ผบ.ตร.ยืนยันปราบผู้มีอิทธิพลไม่ได้มุ่งแต่กลุ่มการเมือง แต่ดำเนินการต่อทุกกลุ่ม เผยมีพวกค้ายาเสพติดมากสุด ขณะที่ผู้มีความผิดเกี่ยวกับอาวุธสงครามโยงฝ่ายการเมืองมากสุด บอกพร้อมให้โอกาสผู้ที่เคยทำผิด ขีดเส้นศุกร์นี้ครบกำหนดเส้นตาย ตำรวจทำผิดต้องส่งรายงาน ด้าน ผบช.น.ชี้ไม่พบคนไทยเอี่ยวคดีปล้นปืน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งข้อสังเกตว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นเรื่องการเมืองและเป็นการดำเนินการเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อย่าไปคิดว่าเป็นการปราบผู้มีอิทธิพลในส่วนของฝ่ายการเมือง แต่เราทำในภาพรวมของประเทศ ไม่ได้เฉพาะเจาะจง และรายชื่อผู้มีอิทธิพลก็มีจากทั้งข้อมูลเก่าและใหม่มีการสำรวจเพิ่มเติม
ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนได้สั่งไว้ว่าให้รายงานกลับมาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดภายในวันที่ 11 มีนาคมนี้ และหลังจากนั้นหากพบว่าใครที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเลิกไปแล้วก็จะมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนที่ยังมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องอยู่ก็จะดำเนินการตามวิธีการขององค์กรตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของการมีส่วนรวมหรือสนับสนุนอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า มีทั้ง 2 แบบซึ่งเข้าข่าย 16 ฐานความผิด ส่วนฐานความผิดที่พบมากที่สุดนั้น เป็นฐานความผิดของยาเสพติด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสำรวจพบเรื่องของอาวุธสงครามที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองพบเยอะหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวยอมรับว่า มีพอสมควรและคิดว่าความหนักใจจะไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ แต่อยู่ที่ตัวบุคคลมีรายชื่อ ถ้าเขาสามารถลดละเลิกและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งดี ส่วนตนเองไม่หนักใจอยู่แล้วเพราะมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย สำหรับกรณีของคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในอดีตจะเขามารายงานตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น เราต้องให้โอกาสเขา บางทีข้อมูลอาจจะผิดพลาดบ้าง ส่วนเรื่องการทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลระยะยาวหลังจากพ้นกรอบระยะ 6 เดือนไปแล้ว เราก็จะเดินหน้าดำเนินการอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ตรวจสอบกรณีคลิปรับส่วยทางหลวงหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้รับฟังจากข่าวและเห็นว่าผู้การทางหลวงได้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการรับผลประโยชน์ เราจะตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม เรื่องปัญหาส่วยนั้นมีมานานแล้ว และได้พยายามแก้ไขมาตลอดทั้งการควบคุมการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
“ผมเชื่อว่าต่อไปนี้การทุจริตคอร์รัปชันหรือส่วยพวกนี้จะลดน้อยลง เพราะทุกวันนี้ทุกคนมีกล้องจากโทรศัพท์ ก็ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าเจ้าหน้าที่ของผมคนไหนไปเรียกรับผลประโยชน์ หรือรับส่วย กล้องที่มีอยู่อย่างที่ทำกันทุกวันนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันป้องกันด้วย”
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีปล้นปืนที่วังบูรพา ว่าจากการสอบสวนขยายผลและยังไม่มีข้อมูลว่าคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องประชาชนอย่าตื่นตระหนกต้องขอเวลาพิสูจน์ให้เกิดความชัดเจน