นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. แนะพรรคทำสัญญากลับมาจะทำเรื่องอะไร แย้มรัฐธรรมนูญโหวตไม่ผ่านก็ร่างใหม่ มีไว้แล้วอยู่ในหัว แต่อยากให้ผ่าน ซัดนักการเมืองอย่าอ้างประชาชน รับการเมืองเปลี่ยนเป็นทุนเสรีนิยมไปแล้ว แนะสื่อช่วยพัฒนาความรู้ เผย อนุมัติงบโหวตแล้ว ยันไม่ได้สั่งเรื่องคำถามพ่วง รำคาญพวกพูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ ท้าหัวหน้าพรรคยอมติดคุกถ้าลูกพรรคโกงเลือกตั้ง เชื่อไม่มีคนใน คสช. อยากเล่นการเมืองต่อ ถามตั้งพรรคข่าวจากไหน ไม่จริง ไม่เคยคิด บอกคนมีแววเยอะ แต่ไม่ชอบ เลือกแล้วผิดหวังทุกที
วันนี้ (12 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนต่อร่างรัฐธรรมนูญ ที่เตรียมทำประชามติ ว่า รัฐธรรมนูญเป็นไปตามที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่างมา เพราะทาง คสช. ก็ได้มีข้อเสนอแนะไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อร่างออกมาได้แค่นั้นก็เป็นการทำงานของ กรธ. ซึ่งตนก็เคารพเขาตรงนั้น เพราะเป็นทีมงานเดียวกันที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง เพราะฉะนั้น กรธ. ก็มีความเห็นของเขาอีกแบบหนึ่งออกมาอย่างไรก็แบบนั้น ไม่ได้ไปแย้งอะไร และตนก็จบตรงนั้นสำหรับ กรธ.
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนคำถามพ่วงเรื่อง ส.ว. โหวตนายกรัฐมนตรีนั้น เหตุผลที่ตนได้รับฟังจากที่ สนช. อภิปรายผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์นั้น ก็เห็นว่า บางคนก็อยากให้มี บางคนไม่ต้องการให้มี แต่สรุปก็คือ ต้องมีคำถามพ่วง เนื่องจาก สนช. ไม่ไว้วางใจว่ารัฐบาลต่อไปจะทำอย่างที่ว่าไว้หรือไม่ ดังนั้น ไม่ควรมาถามตน แต่ควรไปถามคนที่จะมารับเลือกตั้งต่อไปว่าเขาจะทำหรือไม่ ก็ไปให้เขามาทำสัญญากับประชาชนของเขาเลยดีไหมว่ากลับมาจะทำอะไร เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องแก้ปัญหาประมง หรืออะไร หลายปัญหามีความซับซ้อนมากมาย คนไม่พร้อม กฎหมายไม่พร้อม ปัญหาความขัดแย้งก็มีอยู่ด้วย ทับซ้อนกันไปหมด
นายกฯ กล่าวว่า ทราบหรือไม่ว่าเวลาผู้นำประเทศอื่น ๆ เวลาเขาเจอตนนั้นเขาบอกว่าอย่างไร เขาบอกว่า มีคนไปถามเขาว่าเป็นห่วงประเทศไทยหรือไม่ ที่จะสะดุดเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำประเทศนั้นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีก็ตอบไปว่าเขาไม่เป็นห่วง ประเทศไทยมีศักยภาพหลายด้าน แต่ที่ห่วงคือ เรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมือง แต่ถึงวันนี้เขาทราบดีว่ารัฐบาลปัจจุบัน และ คสช. ทำงานอย่างเต็มที่ในการทำให้ทุกอย่างไม่สะดุด และเขาซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยก็เป็นกำลังใจให้กับตน แล้วตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมภายในประเทศเรากันเองถึงได้เสื่อมถอยลงไปทุกวัน ตรงนี้แหละที่ทำให้ตนหงุดหงิด แต่แน่นอนตนไม่สามารถทำให้คน 70 ล้านคน มาคิดตามได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ วางแนวทางไว้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ร่างใหม่ แต่ตนก็อยากจะให้ผ่าน ถ้าไม่ผ่านจะไปทำอะไรได้ เมื่อถามว่า แล้วฉบับที่เตรียมไว้หากไม่ผ่านจริง นายกฯ กล่าวว่า ก็เตรียมไว้อยู่ในใจ ในหัวของตนนี่ ไม่เอาฉบับไหนทั้งนั้น เมื่อถามว่า พรรคการเมืองระบุว่าต้องการให้ทำความเข้าใจรอบด้านกับประชาชนเพื่อให้มีความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ นายกฯ กล่าวว่า อย่ามาพูดคำว่าประชาชนกับตนนักเลย ทำไมรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ไม่ทำให้เขา แต่ทำไมพวกเขายังจนอยู่ ยังต้องทำมาหากินอยู่ จะมาอ้างประชาชนกันอยู่ได้ ทราบหรือไม่ว่าตัวเลขที่คนให้ความสนใจรัฐธรรมนูญ คือ 40% กับนักข่าวที่สนใจ 100% ซึ่งเหล่านี้เป็นตัวเลขที่มีการประเมินแล้ว รัฐบาลทำงานแบบมีตัวเลข สำรวจมาทุกหมู่บ้าน ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนบอกว่าไม่รู้เรื่อง รธน. ไม่รู้จัก กรธ. และพอถามต่อไปว่าชาวบ้านต้องการอะไรเขาก็บอกว่าขอน้ำทำนา นี่คือ ความแตกต่างทางความคิด ช่องว่างตรงนี้ยังมีมาก
เมื่อถามว่า 40% ที่ระบุนั้น น่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจจะถูกชักจูง นายกฯ กล่าวว่า ก็อยู่ที่สื่อมวลชนด้วย เพราะถึงอย่างไรตนก็ห้ามไม่ได้ถ้าคนไม่ดีอยากจะทำ แต่ถ้าจับได้ก็ต้องลงโทษ บางคนยังบอกว่าใกล้เลือกตั้งเดี๋ยวก็มีค่ารถกลับบ้านอีก มีค่าเดินทาง ทำไมเขาพูดกันอย่างนั้น แล้วอย่างนี้คนดีใครเขาอยากเข้ามา ทุกวันนี้การต่อสู้ทางการเมืองมันรุนแรง เพราะต้องใช้เงินในการบริหารพรรคการเมือง ทำให้เขาต้องหาเงินมาอุดหนุนดูแลพรรค ต่างจากพรรคการเมืองสมัยก่อน ๆ ที่มีคนร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองมารวมกลุ่มกัน แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเป็นทุนเสรีนิยมไปแล้ว
นายกฯ กล่าวว่า สื่อมวลชนต้องช่วยทำหน้าที่ในการพัฒนาทางความรู้ ว่า ต้องคิดอย่างไร ประชาธิปไตยที่เป็นสากลควรเป็นอย่างไร นักการเมืองต้องทำตัวอย่างไร ประชาชนต้องทำอย่างไรในการเลือกรัฐบาล และต้องทำอย่างไรที่จะมีมาตรการในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ดังนั้น ไม่ต้องมาถามตนว่าจะควบคุมตนเพราะตนเป็นคนยึดอำนาจเพื่อที่จะทำให้ได้ เพราะเดิมทำไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ ครม. ได้มีมติอนุมัติงบประมาณจำนวน 2,991 ล้านบาท เพื่อการจัดทำประชามติตามที่ กกต. เสนอ เนื่องจากเป็นไปตามกติกา แต่จะเสียเงินเปล่าหรือไม่ตนก็ไม่ทราบ เลือกมากี่ครั้งก็เหมือนเดิม หลายประเทศเมื่อเขียนรัฐธรรมนูญแล้วเขาก็ประกาศใช้ทันทีก็เห็นเขาเจริญดี ไม่เห็นต้องทำประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติ ว่า ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วย ตนไม่สนใจไม่ใช่เรื่องของตน เพราะตนทำตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่บอกให้มีคำถามพ่วงประชามติได้ ตนก็บอกว่าแล้วแต่ จะให้มีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ สนช. ตนไม่ได้สั่งอะไรสักอย่าง เขาไปคิดกันมาอย่างนั้นไม่เห็นมาถามตนสักคำด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นกติกา แล้วทำไมไม่ถาม สนช. ว่า เขาถึงเขียนให้มีคำถามพ่วง ต้องการให้สืบทอดอำนาจหรืออย่างไร หรือสื่ออยากให้ตนเป็นนายกฯ คนนอกหรืออย่างไร ตนบอกมากี่ทีแล้วว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีมันอยู่ในระบบ ส.ส. เป็นคนเสนอชื่อ ส.ว. ไม่ได้เป็นคนเสนอ ส.ว. เพียงแต่ดูว่ารายชื่อที่เสนอมาเป็นอย่างไรใช้ได้หรือดีหรือไม่ ไม่ใช่ว่าประชาชนเลือกที่ผ่านมาประชาชนเลือกทั้งนั้นที่ติดคุกอยู่นี่ และที่จะติดคุกอยู่อีกหลายรายทำไมแยกแยะไม่ออก ไม่เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้นายกฯ พอใจหรือไม่พอใจ กับการแสดงความเห็นของพรรคการเมืองต่อร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่พอใจ คือ รำคาญที่พูดในสิ่งที่ไม่ได้ทำไม่ได้ แล้วมาแสดงความเห็นทำไม เมื่อถามย้ำว่า การแสดงความเห็นครั้งล่าสุดของนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นการชี้นำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้า พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้ ศาลจะเป็นผู้ตีความว่าชี้นำหรือไม่ ถ้าเป็นการรณรงค์ชี้นำมีโทษผิดติดคุก 10 ปี โดนหมดไม่ว่าเป็นใครระวังก็แล้วกัน สื่อก็ไม่เว้นจะบอกให้ตนก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงบอกว่าตนไม่ได้เชียร์อะไร ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านหรือไม่ก็เรื่องประชาชน ตนมีหน้าที่ทำ เข้าใจ๊!
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ดูเหมือนข้อเสนอของ คสช. ต้องการให้ ส.ว. สามารถเลือกนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นั่นคือ คสช. แต่ตอนหลังเขาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตอนนั้นตนเสนอความเห็นของ คสช. ไม่ใช่เปิดช่องทางพยักพเยิดส่งสัญญาณ อันนั้นก็จบไปตรงนั้นแล้ว เสนอไปเท่าไหร่เขาทำแค่ไหนก็เท่านั้นต่อจากนั้นก็เขียนในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญ จะตั้งคำถามพ่วงหรือไม่ก็ได้ตนก็รู้แค่นั้น ทำไมไม่ดูว่าเขาถึงต้องตั้งเพราะไม่ไว้หรือเปล่า รัฐบาลใหม่เข้ามาแล้วจะทำแบบดี ๆ หรือทำแบบไม่ดีก็ไม่รู้ทำไมไม่ไปตอบเขาเล่า
“มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ว่า อย่าเป็นห่วงผมเลยครับ ผมในนามหัวหน้าพรรค ผมยืนยันว่า พรรคผมทุกคนจะเข้ามาสู่การเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าไม่จริงผมยินดีติดคุกครับ มีไหมเล่า มาสิจะได้ไม่ต้องตั้งคำถามพ่วง ไม่มีใครตอบสักคนแล้วสื่อก็ไม่เคยถามเขาสักคน แล้วถามว่าคุณจะฝากความหวังไว้กับคนอย่างนี้หรือไง มันก็จะวนกลับมาปฏิรูปไม่ได้ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ยังไม่รู้สึกหรือว่าทำอะไรกันบ้าง บอกแค่ดีอย่างเดียวเรื่องความสงบเรียบร้อยแต่โน่นเขามีคณะกรรมการออกกฎหมายเยอะแยะเป็นร้อย ๆ ฉบับ บอกกี่ครั้งแล้วปฏิรูปไม่ใช่ทำแค่ 20 ปี ต้องทำเป็นร้อยปี เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ที่ทำ 20 ปี ยังไม่ทันเขาเลย เพราะของเรามันติดลบอยู่ไม่มีการพัฒนา ไม่มีการเตรียมตัวลดความเสี่ยงอะไรเอาไว้ล่วงหน้าเลย น้ำแล้วฝนไม่ตก ไม่ได้เตรียมเลยมีแต่ปล่อยน้ำปลูกข้าวใช่ไหม หรือบอกว่าไม่ใช่หรือกลัวเขาว่าเอา ผมไม่กลัวผมพูดข้อเท็จจริงจะทำไม เธอ (นักข่าว) ก็ติดตาม 2 รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ แล้วมันดีขึ้นหรือไม่ดีกว่าที่ผมทำหรือไม่ ถ้าดีกว่าก็ไปอยู่กับเขา ไปเลย กลัวอะไรกันนักหนาประเทศชาติจะเสียหายกลับไม่กลัว คุณไปบังคับแบบบังคับผมพูดกับเขาแบบที่พูดกับตนดูสิว่า เขาจะตอบอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้โครงการที่ออกมาเป็นแสนโครงการพอทำมันก็เริ่มโตขึ้นเราต้องทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม หรือเรียกว่าให้คนมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ใช่ไปรวบไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ตนทำ วันนี้เราไปขอความร่วมมือนักธุรกิจ 12 กลุ่มสัปดาห์หน้าจะมาพูดให้ฟังว่าจะช่วยอะไรรัฐบาลบ้าง ต้องมองและคิดใหม่ ประเทศชาติสิ่งสำคัญที่สุด คือ ทรัพยากรมนุษย์ ตนไม่เคยดูถูกใครตนเป็นคนหนึ่งที่ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ อะไรที่ตนเปิดรับและตรงกับตนก็เอามาใช้เป็นแนวทางถกแถลงใน ครม. ว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตนทำงานแบบนี้ไม่ใช่ว่าไอ้นี่ไปทำตรงนี้ไอ้นี่ไปทำตรงโน้นที่นี่บ้านผมต้องไปทำไม่มี มีแต่ว่าทุกภูมิภาคต้องเท่าเทียมกัน เพื่อให้ทุกภูมิภาคแข็งแรงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาใครมาก สามารถเชื่อมโยงซึ่งกันและกันได้ ที่ผ่านมามีหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า เคยถามใน คสช. หรือใน ครม. หรือไม่ว่าในอนาคตการเลือกตั้งครั้งต่อไป มีใครอยากลงเล่นการเมืองบ้าง เพื่อสานต่อในสิ่งที่ทำวันนี้ว่า ไม่มีใครเขาอยากอยู่หรอก ถ้าตนไม่อยู่เขาก็ไม่อยู่ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวมาตลอดทาง คสช. ได้ตั้งพรรคการเมืองเตรียมไว้แล้ว นายกฯ กล่าวว่า พรรคอะไร ข่าวมาจากไหน ใครให้ข่าวเรียกมา ถ้าตนตั้งพรรคการเมืองมาจะเลือกตนไหม ถ้าตนพูดไปก็จะถูกด่าแสดงว่าเปิดทางไว้แล้ว ปัดโธ่ สื่อก็คงเอาไปเขียนแค่นี้ เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการตั้งพรรคการเมืองไว้แล้วจริงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่จริง ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น แก้สถานการณ์ไปก่อน ให้มันเกิดประชามติและเลือกตั้งให้ได้ แล้วก็จบหน้าที่ของตน ก็เท่านั้น แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาอีก ก็จะทำให้เลือกตั้งไม่ได้ ก็ต้องไปหาวิธีการมา ก็กลับมาอยู่แบบเดิม
เมื่อถามว่า ตัวของนายกฯเอง ถึงเวลานี้เคยคิดอยากจะลงมาเล่นการเมืองเสียเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดอยาก แต่อยากทำงานให้มันเสร็จ ทำงานเพื่อพวกคุณเพื่อคน 70 ล้าน ไม่ใช่เพื่อพวกหรือตระกูลของตนเองหรือญาติพี่น้อง ไม่ใช่ วันนี้เขาไม่เคยได้อะไรจากตนเลย เพราะเขาเพียงพอกันหมดแล้ว
เมื่อถามว่า มีข่าวว่า ตัวนายกฯ และผู้ใหญ่ใน คสช. มองคนไว้แล้วที่จะเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครล่ะ บอกชื่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีหรือ เมื่อถามว่า ไม่ใช่ทหารแต่หลายถึงพลเรือน นายกฯ กล่าวย้ำว่า ใครเล่า ถามมาเลยว่าเป็นใครจะได้ตอบถูกมีชื่อใคร เมื่อถามว่า มีชื่อ พล.อ.ประวิตร ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มีจะมาได้อย่างไร ไม่ได้สมัครเลือกตั้งจะเป็นนายกฯ ได้อย่างไร เมื่อถามต่อว่า ในบรรดานักการเมือง มองแล้วใครมีแววที่น่าจะเป็นผู้นำประเทศต่อจากตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีเยอะ แต่ตนไม่ชอบสักคน ถ้าชอบตนจะมายืนตรงนี้ทำไม ซึ่งตนก็เลือกมาทุกทีทุกพรรคแล้วทำไมมันไม่สงบเรียบร้อย ก็แสดงว่ายังไม่ดีพอแต่ถ้าจะดีในสายตาท่านก็ว่ากันไป ตนไม่ไปดูถูกอยู่แล้วแล้วแต่ใครจะเชื่อ สื่ออย่าไปเขียนผิด นี่เป็นสิ่งที่ถามตนคนเดียว ตนไม่ได้ดูถูก ถ้าถามตนว่าชอบไหม ตนไม่ชอบ เพราะเลือกแล้วผิดหวังทุกที ถ้าใครเลือกแล้วผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตามใจ ไม่รู้ใครเหมือนกัน
“ไหนลองบอกตัวย่อ ก็ได้ ว่าใคร อยากรู้ จะได้เตรียมตัวเลือก ใคร บอกตัวย่อมา” นายกรัฐมนตรีถาม ขณะที่สื่อบอกว่า ตัวย่อ ส เสือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ส. เสือใครว่ะ” เมื่อสื่อบอกว่า สุรเกียรติ์ นายกฯ กล่าวว่า “ฮู้! ไม่มี ใครอยากเป็นก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ใครจะบอกว่าจะเลือกใครบ้าหรือเปล่า”
เมื่อถามว่า ในความรู้สึกของนายกฯ คิดว่า จะมีม้ามืดมาเป็นนายกฯ นอกจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันจะมีได้อย่างไร ม้ามืด แต่จะมืดมาอย่างไร มันอยู่ที่นักการเมืองทั้งนั้น ไม่ใช่ตน ที่ผ่านมา นักการเมืองทำ ไม่ใช่ตน จะไปบังคับอะไรเขาได้ เมื่อการเมืองเข้ามาเต็มรูปแบบ ตนก็บังคับอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของประชาชน ที่จะเป็นคนกำหนดอนาคตตัวเอง แล้วมีชื่อใครอีกที่จะมาเป็นนายกฯ ตนจะได้เตรียมใจไว้ มี ส. เสือ แล้วมีใครอีก ส. อาสนจินดา หรือเปล่า หรือ สมจิต ทรัพย์สำรวย หรือ สมจิต นักมวยอะไรอย่างนี้หรือ ยังนึกไม่ออกเลย วันหลังเขียนใส่กระดาษมาเดี๋ยวจะดูให้
เมื่อถามว่า ถ้ามีคนเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า จะเสนอได้อย่างไร ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน นายกฯ คนนอกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การเสนอชื่อนายกฯ จะต้องเลือกมาจาก ส.ส. เว้นแต่มีเหตุการณ์ความจำเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว ที่มีการตีกัน รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม และเลือกกันเองอีกครั้งไม่ได้ นั่นจึงจะหาคนนอก อยากให้ไปถึงตรงนั้นหรือ แต่ถ้าถึงตรงนั้นจริงก็ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักหยุดก่อนจะถึงตรงนั้น แต่ทำไมต้องมาเอาฉัน ทำไมเธอหยุดกันเองไม่ได้หรือ ลูกหลานของเธอทั้งนั้น ทำไมไม่หยุดจะให้ตีกันแบบเดิม หรือจะต้องมาตั้งนายกฯ คนนอก มันก็ไปตีใหม่ ย้อนกลับไปแบบเดิม ทำไมคิดแบบนี้ ทำไมไม่คิดหยุดทุกอย่างตั้งแต่ต้น ไม่เอาคนเข้ามากรุงเทพฯ ไม่เดินประท้วง ไม่ขัดแย้งกฎหมาย ไม่เอาประเทศไปประจานในต่างประเทศ แค่นี้ยังทำไม่ได้เลยอย่าไปหวังเลย ผมไม่หวังหรอก จะประชามติจะเลือกตั้ง ผมก็ทำตามระบบ ตราบใดถ้ายังมีคนพูดกันอยู่แบบนี้ไม่มีทางสำเร็จ เดี๋ยวฟังที่ผมทำให้และคอยไปถามเขาว่ารัฐบาลหน้าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งผมไม่รู้”