สงกรานต์เลิกราไปตามวาระ บรรยากาศการเมืองเริ่มบทใหม่พร้อมสัญญาณเริ่มชัดว่าอะไรๆ ที่ผู้กุมอำนาจรัฐวางไว้ตามโรดแหม็บๆ เริ่มเผชิญอุปสรรค ทั้งความคิดเห็นเชิงลบต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยไทยแลนด์ เนื้อหาปนเปื้อนด้วยคำสั่งเร้นลับหวังวางเกมยาว
นอกจากพรรคใหญ่สังกัดเครือข่ายขบวนการเหลี่ยม ผสมกับแนวร่วมแกนนำมวลชนเสื้อแดง และค่ายสะตอ ยังมีกลุ่มขาประจำอื่นๆ นักศึกษา นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย กลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาชน ประกาศชัดว่าไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พวกแสดงความเห็นเชิงยอมรับคือพรรคการเมืองระดับกลาง ซึ่งมองว่าการรับรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีเลือกตั้งยังดีกว่าอยู่ในสภาพแร้นแค้นบรรยากาศการเมืองเฉา ทำให้เกิดสภาวะนิ่ง ส่งผลให้นักการเมืองอดอยากปากแห้ง ไร้กิจกรรมเคลื่อนไหวสร้างรายได้
พวกนี้มองว่ามีการเมืองให้เล่น ยังดีกว่าทำอะไรไม่ได้ มองไม่เห็นอนาคต ไม่ใส่ใจกฎระเบียบการเมืองว่าจะมีบรรยากาศประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะสนใจเพียงโอกาสการซื้อเสียงในเกมเลือกตั้งเข้าไปกุมอำนาจรัฐหาช่องทางโกงบ้านกินเมืองเป็นเป้าหมายหลัก
แนวคิดแบบนี้ ทำให้การรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยพอๆ กับการเลือกตั้ง ประชาชนอยู่ระหว่างเสือกับจระเข้ ถูกอ้างเอาผลประโยชน์และโดนจับเป็นตัวประกันโดยนักการเมืองกังฉินและนักรัฐประหารซึ่งอ้างความชั่วร้ายของอีกฝ่าย จากนั้นก็ผลัดกันสร้างความร่ำรวย
ประเทศไทยจึงน่าสมเพชเวทนา มีแต่นักฉวยโอกาส ยังดีที่มีทรัพย์แผ่นดินมั่งคั่งมากเพียงพอ ทำให้การโกงกินอย่างมโหฬารสร้างความเสียหายมากก็จริง แต่ยังไม่ถึงกับล่มจมจนบัดนี้ แต่สภาพโดยรวมเสื่อมโทรม โครงสร้างทุกมิติผุกร่อนเสี่ยงต่อการเป็นรัฐล้มเหลว
อันที่จริง ปัจจัยทุกวันนี้ทำให้ประเทศไทยเข้าข่ายเป็นรัฐล้มเหลว ไม่ว่าจะมีรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะเป็นคณะทหารจากรัฐประหาร หรือนักซื้อเสียงเลือกตั้งกุมอำนาจ อนาคตบ้านเมืองยังคงมืดมน เมื่อชาวบ้านไม่เห็นความสุจริตในการกุมอำนาจรัฐ
ความเป็นจริงที่ปรากฏ พิสูจน์ให้เห็นซ้ำซากก็คือ พวกที่มาแล้วจากไป ในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ ยังไม่มีใครยากจน การผลัดเปลี่ยนการกุมอำนาจรัฐคือการเปลี่ยนมือผู้จัดการผลประโยชน์ให้พวกพ้องตัวเอง ชาวบ้านเป็นเพียงตัวเบี้ยให้อ้างความชอบธรรม
ทุกวันนี้คณะรัฐประหารของพวกคุณท่านได้พยายามสร้างภาพให้ชาวบ้านได้เห็นว่าอะไรๆ จะดีขึ้นตามสัญญาเกือบ 2 ปี ตามเพลงปลอบใจทุกเย็นย่ำค่ำเช้า แต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้นชัดเจนให้เห็นว่ามันคุ้มค่ากับการที่ประชาชนต้องสูญเสียสิทธิเสรีภาพต่างๆ ที่เคยมี
เพียงแค่จะมีคนอยากแยกแยะให้เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยไทยแลนด์ว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไรให้ชาวบ้านได้รับรู้แล้วตัดสินใจเลือกเองได้ ก็ยังทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่การแสดงความคิดเห็นเป็นพื้นฐานของการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยเปิดเผย โปร่งใส
ยิ่งถ้าไม่อยากให้คนพูดถึง ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าร่างรัฐธรรมนูญนั้นน่าจะมีอะไรหมกเม็ด เคลือบแฝงเร้นลับ มีเจตนาไม่ซื่อต่อบ้านเมืองโดยบางกลุ่มซึ่งมีความกระสันในอำนาจการเมือง แต่ต้องการวางเกมกลแยบยลเพื่อไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ
นี่เป็นปัญหาความน่าเชื่อถือ อะไรก็ตามถ้าเป็นของดีจริง ย่อมพร้อมเผชิญการตรวจพิสูจน์ เหมือนคำกล่าว “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” เมื่อทำอะไรๆ ลุกลี้ลุกลนไม่โปร่งใสเท่ากับว่าผู้กระทำการหรือผู้วางแผนมีเจตนาคิดไม่ซื่อต่อประชาชน ส่งผลร้ายต่อบ้านเมือง
เมื่อไร้ความโปร่งใส รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยมีเงื่อนไขแฝงเร้น ทำให้ประเทศไทยก้าวไปได้ยากด้วยปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องเรื้อรังอื่นๆ เพราะกลไกกระบวนการยุติธรรม และระบบอุปถัมภ์ได้ทำลายความน่าเชื่อถือโดยรวม
ชาวบ้านอยู่ไปวันๆ โดยไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากได้เลย ปัญหาปากท้อง ทุกข์ร้อนโดยทั่วไป ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ วิกฤตด้านคุณภาพการศึกษา การจ้องทุจริต โกงกิน คอร์รัปชันโดยผู้มีอำนาจและเครือข่ายคนภาคราชการ บ้านเมืองจึงอยู่ในสภาพสิ้นหวัง
สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โอกาสสร้างรายได้ มีอาชีพอิสระค้าขายสูญสลายไปพร้อมกับการกินรวบโดยทุนใหญ่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลของคุณท่าน ผู้ค้ารายย่อยอยู่ในสภาพย่อยยับ ยากที่จะฟื้นคืนได้ ทั้งไร้โอกาส ไร้ทุนตั้งต้นอาชีพค้าขาย เมื่อคนไร้กำลังซื้อ
เมืองไทยไปได้ดียาก มีการเมืองฉวยโอกาส ไร้จิตสำนึกรักชาติ โครงสร้างสำคัญซึ่งไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบด้วยอำนาจรัฐประหารคือกลไกกระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงธรรม น่าเชื่อถือ และการระบาดของระบบอุปถัมภ์เพื่อนพ้องน้องพี่หรือ Cronyism นั่นเอง
ความเลวร้ายของทั้ง 2 ระบบเป็นหัวเชื้อพื้นฐานของการคอร์รัปชันอำนาจ และการทุจริตประพฤติมิชอบในระบบการเมือง ข้าราชการ สร้างโครงสร้างความชั่วร้ายเสื่อมทราม ทำลายจิตวิญญาณของชาวบ้านให้เมินค่านิยมว่าทำดีได้ดี แต่กลับนิยมการโกงเพื่อรวย
คณะผู้กุมอำนาจรัฐนำโดยคุณท่านรู้ปัญหานี้หรือไม่? แน่นอน คุณท่านได้แสดงให้เห็นในหลายวาระว่ารับรู้ทุกปัญหา ทุกมิติ พยายามแก้ไข แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้เห็น ดูแล้วขัดใจมาก คือการ “เกาไม่ถูกที่คัน” เป็นเพราะไม่อยากเกาหรือเกาไม่เป็น ก็สุดแล้วแต่จะเดา
คุณท่านได้ปรับรูปแบบการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเป็นการถามตอบแทนการโชว์เดี่ยว พูดคนเดียวเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ตราบใดที่ยังไม่ทำอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญจริงจัง เท่ากับล้มเหลวโดยไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่ทำ
ประเทศไทยไปลำบาก ทุกวันนี้มีความด้อย อ่อนล้า โครงสร้างเสื่อมโทรมเกือบทุกด้าน รายได้จากการท่องเที่ยว การลงทุนโดยต่างชาติ ต้องแลกกับการเสียทรัพย์แผ่นดิน นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความพ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจ ต้องพึ่งพาคนอื่นเพราะเราฉลาดน้อยกว่าเขา
นอกจากพรรคใหญ่สังกัดเครือข่ายขบวนการเหลี่ยม ผสมกับแนวร่วมแกนนำมวลชนเสื้อแดง และค่ายสะตอ ยังมีกลุ่มขาประจำอื่นๆ นักศึกษา นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย กลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาชน ประกาศชัดว่าไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พวกแสดงความเห็นเชิงยอมรับคือพรรคการเมืองระดับกลาง ซึ่งมองว่าการรับรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีเลือกตั้งยังดีกว่าอยู่ในสภาพแร้นแค้นบรรยากาศการเมืองเฉา ทำให้เกิดสภาวะนิ่ง ส่งผลให้นักการเมืองอดอยากปากแห้ง ไร้กิจกรรมเคลื่อนไหวสร้างรายได้
พวกนี้มองว่ามีการเมืองให้เล่น ยังดีกว่าทำอะไรไม่ได้ มองไม่เห็นอนาคต ไม่ใส่ใจกฎระเบียบการเมืองว่าจะมีบรรยากาศประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะสนใจเพียงโอกาสการซื้อเสียงในเกมเลือกตั้งเข้าไปกุมอำนาจรัฐหาช่องทางโกงบ้านกินเมืองเป็นเป้าหมายหลัก
แนวคิดแบบนี้ ทำให้การรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยพอๆ กับการเลือกตั้ง ประชาชนอยู่ระหว่างเสือกับจระเข้ ถูกอ้างเอาผลประโยชน์และโดนจับเป็นตัวประกันโดยนักการเมืองกังฉินและนักรัฐประหารซึ่งอ้างความชั่วร้ายของอีกฝ่าย จากนั้นก็ผลัดกันสร้างความร่ำรวย
ประเทศไทยจึงน่าสมเพชเวทนา มีแต่นักฉวยโอกาส ยังดีที่มีทรัพย์แผ่นดินมั่งคั่งมากเพียงพอ ทำให้การโกงกินอย่างมโหฬารสร้างความเสียหายมากก็จริง แต่ยังไม่ถึงกับล่มจมจนบัดนี้ แต่สภาพโดยรวมเสื่อมโทรม โครงสร้างทุกมิติผุกร่อนเสี่ยงต่อการเป็นรัฐล้มเหลว
อันที่จริง ปัจจัยทุกวันนี้ทำให้ประเทศไทยเข้าข่ายเป็นรัฐล้มเหลว ไม่ว่าจะมีรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะเป็นคณะทหารจากรัฐประหาร หรือนักซื้อเสียงเลือกตั้งกุมอำนาจ อนาคตบ้านเมืองยังคงมืดมน เมื่อชาวบ้านไม่เห็นความสุจริตในการกุมอำนาจรัฐ
ความเป็นจริงที่ปรากฏ พิสูจน์ให้เห็นซ้ำซากก็คือ พวกที่มาแล้วจากไป ในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ ยังไม่มีใครยากจน การผลัดเปลี่ยนการกุมอำนาจรัฐคือการเปลี่ยนมือผู้จัดการผลประโยชน์ให้พวกพ้องตัวเอง ชาวบ้านเป็นเพียงตัวเบี้ยให้อ้างความชอบธรรม
ทุกวันนี้คณะรัฐประหารของพวกคุณท่านได้พยายามสร้างภาพให้ชาวบ้านได้เห็นว่าอะไรๆ จะดีขึ้นตามสัญญาเกือบ 2 ปี ตามเพลงปลอบใจทุกเย็นย่ำค่ำเช้า แต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้นชัดเจนให้เห็นว่ามันคุ้มค่ากับการที่ประชาชนต้องสูญเสียสิทธิเสรีภาพต่างๆ ที่เคยมี
เพียงแค่จะมีคนอยากแยกแยะให้เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยไทยแลนด์ว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไรให้ชาวบ้านได้รับรู้แล้วตัดสินใจเลือกเองได้ ก็ยังทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่การแสดงความคิดเห็นเป็นพื้นฐานของการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยเปิดเผย โปร่งใส
ยิ่งถ้าไม่อยากให้คนพูดถึง ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าร่างรัฐธรรมนูญนั้นน่าจะมีอะไรหมกเม็ด เคลือบแฝงเร้นลับ มีเจตนาไม่ซื่อต่อบ้านเมืองโดยบางกลุ่มซึ่งมีความกระสันในอำนาจการเมือง แต่ต้องการวางเกมกลแยบยลเพื่อไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ
นี่เป็นปัญหาความน่าเชื่อถือ อะไรก็ตามถ้าเป็นของดีจริง ย่อมพร้อมเผชิญการตรวจพิสูจน์ เหมือนคำกล่าว “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” เมื่อทำอะไรๆ ลุกลี้ลุกลนไม่โปร่งใสเท่ากับว่าผู้กระทำการหรือผู้วางแผนมีเจตนาคิดไม่ซื่อต่อประชาชน ส่งผลร้ายต่อบ้านเมือง
เมื่อไร้ความโปร่งใส รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยมีเงื่อนไขแฝงเร้น ทำให้ประเทศไทยก้าวไปได้ยากด้วยปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องเรื้อรังอื่นๆ เพราะกลไกกระบวนการยุติธรรม และระบบอุปถัมภ์ได้ทำลายความน่าเชื่อถือโดยรวม
ชาวบ้านอยู่ไปวันๆ โดยไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากได้เลย ปัญหาปากท้อง ทุกข์ร้อนโดยทั่วไป ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ วิกฤตด้านคุณภาพการศึกษา การจ้องทุจริต โกงกิน คอร์รัปชันโดยผู้มีอำนาจและเครือข่ายคนภาคราชการ บ้านเมืองจึงอยู่ในสภาพสิ้นหวัง
สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โอกาสสร้างรายได้ มีอาชีพอิสระค้าขายสูญสลายไปพร้อมกับการกินรวบโดยทุนใหญ่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลของคุณท่าน ผู้ค้ารายย่อยอยู่ในสภาพย่อยยับ ยากที่จะฟื้นคืนได้ ทั้งไร้โอกาส ไร้ทุนตั้งต้นอาชีพค้าขาย เมื่อคนไร้กำลังซื้อ
เมืองไทยไปได้ดียาก มีการเมืองฉวยโอกาส ไร้จิตสำนึกรักชาติ โครงสร้างสำคัญซึ่งไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบด้วยอำนาจรัฐประหารคือกลไกกระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงธรรม น่าเชื่อถือ และการระบาดของระบบอุปถัมภ์เพื่อนพ้องน้องพี่หรือ Cronyism นั่นเอง
ความเลวร้ายของทั้ง 2 ระบบเป็นหัวเชื้อพื้นฐานของการคอร์รัปชันอำนาจ และการทุจริตประพฤติมิชอบในระบบการเมือง ข้าราชการ สร้างโครงสร้างความชั่วร้ายเสื่อมทราม ทำลายจิตวิญญาณของชาวบ้านให้เมินค่านิยมว่าทำดีได้ดี แต่กลับนิยมการโกงเพื่อรวย
คณะผู้กุมอำนาจรัฐนำโดยคุณท่านรู้ปัญหานี้หรือไม่? แน่นอน คุณท่านได้แสดงให้เห็นในหลายวาระว่ารับรู้ทุกปัญหา ทุกมิติ พยายามแก้ไข แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้เห็น ดูแล้วขัดใจมาก คือการ “เกาไม่ถูกที่คัน” เป็นเพราะไม่อยากเกาหรือเกาไม่เป็น ก็สุดแล้วแต่จะเดา
คุณท่านได้ปรับรูปแบบการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเป็นการถามตอบแทนการโชว์เดี่ยว พูดคนเดียวเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ตราบใดที่ยังไม่ทำอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญจริงจัง เท่ากับล้มเหลวโดยไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่ทำ
ประเทศไทยไปลำบาก ทุกวันนี้มีความด้อย อ่อนล้า โครงสร้างเสื่อมโทรมเกือบทุกด้าน รายได้จากการท่องเที่ยว การลงทุนโดยต่างชาติ ต้องแลกกับการเสียทรัพย์แผ่นดิน นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความพ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจ ต้องพึ่งพาคนอื่นเพราะเราฉลาดน้อยกว่าเขา