นำชาติคนใดได้แต่พูดเรื่อยเจื้อย ผลงานก็ทำให้กับตนเองและพวกพ้อง มิได้ทำเพื่อชาติและคนส่วนใหญ่!
หวังว่า...รัฐประหารของ “บิ๊กตู่” ครั้งนี้ คงไม่เดินย่ำตามรอยเท้า “ทหารรุ่นพี่” ซึ่งทำให้รัฐประหารที่ผ่านมา “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด” จนถูกผู้คนประณามว่า ที่แท้ก็เป็น “รัฐประหารเพื่อพวกกู”นี่หว่า!!!
ชาติไทย-มีคนไทยที่เป็น “พลังเงียบ” ทำตัวเป็น “ไทยเฉย” ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ ทางการเมือง ทว่า “ไทยเฉย” ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในชาติ มักถูกเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร ตีขลุมอยู่เนืองๆ ว่า “ชาวไทยเฉยสนับสนุนเผด็จการฝ่ายตน”
ที่ผ่านมา...นักการเมืองโกงเลือกตั้งกับนักการเมืองใช้ปืนทำรัฐประหาร เหมือนกันตรงมัวเมาในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง ทั้งเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่โง่งม ไม่รู้เท่าทันคำโกหกและเล่ห์ร้าย ในการโกงชาติและการสืบทอดอำนาจ ฯลฯ
นักการเมืองเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร จึงเป็นต้นเหตุปัญหาของชาติ ที่ทำให้การเมืองไทยจมปลักอยู่ในสภาพ “หนีเสือปะจรเข้” กับ “สมบัติชาติผลัดกันโกงกิน” มาโดยตลอด จนชาติและคนไทยติดกับอยู่ในวงจรอุบาทว์อันชั่วร้าย มายาวนานกว่า 80 ปีแล้ว นั่นคือ
หนึ่ง-ทำให้ชาติไทยมีการเลือกตั้งสกปรก ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงมาตลอด!
สอง-ทำให้ชาติไทยได้รัฐบาลทุนสามานย์เผด็จการรัฐสภาโกงชาติ! แถมในยุค “เหลี่ยม” และพวกครองเมือง นอกจากโกงชาติแล้วยังเหิมเกริม ถึงกับบังอาจ “ล้มเจ้า” เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่อีกด้วย!
สาม-คนไทยมืดฟ้ามัวดินจึงทนไม่ไหว...ต้องชุมนุมขับไล่รัฐบาลโกงชาติ-ล้มเจ้า...!
สี่-ทำให้รัฐบาลทุนสามานย์จะ “ยุบสภา” โดยจะใช้การ “เลือกตั้งสกปรก” สืบทอดอำนาจ เพื่อจะได้กลับมาโกงชาติอีกครั้ง! ทว่า...คณะนายทหารได้ชิงตัดหน้าทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติล้มเจ้าลงเสียก่อน!
จากนั้นคณะรัฐประหารจะตั้งพวกพ้อง เข้ายึดกุมอำนาจรัฐกับกลไกรัฐไว้ชั่วคราว!
ห้า-แต่น่าเสียดาย...คณะรัฐประหารที่ผ่านมา ไม่ได้รักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงปล่อยโอกาสทองในการเป็นคณะรัฐประหารที่ดีทิ้งไป โดยไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาของชาติ! ไม่ได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน! ปล่อยนักการเมืองชั่วโกงชาติลอยนวล! แถมยังเร่งจัดให้มีการเลือกตั้งสกปรกครั้งแล้วครั้งเล่า! ทำให้นักการเมืองชั่วกลับมายึดอำนาจรัฐและโกงชาติซ้ำๆ ซากๆ
ทำราวกับโลกนี้ไร้สิ่งที่ดีกว่า ระบอบเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชาติ และประชาชนคนไทยอีกต่อไปแล้ว!
โดยเฉพาะเผด็จการทหาร ซึ่งจมปลักอยู่กับความคิดผิดๆ ที่ว่า ชาติไทยต้องใช้แต่ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง (สกปรก)” แบบตะวันตกเท่านั้น! ทั้งๆ ที่นักการเมือง-กลไกรัฐ-ประชาชนโดยส่วนใหญ่ ยังไม่พร้อมที่จะทำให้ชาติไทยเกิด “การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม!”
แถมคณะทำรัฐประหารบางคน ยังเกิดความโลภไม่รู้จักพอในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง จน “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” ไปเจรจาลับๆ กับนักการเมืองทุนสามานย์ ให้สนับสนุนใครบางคนในคณะรัฐประหาร โดยใช้รูปแบบการเลือกตั้งน้ำเน่าแบบเดิมๆ เพื่อร่วมกันจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ(กำมะลอ)” หรือ “รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ(กำมะลอ)” เพื่อโกงชาติกันต่ออย่างสนุกสนาน ฯลฯ
หก-ถ้าเผด็จการทหารกับกลุ่มการเมืองเผด็จการรัฐสภา ตกลงผลประโยชน์กันได้ลงตัว รัฐบาลทหารก็จะกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ทันที!
แต่ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง รัฐบาลเผด็จการทหารกับนักการเมืองทุนสามานย์ จะสมคบกันคอร์รัปชันโกงชาติกันอย่างหนัก เพื่อนำเงินสกปรกเหล่านั้น มาซื้อตัวนักการเมืองและซื้อเสียงเลือกตั้งนั่นเอง!
ทำให้การเมืองไทยย้อนคืนสู่ยุคน้ำเน่าแบบซ้ำซาก โดยนายทุนสามานย์เจ้าของพรรคการเมือง จะแอบไปสุมหัวกับผู้มีอำนาจในฝ่ายทหารบางคน เจรจาแบ่งผลประโยชน์ทางการเมืองกันอย่างโจ๋งครึ่ม ฯลฯ
เริ่มจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อจะได้ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐทั้งมวล ไปกับการคอร์รัปชันโกงเงินหลวงและเงินราษฎร ด้วยสารพัดโครงการทั้งในและนอกประเทศนั่นเอง
นั่นเป็น “วงจรอุบาทว์” ที่นักการเมือง ทั้งเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหาร ได้ก่อกรรมทำ “มรดกบาป” ให้กับชาติและคนไทย ต้องพบกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตราบจนทุกวันนี้
ดังนั้น “อำนาจรัฐ” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อชาติและประชาชน เนื่องจากเป็น“อาวุธทรงพลานุภาพ” ที่พร้อมจะถูกนำไปใช้เพื่อ “ส่วนรวม” หรือ “ส่วนตัว” ได้ทั้งสิ้น โดยขึ้นกับ “คนดี” หรือ “คนชั่ว” ได้ปกครองชาติบ้านเมือง
วันนี้...“อำนาจรัฐ” อยู่ในกำมือผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” ที่มักพูดซ้ำซากทำนองว่า...ข้าพเจ้านี่แหละเป็นคนดี ที่รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ และประชาชนยิ่งชีวิต ไม่ได้เข้ามายึดอำนาจรัฐเพื่อตนเองและพวกพ้อง แต่เป็น “อัศวินม้าเขียว” ที่จะทำให้ชาติไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ฯลฯ
แต่คำพูด-ก็คือ-คำพูด...จะพูดดีเพียงใด...พูดซ้ำซากเช่นไรได้ทั้งนั้น! ดี-ชั่ว-ต้องดูที่ผลงานของผู้พูด! โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า...
ผู้นำชาติคนใดพูดเก่ง-ทำเพื่อส่วนรวมเก่ง-ต้องสรรเสริญ! ผู้นำชาติคนใดได้แต่พูดเรื่อยเจื้อย ผลงานก็ทำให้กับตนเองและพวกพ้อง มิได้ทำเพื่อชาติและคนส่วนใหญ่!
หวังว่า...รัฐประหารของ “บิ๊กตู่” ครั้งนี้ คงไม่เดินย่ำตามรอยเท้า “ทหารรุ่นพี่” ซึ่งทำให้รัฐประหารที่ผ่านมา “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด” จนถูกผู้คนประณามว่า ที่แท้ก็เป็น “รัฐประหารเพื่อพวกกู”นี่หว่า!!!