00 คำก็มีอำนาจ สองคำก็มีอำนาจ เป็นเหตุผลแบบ“กำปั้นทุบดิน”ของ“ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ที่ไม่น่าจะเรียกว่าชี้แจงเรื่องกระบวนการติดยศ ว่าที่ร.ต.ให้ “หนุ่มป๋อง”ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายคนเล็กของ“บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรววงกลาโหม เข้ารับราชการทหาร ที่กองทัพภาคที่ 3 ด้วยซ้ำ “บิ๊กป้อม”ก็ว่ามีอำนาจ “บิ๊กติ๊ก”ก็ว่าเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำกัน ... คนมีอำนาจคิดแบบนี้ อยู่ยากแล้วประเทศไทย
00 ตอนนี้ก็รอฟังแค่"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ลุงแท้ๆ ของ“หนุ่มป๋อง”จะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้าเซย์เยส-โอเค-โนพรอมแพรมอีก ก็ตัวใครตัวมัน ก่อนที่“พี่ตู่”จะได้พูดอะไร ทาง“น้องติ๊ก”ก็แย้มๆว่า บอกกับ“ท่านผู้นำ”ไปแล้ว ปรากฏว่า ตีธงเขียวผ่านตลอด แค่เตือนว่าทำอะไรก็ดูให้ดีๆ ตอนนี้เหมือนถือตัวบทกฎหมายกันคนละฉบับ “บิ๊กป้อม–บิ๊กติ๊ก”ก็เถียงโครมๆ ว่าทำได้ เป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะ“คุณพ่อติ๊ก”นี่แปลกๆ เหมือนสับสนในตัวเอง บอกไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะล่าตัวคนปล่อยเอกสาร เอ๊ !?!.. ตกลงมันมีอะไร หรือไม่มีอะไรกันแน่
00 ถูกของ“คุณพ่อติ๊ก”นะที่ว่า เป็นเรื่องการเมือง เพราะนามสกุล“จันทร์โอชา”จึงถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ถูก ที่จะเอามาเป็น“ข้ออ้าง” เอาตัวรอดในทุกๆ เรื่อง ทั้งการซื้อขายที่ดินมรดกตระกูล“จันทร์โอชา”ที่แพงระยับกว่า 600 ล้าน ให้กับบริษัทที่มีเบื้องลึกไม่โปร่งใส หรือ การที่งบประมาณกองทัพหลายสิบล้าน ไปโผล่อยู่ในบัญชีคนใกล้ชิด“บิ๊กติ๊ก”ที่จนป่านนี้ก็ยังไร้คำอธิบาย ดักคอไว้อีกว่า อย่ามาเล่นท่าไม้ตายแบบให้“เดอะป๋อง”ลาออกจากตำแหน่งแล้วจะจบนะจ๊ะ ขอทางออกสร้างสรรค์ หรือเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้นิดนึง ... เอียนเต็มทีแล้ว โกงแล้วคืนเป็นจบเรื่อง
00 ขณะที่อีกฝ่าย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็โชว์ฟอร์มสมฉายา“นักยื่นมือหนึ่ง”เข้าร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ“บิ๊กติ๊ก” ฐานใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับคนในครอบครัว เข้าข่าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ขัดกับทั้ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. กับ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม รวมๆ แล้วสรุปได้ว่า ทำได้ แต่ไม่สมควร
00 มันยกร่อง ฟักทองแตงไทย !! จู่ๆ ก็มี “มือดี”ในนามพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่อนจดหมายจ่าหน้าถึง“บิ๊กตู่”ร้องเรียนพฤติกรรมผลาญงบแบบเทกระจาดของ “5เสือกกต.”แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ หลุดมาถึงมือนักข่าวก่อนตามสูตร ไล่เช็กข้อมูลตามหนังสือที่ว่า มีทั้งจริง-มั่ว ประสมปนเปกันไป งานนี้เบื้องหลังไม่พ้น“กลุ่มอำนาจเก่า”ที่ต้องการ“เอาคืน” หวังล้มกระดานเขี่ยทิ้งทั้ง “5เสือ กกต.”แล้วถ้ายังจำกันได้ ครั้งที่ "ภุชงค์ นุตราวงศ์" โดนเด้งดึ๋งจากเก้าอี้เลขาธิการ กกต. ก็มีข้อมูลราวๆ นี้หลุดมาแล้ว แต่ก็เงียบหายไปกับสายลม ฟันธงล่วงหน้า “5เสือ
กกต.”ยังต้องรับบท“ม้าใช้”ไปถึงเกมประชามติโน่น แต่ถ้าผลออกมาไม่ถูกใจ“ผู้มีอำนาจ”ถึงวันนั้นค่อยเชือดทิ้งก็ไม่สาย วันนี้ยังชิลล์ๆ วางโปรแกรมทัวร์นอกกันได้อยู่
00 เกือบไปแล้ว“ดุสิต เครืองาม”สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ถือโอกาสช่วงอภิปรายทั่วไปก่อนเข้าสู่วาระประชุม เล่าเหตุระทึกที่เผอิญร่วมเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างพาครอบครัวเดินทางไปพักผ่อน เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จังหวะที่แผ่นดินเริ่มสั่นไหว “สปท.ดุสิต”พร้อมครอบครัวอยู่ในอาคารโรงแรม ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เดชะบุญ !! คนในครอบครัวปลอดภัยดี พร้อมได้ข้อคิดมาฝากเพื่อน สปท. ถึงความเป็นระบบ-ระเบียบ ของประเทศญี่ปุ่น มีการจัดการที่ดีเมื่อเกิดภัยพิบัติ ไร้จลาจลวุ่นวาย.
00 ตอนนี้ก็รอฟังแค่"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ลุงแท้ๆ ของ“หนุ่มป๋อง”จะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้าเซย์เยส-โอเค-โนพรอมแพรมอีก ก็ตัวใครตัวมัน ก่อนที่“พี่ตู่”จะได้พูดอะไร ทาง“น้องติ๊ก”ก็แย้มๆว่า บอกกับ“ท่านผู้นำ”ไปแล้ว ปรากฏว่า ตีธงเขียวผ่านตลอด แค่เตือนว่าทำอะไรก็ดูให้ดีๆ ตอนนี้เหมือนถือตัวบทกฎหมายกันคนละฉบับ “บิ๊กป้อม–บิ๊กติ๊ก”ก็เถียงโครมๆ ว่าทำได้ เป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะ“คุณพ่อติ๊ก”นี่แปลกๆ เหมือนสับสนในตัวเอง บอกไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะล่าตัวคนปล่อยเอกสาร เอ๊ !?!.. ตกลงมันมีอะไร หรือไม่มีอะไรกันแน่
00 ถูกของ“คุณพ่อติ๊ก”นะที่ว่า เป็นเรื่องการเมือง เพราะนามสกุล“จันทร์โอชา”จึงถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ถูก ที่จะเอามาเป็น“ข้ออ้าง” เอาตัวรอดในทุกๆ เรื่อง ทั้งการซื้อขายที่ดินมรดกตระกูล“จันทร์โอชา”ที่แพงระยับกว่า 600 ล้าน ให้กับบริษัทที่มีเบื้องลึกไม่โปร่งใส หรือ การที่งบประมาณกองทัพหลายสิบล้าน ไปโผล่อยู่ในบัญชีคนใกล้ชิด“บิ๊กติ๊ก”ที่จนป่านนี้ก็ยังไร้คำอธิบาย ดักคอไว้อีกว่า อย่ามาเล่นท่าไม้ตายแบบให้“เดอะป๋อง”ลาออกจากตำแหน่งแล้วจะจบนะจ๊ะ ขอทางออกสร้างสรรค์ หรือเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้นิดนึง ... เอียนเต็มทีแล้ว โกงแล้วคืนเป็นจบเรื่อง
00 ขณะที่อีกฝ่าย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็โชว์ฟอร์มสมฉายา“นักยื่นมือหนึ่ง”เข้าร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ“บิ๊กติ๊ก” ฐานใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับคนในครอบครัว เข้าข่าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ขัดกับทั้ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. กับ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม รวมๆ แล้วสรุปได้ว่า ทำได้ แต่ไม่สมควร
00 มันยกร่อง ฟักทองแตงไทย !! จู่ๆ ก็มี “มือดี”ในนามพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่อนจดหมายจ่าหน้าถึง“บิ๊กตู่”ร้องเรียนพฤติกรรมผลาญงบแบบเทกระจาดของ “5เสือกกต.”แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ หลุดมาถึงมือนักข่าวก่อนตามสูตร ไล่เช็กข้อมูลตามหนังสือที่ว่า มีทั้งจริง-มั่ว ประสมปนเปกันไป งานนี้เบื้องหลังไม่พ้น“กลุ่มอำนาจเก่า”ที่ต้องการ“เอาคืน” หวังล้มกระดานเขี่ยทิ้งทั้ง “5เสือ กกต.”แล้วถ้ายังจำกันได้ ครั้งที่ "ภุชงค์ นุตราวงศ์" โดนเด้งดึ๋งจากเก้าอี้เลขาธิการ กกต. ก็มีข้อมูลราวๆ นี้หลุดมาแล้ว แต่ก็เงียบหายไปกับสายลม ฟันธงล่วงหน้า “5เสือ
กกต.”ยังต้องรับบท“ม้าใช้”ไปถึงเกมประชามติโน่น แต่ถ้าผลออกมาไม่ถูกใจ“ผู้มีอำนาจ”ถึงวันนั้นค่อยเชือดทิ้งก็ไม่สาย วันนี้ยังชิลล์ๆ วางโปรแกรมทัวร์นอกกันได้อยู่
00 เกือบไปแล้ว“ดุสิต เครืองาม”สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ถือโอกาสช่วงอภิปรายทั่วไปก่อนเข้าสู่วาระประชุม เล่าเหตุระทึกที่เผอิญร่วมเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างพาครอบครัวเดินทางไปพักผ่อน เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จังหวะที่แผ่นดินเริ่มสั่นไหว “สปท.ดุสิต”พร้อมครอบครัวอยู่ในอาคารโรงแรม ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เดชะบุญ !! คนในครอบครัวปลอดภัยดี พร้อมได้ข้อคิดมาฝากเพื่อน สปท. ถึงความเป็นระบบ-ระเบียบ ของประเทศญี่ปุ่น มีการจัดการที่ดีเมื่อเกิดภัยพิบัติ ไร้จลาจลวุ่นวาย.