เมื่อวานนี้ (12เม.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เกี่ยวกับเรื่องการประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
หลังการประชุม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการเผยแพร่ ร่าง รัฐธรรมนูญโดยให้ กกต.เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และคำอธิบายร่างรัฐธรรมนูญ ที่เป็นสาระสำคัญ และหนังสือการ์ตูนอินโฟกราฟฟิก ตลอดจนคำถามพ่วงประชามติ และคำอธิบายคำถามพ่วงประชามติ จำนวนอย่างละ 4 ล้านชุด ซึ่งจะพิมพ์เสร็จ และพร้อมแจกจ่ายในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ส่วนเอกสารแจ้งเจ้าบ้านถึงการเป็นผู้มีสิทธิ์ลงประชามติมีจำนวน 17 ล้านเล่ม จะแจกจ่ายได้ 15 วัน ก่อนวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งเป็นวันลงประชามติ
ทั้งนี้ การจัดเวทีเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นหน้าที่ของกรธ. ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย จะมีทั้งหมด 39 เวที ตามจังหวัดต่างๆ และมีการอบรมบุคคลเพื่อกระจายความรู้ต่อ ตามเวทีในหมู่บ้านต่างๆ ส่วน สนช. ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมเวทีชี้แจงกับกรธ. หรือไม่ ขณะที่ กกต.ไม่มีหน้าที่ในการจัดเวที แต่จะเป็นผู้จัดรายการเผยแพร่ทางทีวี จำนวน 10 ครั้ง โดยให้ กรธ.กับ สนช.ร่วมกันชี้แจง
สำหรับปัญหาเรื่องความชัดเจนว่า สิ่งใดทำได้ หรือไม่ได้ ในช่วงก่อนการทำประชามตินั้น คงต้องรอให้ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มีผลใช้บังคับก่อน และต้องรอ กกต.ประชุมเพื่อหาข้อสรุปดังกล่าว ในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งจะมีการพิจารณาว่า สิ่งใดทำได้ สิ่งใดไม่ควรทำ แต่สิ่งที่เป็นความผิดชัดเจน เช่น ขนคนลงคะแนน การแจกเงิน ขัดขวางประชามติ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ตามกฎหมายแน่นอนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีพฤติกรรมสีเทาที่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นความผิดหรือไม่ อาจต้องมีการคุยในการประชุม กกต.วันที่ 18 เม.ย.นี้ แต่ขอให้สบายใจว่า ไม่มีอะไรน่ากลัว ตึงเครียด ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขอแค่ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่บิดเบือน ข่มขู่ ปลุกระดมการเมือง ไม่ใช้ถ้อยคำเท็จ ก็ถือว่าไม่มีความผิด
"เรื่องพฤติกรรมสีเทา อาทิ การติดป้ายหน้าบ้านว่า รับหรือไม่รับ ต้องพิจารณาว่า เป็นบ้านเล็กหรือบ้านใหญ่ ถ้าบ้านหลังเล็ก ก็ไม่มีความผิด แต่ถ้าเป็นตึกใหญ่ 10 ชั้น ที่เห็นกันได้โดยทั่ว ก็ต้องพิจารณากัน หรือการสกรีนเสื้อรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าใส่คนเดียวไม่มีความผิด แต่ถ้าทำแจกจ่ายแล้วใส่พร้อมกันหลายคน อาจมีความผิดได้ ถ้าคนมีชื่อเสียงใส่คนเดียว ก็ยังต้องพิจารณาว่า เป็นพฤติกรรมสีเทาหรือไม่" นายสมชัย กล่าว
ส่วนการพูดว่าจะรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติ สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่เข้าข่ายการชี้นำ ส่วนที่สงสัยว่า สนช.กับ กกต. ตีความไม่เหมือนกันนั้น ขอให้ดูว่าใครเป็นคนดูแลกฎหมายตอนนี้ เพราะ สนช.เป็นคนออกกฎหมาย แต่ กกต.เป็นคนใช้กฎหมาย ถ้า สนช.เห็นว่าผิดกฎหมาย ก็ให้มาตามจับเอง
ส่วนที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุว่า การที่กกต. จะจัดพิมพ์ข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแจกจ่ายประชาชน เป็นการชี้นำนั้น นายสมชัย ชี้แจงว่า กกต.คงไม่จัดทำข้อดี ข้อเสีย ดังกล่าวแล้ว
แหล่งข่าวรายงานว่า การจัดเวที 39 เวที ที่กรธ.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จะให้มหาดไทย เป็นฝ่ายคัดเลือกตัวแทนแต่ละจังหวัด 5 คน เพื่ออบรมกับกรธ. ก่อนจะนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อในหมู่บ้านต่างๆ ส่วนแนวคิดให้ สนช.ร่วมเวทีเผยแพร่กับ กรธ. และกระทรวงมหาดไทยนั้น นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ.ไม่เห็นด้วยที่จะให้ สนช.ไปร่วมเวทีเดียวกับกับกรธ. และกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากสนช. ชี้แจงคำถามพ่วงประชามติ ส่วนกรธ.และกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้ให้ความเห็นชอบตามที่ กกต. เสนอขออนุมัติใช้งบฯกลางในการดำเนินการลงคะแนนออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 2991 ล้านบาท ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า อาจจะมีการของบเพิ่มเติมในส่วนอื่นอีก ทำไมไม่เสนอมาในคราวเดียวกัน ซึ่งได้มีการชี้แจงว่า ตอนแรกไม่มีเรื่องคำถามพ่วง กกต.จึงได้ไปกำหนดงบแค่ในส่วนของการพิมพ์ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และการรณรงค์ แต่พอมีคำถามพ่วง ต้องมีการขออนุมัติงบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้เตรียมไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ตนก็ให้ กกต. เจียดจากงบจำนวน 2,991 ล้านบาท มาใช้ดำเนินการในส่วนของคำถามพ่วง หากไม่พอค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง เพราะยังไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ในกิจกรรมใด เพราะแค่ลำพังพิมพ์บัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ใช้ไม่มาก เพิ่มมาไม่กี่บาท จากนี้กกต.จะไปพิจารณาการบริหารจัดสรรงบ และได้ยินข่าวว่า กกต. จัดสรรงบประมาณเรียบร้อยแล้ว
ส่วนวันลงประชามติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามที่กกต.เสนอ และขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนาม ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว
หลังการประชุม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการเผยแพร่ ร่าง รัฐธรรมนูญโดยให้ กกต.เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และคำอธิบายร่างรัฐธรรมนูญ ที่เป็นสาระสำคัญ และหนังสือการ์ตูนอินโฟกราฟฟิก ตลอดจนคำถามพ่วงประชามติ และคำอธิบายคำถามพ่วงประชามติ จำนวนอย่างละ 4 ล้านชุด ซึ่งจะพิมพ์เสร็จ และพร้อมแจกจ่ายในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ส่วนเอกสารแจ้งเจ้าบ้านถึงการเป็นผู้มีสิทธิ์ลงประชามติมีจำนวน 17 ล้านเล่ม จะแจกจ่ายได้ 15 วัน ก่อนวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งเป็นวันลงประชามติ
ทั้งนี้ การจัดเวทีเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นหน้าที่ของกรธ. ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย จะมีทั้งหมด 39 เวที ตามจังหวัดต่างๆ และมีการอบรมบุคคลเพื่อกระจายความรู้ต่อ ตามเวทีในหมู่บ้านต่างๆ ส่วน สนช. ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมเวทีชี้แจงกับกรธ. หรือไม่ ขณะที่ กกต.ไม่มีหน้าที่ในการจัดเวที แต่จะเป็นผู้จัดรายการเผยแพร่ทางทีวี จำนวน 10 ครั้ง โดยให้ กรธ.กับ สนช.ร่วมกันชี้แจง
สำหรับปัญหาเรื่องความชัดเจนว่า สิ่งใดทำได้ หรือไม่ได้ ในช่วงก่อนการทำประชามตินั้น คงต้องรอให้ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มีผลใช้บังคับก่อน และต้องรอ กกต.ประชุมเพื่อหาข้อสรุปดังกล่าว ในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งจะมีการพิจารณาว่า สิ่งใดทำได้ สิ่งใดไม่ควรทำ แต่สิ่งที่เป็นความผิดชัดเจน เช่น ขนคนลงคะแนน การแจกเงิน ขัดขวางประชามติ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ตามกฎหมายแน่นอนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีพฤติกรรมสีเทาที่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นความผิดหรือไม่ อาจต้องมีการคุยในการประชุม กกต.วันที่ 18 เม.ย.นี้ แต่ขอให้สบายใจว่า ไม่มีอะไรน่ากลัว ตึงเครียด ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขอแค่ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่บิดเบือน ข่มขู่ ปลุกระดมการเมือง ไม่ใช้ถ้อยคำเท็จ ก็ถือว่าไม่มีความผิด
"เรื่องพฤติกรรมสีเทา อาทิ การติดป้ายหน้าบ้านว่า รับหรือไม่รับ ต้องพิจารณาว่า เป็นบ้านเล็กหรือบ้านใหญ่ ถ้าบ้านหลังเล็ก ก็ไม่มีความผิด แต่ถ้าเป็นตึกใหญ่ 10 ชั้น ที่เห็นกันได้โดยทั่ว ก็ต้องพิจารณากัน หรือการสกรีนเสื้อรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าใส่คนเดียวไม่มีความผิด แต่ถ้าทำแจกจ่ายแล้วใส่พร้อมกันหลายคน อาจมีความผิดได้ ถ้าคนมีชื่อเสียงใส่คนเดียว ก็ยังต้องพิจารณาว่า เป็นพฤติกรรมสีเทาหรือไม่" นายสมชัย กล่าว
ส่วนการพูดว่าจะรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติ สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่เข้าข่ายการชี้นำ ส่วนที่สงสัยว่า สนช.กับ กกต. ตีความไม่เหมือนกันนั้น ขอให้ดูว่าใครเป็นคนดูแลกฎหมายตอนนี้ เพราะ สนช.เป็นคนออกกฎหมาย แต่ กกต.เป็นคนใช้กฎหมาย ถ้า สนช.เห็นว่าผิดกฎหมาย ก็ให้มาตามจับเอง
ส่วนที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุว่า การที่กกต. จะจัดพิมพ์ข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแจกจ่ายประชาชน เป็นการชี้นำนั้น นายสมชัย ชี้แจงว่า กกต.คงไม่จัดทำข้อดี ข้อเสีย ดังกล่าวแล้ว
แหล่งข่าวรายงานว่า การจัดเวที 39 เวที ที่กรธ.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จะให้มหาดไทย เป็นฝ่ายคัดเลือกตัวแทนแต่ละจังหวัด 5 คน เพื่ออบรมกับกรธ. ก่อนจะนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อในหมู่บ้านต่างๆ ส่วนแนวคิดให้ สนช.ร่วมเวทีเผยแพร่กับ กรธ. และกระทรวงมหาดไทยนั้น นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ.ไม่เห็นด้วยที่จะให้ สนช.ไปร่วมเวทีเดียวกับกับกรธ. และกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากสนช. ชี้แจงคำถามพ่วงประชามติ ส่วนกรธ.และกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้ให้ความเห็นชอบตามที่ กกต. เสนอขออนุมัติใช้งบฯกลางในการดำเนินการลงคะแนนออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 2991 ล้านบาท ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า อาจจะมีการของบเพิ่มเติมในส่วนอื่นอีก ทำไมไม่เสนอมาในคราวเดียวกัน ซึ่งได้มีการชี้แจงว่า ตอนแรกไม่มีเรื่องคำถามพ่วง กกต.จึงได้ไปกำหนดงบแค่ในส่วนของการพิมพ์ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และการรณรงค์ แต่พอมีคำถามพ่วง ต้องมีการขออนุมัติงบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้เตรียมไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ตนก็ให้ กกต. เจียดจากงบจำนวน 2,991 ล้านบาท มาใช้ดำเนินการในส่วนของคำถามพ่วง หากไม่พอค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง เพราะยังไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ในกิจกรรมใด เพราะแค่ลำพังพิมพ์บัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ใช้ไม่มาก เพิ่มมาไม่กี่บาท จากนี้กกต.จะไปพิจารณาการบริหารจัดสรรงบ และได้ยินข่าวว่า กกต. จัดสรรงบประมาณเรียบร้อยแล้ว
ส่วนวันลงประชามติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามที่กกต.เสนอ และขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนาม ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว