ผู้จัดการรายวัน 360 - “จักรทิพย์” ยันปราบผู้มีอิทธิพลมองภาพรวม ไม่มุ่งแต่กลุ่มการเมือง เผย ตร.เอี่ยวพวกค้ายาเสพติดมากสุด รับอาวุธสงครามโยงฝ่ายการเมืองอื้อ เปิดช่องคนกลับตัวมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ขีดเส้นศุกร์นี้ส่งรายงาน ตร.ทำผิด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นเรื่องการเมืองและเป็นการดำเนินการเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยทำในภาพรวมของประเทศ ไม่ได้เฉพาะเจาะจง และรายชื่อผู้มีอิทธิพลก็มีจากทั้งข้อมูลเก่าและใหม่มีการสำรวจเพิ่มเติม ทั้งนี้ไม่อยากให้มองว่า เป็นการปราบผู้มีอิทธิพลเฉพาะในส่วนของฝ่ายการเมือง
** เผย ตร.พัวพันยาเสพติดมากสุด
ในส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งไว้ว่าให้รายงานกลับมาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดภายในวันที่ 11 มี.ค.นี้ และหลังจากนั้นหากพบว่าใครที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเลิกไปแล้วก็จะมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนที่ยังมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องอยู่ก็จะดำเนินการตามวิธีการขององค์กรตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของการมีส่วนรวมหรือสนับสนุนอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า มีทั้ง 2 แบบ ซึ่งเข้าข่าย 16 ฐานความผิด ส่วนฐานความผิดที่พบมากที่สุดนั้น เป็นฐานความผิดของยาเสพติด
เมื่อถามว่า จากการสำรวจพบเรื่องของอาวุธสงครามที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองพบเยอะหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวยอมรับว่า มีพอสมควร และคิดว่าความหนักใจจะไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ แต่อยู่ที่ตัวบุคคลมีรายชื่อ ถ้าเขาสามารถลดละเลิกและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งดี ส่วนตนเองไม่หนักใจอยู่แล้วเพราะมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย สำหรับกรณีของคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในอดีตจะเขามารายงานตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น เราต้องให้โอกาสเขา บางทีข้อมูลอาจจะผิดพลาดบ้าง ส่วนเรื่องการทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลระยะยาวหลังจากพ้นกรอบระยะ 6 เดือนไปแล้ว เราก็จะเดินหน้าดำเนินการอย่างเต็มที่
** วอน ปชช.ช่วยสอดส่อง ตร.รับส่วย
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปรับส่วยทางหลวง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ได้รับฟังจากข่าวและเห็นว่า ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการรับผลประโยชน์ เราจะตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม เรื่องปัญหาส่วยนั้นมีมานานแล้ว และได้พยายามแก้ไขมาตลอดทั้งการควบคุมการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
“ผมเชื่อว่าต่อไปนี้การทุจริตคอร์รัปชันหรือส่วยพวกนี้จะลดน้อยลง เพราะทุกวันนี้ทุกคนมีกล้องจากโทรศัพท์ ก็ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนไปเรียกรับผลประโยชน์ หรือรับส่วย กล้องที่มีอยู่อย่างที่ทำกันทุกวันนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันป้องกันด้วย” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นเรื่องการเมืองและเป็นการดำเนินการเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยทำในภาพรวมของประเทศ ไม่ได้เฉพาะเจาะจง และรายชื่อผู้มีอิทธิพลก็มีจากทั้งข้อมูลเก่าและใหม่มีการสำรวจเพิ่มเติม ทั้งนี้ไม่อยากให้มองว่า เป็นการปราบผู้มีอิทธิพลเฉพาะในส่วนของฝ่ายการเมือง
** เผย ตร.พัวพันยาเสพติดมากสุด
ในส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งไว้ว่าให้รายงานกลับมาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดภายในวันที่ 11 มี.ค.นี้ และหลังจากนั้นหากพบว่าใครที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเลิกไปแล้วก็จะมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนที่ยังมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องอยู่ก็จะดำเนินการตามวิธีการขององค์กรตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของการมีส่วนรวมหรือสนับสนุนอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า มีทั้ง 2 แบบ ซึ่งเข้าข่าย 16 ฐานความผิด ส่วนฐานความผิดที่พบมากที่สุดนั้น เป็นฐานความผิดของยาเสพติด
เมื่อถามว่า จากการสำรวจพบเรื่องของอาวุธสงครามที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองพบเยอะหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวยอมรับว่า มีพอสมควร และคิดว่าความหนักใจจะไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ แต่อยู่ที่ตัวบุคคลมีรายชื่อ ถ้าเขาสามารถลดละเลิกและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งดี ส่วนตนเองไม่หนักใจอยู่แล้วเพราะมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย สำหรับกรณีของคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในอดีตจะเขามารายงานตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น เราต้องให้โอกาสเขา บางทีข้อมูลอาจจะผิดพลาดบ้าง ส่วนเรื่องการทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลระยะยาวหลังจากพ้นกรอบระยะ 6 เดือนไปแล้ว เราก็จะเดินหน้าดำเนินการอย่างเต็มที่
** วอน ปชช.ช่วยสอดส่อง ตร.รับส่วย
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปรับส่วยทางหลวง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ได้รับฟังจากข่าวและเห็นว่า ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการรับผลประโยชน์ เราจะตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม เรื่องปัญหาส่วยนั้นมีมานานแล้ว และได้พยายามแก้ไขมาตลอดทั้งการควบคุมการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
“ผมเชื่อว่าต่อไปนี้การทุจริตคอร์รัปชันหรือส่วยพวกนี้จะลดน้อยลง เพราะทุกวันนี้ทุกคนมีกล้องจากโทรศัพท์ ก็ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนไปเรียกรับผลประโยชน์ หรือรับส่วย กล้องที่มีอยู่อย่างที่ทำกันทุกวันนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันป้องกันด้วย” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว