จากที่คสช. มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำหลักสูตรปรับทัศนคติ เนื่องจากที่ผ่านมา คสช.เคยชี้แจงแล้วว่า การปรับทัศนคติไม่ได้ใช้อำนาจพิเศษ และไม่ควรใช้เรื่องดังกล่าวมาสร้างเงื่อนไขในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ หากการแสดงออกอยู่ภายใต้กรอบกติกา ไม่ละเมิด หรือหมิ่นประมาทบุคคลหรือองค์กรอื่นใด โดยเฉพาะที่ผ่านมาการแสดงออกที่ไม่ระมัดระวัง อาจนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งของสังคม เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล”ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,229 คน ระหว่างวันที่ 29 มี.ค. - 2 เม.ย.59 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร กรณี คสช.จะเปิด“หลักสูตรปรับทัศนคติ” อันดับ 1 เป็นข่าวดังที่หลายคนจับตามองและพูดถึงอยากทราบรายละเอียดของหลักสูตร 78.11% อันดับ 2 มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด คงต้องรอดูต่อไป 64.93% อันดับ 3ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับกลุ่มการเมือง ยิ่งใกล้จะลงประชามติจึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน58.04% อันดับ 4 เพื่อป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของ คสช. 57.45% อันดับ 5 คสช.มีอำนาจพิเศษ หากพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมก็สามารถเปิดหลักสูตรได้ 55.49%
2. “ผลดี”ของการเปิดหลักสูตรปรับทัศนคติ อันดับ 1 เพื่อปรับความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานของ คสช.73.72% อันดับ 2 ลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย 68.35% อันดับ 3 เป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดการยอมรับมากขึ้น 58.82%
3. “ผลเสีย”ของการเปิด หลักสูตรปรับทัศนคติ อันดับ 1 ผู้ที่ไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้าน ยุยง โจมตี คสช.ให้เกิดปัญหา74.14% อันดับ 2 ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนายกฯและคสช. เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ปิดกั้นความคิดเห็น 72.66% อันดับ 3 เสียเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณ 60.90%
4. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กับ การที่ทหารเชิญผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับคสช.ไปปรับทัศนคติอันดับ 1 เห็นด้วย59.02% เพราะ การออกมาเคลื่อนไหวหรือแสดงความเห็นส่วนตัวมากเกินไป อาจทำให้สังคมเกิดความสับสน เข้าใจผิดได้ เป็นการแก้ปัญหาของ คสช.เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฯลฯ อันดับ 2ไม่เห็นด้วย 23.77% เพราะ ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เกิดความขัดแย้งมากขึ้น การปรับทัศนคติไม่น่าจะได้ผล หรือเปลี่ยนความคิดของคนๆนั้นได้ เมื่อกลับออกไปก็อาจมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีก คสช.ควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างบ้างฯลฯ
อันดับ 3 เฉยๆ 17.21% เพราะ เป็นเพียงแค่การเชิญตัวไปพูดคุยไม่ได้จับกุมตัวหรือทรมานอะไร ถ้าใครเสนอความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรร ไม่เข้าท่า สังคมก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง ฯลฯ
5. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กับการที่จะมีหลักสูตรปรับทัศนคติ โดยมีระยะเวลา 3 วัน หรือ 7 วัน อันดับ 1 เห็นด้วย57.93% เพราะ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ คสช. คิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและสร้างความเข้าใจให้ดีขึ้น ระยะเวลาเหมาะสมไม่มากไม่น้อยเกินไป ฯลฯ อันดับ 2ไม่เห็นด้วย 26.27% เพราะ เสียเวลา เปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ใช้บทลงโทษตามกฎหมายจะดีกว่า อยากให้ คสช. เร่งแก้ปัญหาปากท้องและเรื่องอื่นๆที่เร่งด่วน ฯลฯ อันดับ 3เฉยๆ 15.80% เพราะ คสช.มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากเห็นว่าอะไรเหมาะสมก็ควรรีบดำเนินการ สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ
1. ประชาชนคิดอย่างไร กรณี คสช.จะเปิด“หลักสูตรปรับทัศนคติ” อันดับ 1 เป็นข่าวดังที่หลายคนจับตามองและพูดถึงอยากทราบรายละเอียดของหลักสูตร 78.11% อันดับ 2 มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด คงต้องรอดูต่อไป 64.93% อันดับ 3ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับกลุ่มการเมือง ยิ่งใกล้จะลงประชามติจึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน58.04% อันดับ 4 เพื่อป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของ คสช. 57.45% อันดับ 5 คสช.มีอำนาจพิเศษ หากพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมก็สามารถเปิดหลักสูตรได้ 55.49%
2. “ผลดี”ของการเปิดหลักสูตรปรับทัศนคติ อันดับ 1 เพื่อปรับความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานของ คสช.73.72% อันดับ 2 ลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย 68.35% อันดับ 3 เป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดการยอมรับมากขึ้น 58.82%
3. “ผลเสีย”ของการเปิด หลักสูตรปรับทัศนคติ อันดับ 1 ผู้ที่ไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้าน ยุยง โจมตี คสช.ให้เกิดปัญหา74.14% อันดับ 2 ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนายกฯและคสช. เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ปิดกั้นความคิดเห็น 72.66% อันดับ 3 เสียเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณ 60.90%
4. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กับ การที่ทหารเชิญผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับคสช.ไปปรับทัศนคติอันดับ 1 เห็นด้วย59.02% เพราะ การออกมาเคลื่อนไหวหรือแสดงความเห็นส่วนตัวมากเกินไป อาจทำให้สังคมเกิดความสับสน เข้าใจผิดได้ เป็นการแก้ปัญหาของ คสช.เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฯลฯ อันดับ 2ไม่เห็นด้วย 23.77% เพราะ ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เกิดความขัดแย้งมากขึ้น การปรับทัศนคติไม่น่าจะได้ผล หรือเปลี่ยนความคิดของคนๆนั้นได้ เมื่อกลับออกไปก็อาจมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีก คสช.ควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างบ้างฯลฯ
อันดับ 3 เฉยๆ 17.21% เพราะ เป็นเพียงแค่การเชิญตัวไปพูดคุยไม่ได้จับกุมตัวหรือทรมานอะไร ถ้าใครเสนอความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรร ไม่เข้าท่า สังคมก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง ฯลฯ
5. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กับการที่จะมีหลักสูตรปรับทัศนคติ โดยมีระยะเวลา 3 วัน หรือ 7 วัน อันดับ 1 เห็นด้วย57.93% เพราะ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ คสช. คิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและสร้างความเข้าใจให้ดีขึ้น ระยะเวลาเหมาะสมไม่มากไม่น้อยเกินไป ฯลฯ อันดับ 2ไม่เห็นด้วย 26.27% เพราะ เสียเวลา เปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ใช้บทลงโทษตามกฎหมายจะดีกว่า อยากให้ คสช. เร่งแก้ปัญหาปากท้องและเรื่องอื่นๆที่เร่งด่วน ฯลฯ อันดับ 3เฉยๆ 15.80% เพราะ คสช.มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากเห็นว่าอะไรเหมาะสมก็ควรรีบดำเนินการ สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ