"บิ๊กแอ๊ว" รับ โจรใต้ป่วนสร้างผลงานโชว์ประชุมโอไอซี แต่โอไอซียันไม่หนุนแยกตัว ย้ำเหตุไฟใต้ลดลงมาก ชี้คุยสันติสุขขัดรธน.ก็ให้ไม่ได้ แจง สมช.ดูภาพรวมรายชื่อมาเฟีย ประชาคมข่าวกรองต้องพิสูจน์ก่อน เผยมีชื่อนักการเมืองเรื่องบังเอิญ ทุกกลุ่มย่อมมีดีไม่ดี ยันปล้นปืนไม่ใช่ก่อการร้าย ย้ำ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ตายตัว
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเพราะกลุ่มก่อความไม่สงบต้องการผลงานในช่วงที่มีการประชุมองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ที่กำลังประชุมที่อินโดนีเซียหรือไม่ว่า ยอมรับว่าสาเหตุดังกล่าวด้วย เพราะเขาต้องการแสดงพลังว่าเขายังอยู่ แต่อย่างไรก็ดี ทางเลขาฯ โอไอซียืนยันว่าสิ่งที่โอไอซีทำนั้นไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้กลุ่มมุสลิมแยกตัว และยังมายืนยันกับนายกรัฐมนตรีว่าสิ่งที่โอไอซีต้องการเห็นมากที่สุด คือ การอยู่ร่วมกันของหลากหลายวัฒนธรรม ประเพณี อย่างมีความสงบสุข คืออยู่ร่วมกันได้ นั่นคือเป้าหมายของโอไอซี ทั้งนี้ สำหรับสถิติการก่อเหตุในปัจจุบันถือว่าลดลงอย่างมาก โดยจากปี 57-58 ลดลงถึง 60% และสิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้คือยังดำเนินการปราบปรามอยู่อย่างเข้มงวด งานข่าวดีขึ้น การเจรจาพูดคุยสันติสุขยังต้องเจรจาต่อไป ซึ่งในการพูดคุยต่างฝ่ายก็มีจุดยืน เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง อย่างบางเรื่องที่เขาต้องการถ้าขัดต่อรัฐธรรมนูญของไทยเราก็คงให้ไม่ได้
พล.อ.ทวีปกล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินนโยบายปราบรามผู้มีอิทธิพล โดยมีการขึ้นบัญชี 4 ผู้กว้างขวางในเขต กทม. ที่มีทั้งอดีตนักการเมืองและอดีตนายทหารยศนายพลว่า หลักๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสายข่าวทั้งหมด ทาง สมช.เป็นผู้ที่คอยดูภาพรวมเท่านั้น แต่ข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นของประชาคมข่าวกรองที่ต้องพิสูจน์ทราบและส่งให้รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ซึ่งมีจำนวนอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีชื่ออดีตนักการเมืองออกมาทำให้ถูกมองว่านักการเมืองไทยชั่วร้ายมาก พล.อ.ทวีปกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่บังเอิญมากกว่าที่บุคคลเหล่านี้ไปมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของคน เพราะเขาได้อาศัยสิ่งเหล่านั้นเพื่อสร้างความมั่นใจเพื่อที่เขาจะได้รับการเลือกตั้ง แต่ถ้าเราจะคิดกันก็เห็นว่าทุกกลุ่มสังคมย่อมมีคนดีและไม่ดี เป็นสัจธรรม
พล.อ.ทวีปยังกล่าวถึงกรณีการปล้นปืนย่านวังบูรพาเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากนั้นจะต้องรักษาสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับความมั่นคง ขณะนี้การดูแลจะขึ้นอยู่กับข่าวกรองโดยพึ่งพาประเทศต่างๆ และข้อมูลจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการตรวจสอบการข้ามพรหมแดน
พล.อ.ทวีป กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า มองว่าเจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการวางวิสัยทัศน์ให้มองไปข้างหน้าโดยมีแผนในภาพรวมไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นอย่างนั้นไปตลอด 20 ปี เพราะจะมีการแบ่งย่อยการดำเนินการครั้งละ 5 ปี เหมือนเป็นการเตรียมบ้านให้คนรุ่นหลังดูแลต่อ ซึ่งการกำหนดกรอบ 5 ปี เพื่อให้เห็นแต่ละก้าว ที่จะก้าวต่อไป มองย้อนว่า 5 ปีแรกสามารถดำเนินการตามนั้นได้หรือไม่ หากดำเนินการได้ก็จะทำต่อไปอีก 5 ปี เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของหลายๆ ฝ่าย ซึ่งมีการพูดคุยตลอดเวลา ไม่ได้ต่างคนต่างทำ ทุกฝ่ายต้องประสานงานและเดินไปด้วยกัน