ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นางสงกรานต์ ประจำปี 2559 ทรงนามว่า ‘มณฑาเทวี’ ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรมาเหนือหลังคัสพร (ลา) เป็นพาหนะ
โดยกระทรวงวัฒนธรรม ได้เผยแพร่ประกาศสงกรานต์ ประจำปี 2559 ความว่า ปีวอก ผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก อัฐศก จุลศักราช 1378 ทางจันทรคติ เป็นปกติ มาสวาร ทางสุริยคติ เป็นอธิกสุรทิน วันที่ 13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับวันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 เวลา 20 นาฬิกา 00 นาที 00 วินาที
ในวันที่ 16 เมษายน เวลา 00 นาฬิกา 34 นาที 12 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่ เป็น 1378 ปีนี้ วันเสาร์เป็นธงชัย วันพุธเป็นอธิบดี วันศุกร์เป็นอุบาทว์ วันศุกร์เป็นโลกาวินาศ ปีนี้ วันจันทร์เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า นาคให้น้ำ 2 ตัว เกณฑ์ธัญญาหารได้เศษ 6 ชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผล 9 ส่วน เสีย 1 ส่วนธัญญาหาร ผลาหาร มัจฉมังษาหารจะบริบูรณ์อุดมสมบูรณ์ ประชาชนทั้งหลายจะเป็นสุขสมบูรณ์แล เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีวาโย (ลม) น้ำน้อย
ด้าน อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เผยคำพยากรณ์ว่า ปี 2559 วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันพุธ นางสงกรานต์มีชื่อว่า 'มณฑาเทวี' ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา แก้วไพฑูรย์ (พลอยสีเหลืองแกมเขียว) เป็นอาภรณ์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรไปบนหลังคัทรภะ (ลา) เป็นสงกรานต์ฝ่ายศุภเคราะห์เพราะวันพุธเป็นวันศุภเคราะห์ ทำนายว่า ธัญญาหารบริบูรณ์ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ
ที่สำคัญคือ ปีนี้นางสงกรานต์ไม่ได้ดุ ไม่กระหายดื่มเลือดอย่างปีที่แล้ว ซึ่งจะเห็นว่าเป็นปีที่มีอุบัติเหตุอุบัติภัย เกิดขึ้นมากมาย ทั้งกรณีลอบวางระเบิดบริเวณที่ประดิษฐานท่านท้าวมหาพรหมเอราวัณ และสะพานสาทร เป็นต้น ทำให้ประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุบาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก
ส่วนการที่ พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พยากรณ์ว่าจะมีอุบัติเหตุอุบัติภัย แต่ความรุนแรงไม่มากนัก เพียงเสียดแทงเลือดออกซิบๆ ซึมๆ ประปรายไปตลอดทั้งปี ขณะที่พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า ก็คอยค้ำยันไม่ให้ล้ม เพราะไม้เท้าจะช่วยการ ควบคุม ในการทรงตัวและก้าวเดิน
“รัฐบาล คสช. และผู้ปกครองคงจะออกแบบไม้เท้าชนิดต่างๆ หลายๆ แบบ หรือหามาตรการต่างๆ เพื่อใช้ประคับประคองสถานการณ์ นำพาประเทศให้ก้าวล่วงไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย”
สำหรับอิริยาบถนางสงกรานต์ที่ เสด็จไสยายน์ลืมเนตรไปบนหลังคัทรภะ (ลา) อ.ภิญโญอธิบายว่า หมายถึงการลืมตานอนดู สนใจรับรู้อะไรได้บ้าง และประชาอยู่เย็นเป็นสุข แต่การขี่ลาจะทำให้เกิดปัญหาด้านการคมนาคม
“ลาออกมาเพ่นพ่านเต็มถนนทำให้รถติด เดินทางไม่ได้ เดินทางไม่สะดวก หรือจะมีลาสักกี่ตัวจำนวนเป็นหมื่น เป็นแสน หลากกลุ่ม หลากสี หลากสายพันธุ์ ออกมาเรียกใช้สิทธิเรียกร้อง อย่างไรก็ตาม ความรุนแรง น่าจะมีพอทำเนาเพลาๆ ลง มีความรุนแรงเกิดให้เห็นก็ประปราย”
อ.ภิญโญสรุปของดวงเมืองในช่วงวารดิถีขึ้นปีใหม่ไทยด้วยว่า อิทธิพลจากดาวพุธ ส่งผลเกิดความตื่นตัวด้านการสื่อสาร สารพันปัญหาต่างๆ ที่สั่งสมจะคลี่คลายขึ้นในทางที่ดี สามารถแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีทางความคิดได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลเปอร์เซ็นต์ของอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้สูงกว่าปกติ
กระนั้นก็ดี ดวงเมืองในช่วงหลังสงกรานต์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป ได้รับอิทธิพลจากอังคารกุมดาวเสาร์ ภพมรณะ ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์เป็น ดาวคู่อุบัติเหตุ ความรุนแรง ความแตกหัก และมี 2 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เรื่องแรก อุบัติภัยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่จะส่งจะสร้างความ เสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง และเรื่องที่สอง ภัยจากการกระทำของมนุษย์ ความขัดแย้งที่ก่อตัวรุนแรงจะสร้างความเสียหาย
ส่วนปมความขัดแย้งเรื่องศาสนายังคงเป็นปัญหา เช่นเดียวกับ เรื่องภัยแล้งที่คนไทยต้องเผชิญไปจวบจนกลางปี และค่อยๆ ทุเลาเบาบางลง ด้านสาธารณสุขพึงระวังปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากราหูย้ายเข้าราศีสิงห์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การช่วงชิงอำนาจ ยังแบ่งฝักเป็นฝ่ายแสวงหาผลประโยชน์เพื่อพวกพ้อง ขณะที่ดาวมฤตยูทับลัคนาดวงเมือง บ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงด้านการปฏิรูปทั้ง การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม