ผู้จัดการรายวัน360-ดีเอสไอนัดหมาย "สมเด็จช่วง" ให้ถ้อยคำกรณีครอบครองรถเบนซ์โบราณที่วัดปากน้ำ วันที่ 16 มี.ค.นี้ เวลา 2 ทุ่ม ป้องกันปัญหารวมตัวกันจนเกิดความวุ่นวาย ทนายความเผยสมเด็จพร้อมให้ความร่วมมือ ยันเรื่องฟ้องร้องทำตามกฎหมด้าน "บิ๊กต๊อก" เผยเจ้าของอู่ขอทนายและขอคุ้มครองพยาน หลังถูกฟ้องเรียก 10 ล้าน าย "หลวงปู่พุทธอิสระ" หยันพวกตะกละกินแห้วกันเป็นแถว หลัง "บิ๊กตู่"ยื่นคำขาด ไม่ตั้ง "สังฆราช" จนกว่าคดีจบ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนัดหมายให้ถ้อยคำของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เกี่ยวกับการครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ว่า ในวันที่ 16 มี.ค.2559 เวลา 20.00 น. ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี ดีเอสไอ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน เดินทางไปสอบปากคำที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งทางสำนักคดีภาษีอากรได้รับการประสานมาจาก นายสมศักดิ์ โตรักษา หัวหน้าทีมทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในวันเวลาดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ แจ้งมายังพนักงานสอบสวนได้กำหนดวันเวลานัดหมายช่วงดังกล่าวเนื่องจากสมเด็จช่วง ไม่มีกิจนิมนต์ อีกทั้งเกรงว่าในเวลากลางวัน จะมีกลุ่มบุคคลมาร่วมตัวกันและอาจเกิดความวุ่นวาย
นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วง ในคดีรถเบนซ์โบราณจดประกอบ กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ เพื่อให้เดินทางไปสอบปากคำคนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสมเด็จช่วงแล้ว ซึ่งคดีนี้ สมเด็จช่วงได้ระบุพร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไออย่างเต็มที่
สำหรับกรณีที่ทางวัดได้นำเอารถเบนซ์คันที่เกิดปัญหาไปให้กับดีเอสไอนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อความบริสุทธ์ใจ และทางดีเอสไอจะได้ทำการตรวจสอบต่อไป โดยยืนยันว่ารถคันดังกล่าว สมเด็จช่วงได้ปรารภว่าให้โอนกลับไปยังเจ้าของเดิม เมื่อทราบว่ามีปัญหาเรื่องทางกฎหมาย โดยล่าสุดรถคันนี้ เป็นชื่อหลวงพี่แป๊ะ เป็นผู้ครอบครอง และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของอู่ที่นำรถมาให้ โดยยืนยันว่า การฟ้องร้องเป็นไปตามขั้นตอนและสิทธิตามกฎหมาย
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำวินิจฉัยมติของมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่องเสนอชื่อสมเด็จสมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราช ผิดขั้นตอนมาที่นายกรัฐมนตรีว่า ก็ส่งความเห็นเข้ามา ผิดถูกอย่างไรไม่ทราบ เรื่องดังกล่าวเป็นการตีความด้านกฎหมาย จึงจะต้องศึกษาดูก่อน คนในประเทศไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือพระสงฆ์ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ความขัดแย้งค่อนข้างสูง ซึ่งเมื่อใครส่งความเห็นมา เราก็พิจารณาแล้วส่งฝ่ายกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ ทุกอย่าง ไม่อยากให้มองว่าเป็นธรรมหรือไม่ แต่ต้องมองว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ ในเมื่อมีคนร้องเรียน ก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งต้องดูเป็นคดีๆ ไป อย่ากล่าวอ้างว่าทำคดีหนึ่ง เพื่อให้คดีหนึ่งถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพราะถือเป็นคนละเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหมายความว่าการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ต้องรอให้คดีความต่างๆ เรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ควรจะเป็นอย่างนั้นไหมละ ก็เหมือนกับการตั้งทหาร ตำรวจ ถ้าตั้งคนที่ไม่ได้รับความเห็นชอบร่วมกัน มีคดีความก็ตั้งไม่ได้ ยังไงก็ตั้งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนนี้จะถูกปลดอยู่แล้วเลยต้องตั้งตามนั้น ไม่ใช่ เพราะต้องตรวจสอบว่ามันใช่หรือไม่ใช่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบไปหมดแล้ว โดยไม่ได้ฟังเสียงข้างหนึ่งข้างใดเป็นพิเศษ อะไรที่ยังไม่เรียบร้อย ท่านตั้งไม่ได้ทุกอย่าง เช่น เรื่องกฎหมาย ต้องกระจ่างเสียก่อน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ท่านก็จะตั้ง หากยังไม่เรียบร้อย ก็ตั้งไม่ได้
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ ซึ่งรับซ่อมรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จช่วง มาร้องทุกข์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอทนายความและคุ้มครองพยาน หลังถูกพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยื่นฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งกว่า 10 ล้านบาท ว่า ตามสิทธิ นายวิชาญ สามารถมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าวได้ และคดีนี้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยตนไม่ได้เจอนายวิชาญ แต่ทราบว่า นายวิชาญ อยากพบกับตน แต่ติดประชุมและไม่อยากเป็นประเด็น จึงให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ เรียกนายวิชาญ ไปพูดคุยถึงปัญหาที่มากรมคุ้มครองสิทธิฯ เพราะทาง ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการสืบสวน ยังไม่แล้วเสร็จ
“ผมไม่อยากลงรายละเอียด เดี๋ยวจะหาว่าไปจี้อะไรแล้วเกิดเป็นประเด็นกับกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ โดยนายวิชาญ ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ว่าต้องการพบผม แต่ผมให้อธิบดีดีเอสไอ เรียกไปพูดคุยแล้ว และให้ทางนางกรรณิการ์ แสงทอง อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปดูแลว่าการคุ้มครองพยานจะใช้ส่วนไหนได้บ้าง” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมทนายความส่งหนังสือเชิญดีเอสไอไปสอบถ้อยคำสมเด็จช่วง วันที่ 16 มี.ค. เวลา 20.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีการสั่งการอะไร เพราะเป็นการสอบถ้อยคำปกติ ซึ่งมีการมอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางไปพร้อมคณะพนักงานสอบสวน โดยตนไม่อยู่ ต้องไปต่างประเทศ เพื่อประชุมปัญหายาเสพติด แต่ได้ย้ำว่า ต้องทำความเคารพสมเด็จช่วงตามมารยาทความเหมาะสมด้วย
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การวินิจฉัยการแต่งตั้งสังฆราชองค์ใหม่ผิดขั้นตอน ผู้ตรวจการแผ่นดินทำได้ เพราะเป็นการร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ได้ร้องเรียนมหาเถรสมาคม (มส.) จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง แต่กลับมีการนำคำวินิจฉัยไปตีความกันผิดจากข้อเท็จจริง
วันเดียวกันนี้ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มติของ มส. เรื่องเสนอชื่อสมเด็จช่วง เป็นสังฆราช ผิดขั้นตอน ว่า ท่านผู้นำพูดชัดเจนเสียขนาดนี้แล้ว พวกที่ตะกละอยากเป็นสังฆราชจนใจจะขาด ไม่กินแห้วกันเป็นแถวหรือ เช่นนี้ บรรดาอาเฮีย อาเสี่ย ทั้งหลาย ไม่อกแตกตายล่ะหรือ แล้วไอ้ที่สู้อุตส่าห์ออกมาโวยวายเรียกร้องกันจนแทบล้มประดาตาย ถึงขนาดเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง จะไม่เสียของเปล่าหรือเฮีย สงสัยบรรดาพวกเฮียๆ ทั้งหลาย ต้องไปหาน้ำใบบัวบกกินแล้วล่ะ แต่เอ แค่น้ำใบบัวบกจะเอาอยู่ไหมนะ แนะนำว่า คงต้องใช้ทั้งราก ทั้งใบ ต้น ตำแล้วพอกหัวด้วย น่าจะช่วยให้หายชีช้ำกะหล่ำปลีได้นะเฮีย
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนัดหมายให้ถ้อยคำของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เกี่ยวกับการครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ว่า ในวันที่ 16 มี.ค.2559 เวลา 20.00 น. ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี ดีเอสไอ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน เดินทางไปสอบปากคำที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งทางสำนักคดีภาษีอากรได้รับการประสานมาจาก นายสมศักดิ์ โตรักษา หัวหน้าทีมทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในวันเวลาดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ แจ้งมายังพนักงานสอบสวนได้กำหนดวันเวลานัดหมายช่วงดังกล่าวเนื่องจากสมเด็จช่วง ไม่มีกิจนิมนต์ อีกทั้งเกรงว่าในเวลากลางวัน จะมีกลุ่มบุคคลมาร่วมตัวกันและอาจเกิดความวุ่นวาย
นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วง ในคดีรถเบนซ์โบราณจดประกอบ กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ เพื่อให้เดินทางไปสอบปากคำคนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสมเด็จช่วงแล้ว ซึ่งคดีนี้ สมเด็จช่วงได้ระบุพร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไออย่างเต็มที่
สำหรับกรณีที่ทางวัดได้นำเอารถเบนซ์คันที่เกิดปัญหาไปให้กับดีเอสไอนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อความบริสุทธ์ใจ และทางดีเอสไอจะได้ทำการตรวจสอบต่อไป โดยยืนยันว่ารถคันดังกล่าว สมเด็จช่วงได้ปรารภว่าให้โอนกลับไปยังเจ้าของเดิม เมื่อทราบว่ามีปัญหาเรื่องทางกฎหมาย โดยล่าสุดรถคันนี้ เป็นชื่อหลวงพี่แป๊ะ เป็นผู้ครอบครอง และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของอู่ที่นำรถมาให้ โดยยืนยันว่า การฟ้องร้องเป็นไปตามขั้นตอนและสิทธิตามกฎหมาย
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำวินิจฉัยมติของมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่องเสนอชื่อสมเด็จสมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราช ผิดขั้นตอนมาที่นายกรัฐมนตรีว่า ก็ส่งความเห็นเข้ามา ผิดถูกอย่างไรไม่ทราบ เรื่องดังกล่าวเป็นการตีความด้านกฎหมาย จึงจะต้องศึกษาดูก่อน คนในประเทศไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือพระสงฆ์ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ความขัดแย้งค่อนข้างสูง ซึ่งเมื่อใครส่งความเห็นมา เราก็พิจารณาแล้วส่งฝ่ายกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ ทุกอย่าง ไม่อยากให้มองว่าเป็นธรรมหรือไม่ แต่ต้องมองว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ ในเมื่อมีคนร้องเรียน ก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งต้องดูเป็นคดีๆ ไป อย่ากล่าวอ้างว่าทำคดีหนึ่ง เพื่อให้คดีหนึ่งถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพราะถือเป็นคนละเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหมายความว่าการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ต้องรอให้คดีความต่างๆ เรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ควรจะเป็นอย่างนั้นไหมละ ก็เหมือนกับการตั้งทหาร ตำรวจ ถ้าตั้งคนที่ไม่ได้รับความเห็นชอบร่วมกัน มีคดีความก็ตั้งไม่ได้ ยังไงก็ตั้งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนนี้จะถูกปลดอยู่แล้วเลยต้องตั้งตามนั้น ไม่ใช่ เพราะต้องตรวจสอบว่ามันใช่หรือไม่ใช่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบไปหมดแล้ว โดยไม่ได้ฟังเสียงข้างหนึ่งข้างใดเป็นพิเศษ อะไรที่ยังไม่เรียบร้อย ท่านตั้งไม่ได้ทุกอย่าง เช่น เรื่องกฎหมาย ต้องกระจ่างเสียก่อน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ท่านก็จะตั้ง หากยังไม่เรียบร้อย ก็ตั้งไม่ได้
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ ซึ่งรับซ่อมรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จช่วง มาร้องทุกข์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอทนายความและคุ้มครองพยาน หลังถูกพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยื่นฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งกว่า 10 ล้านบาท ว่า ตามสิทธิ นายวิชาญ สามารถมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าวได้ และคดีนี้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยตนไม่ได้เจอนายวิชาญ แต่ทราบว่า นายวิชาญ อยากพบกับตน แต่ติดประชุมและไม่อยากเป็นประเด็น จึงให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ เรียกนายวิชาญ ไปพูดคุยถึงปัญหาที่มากรมคุ้มครองสิทธิฯ เพราะทาง ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการสืบสวน ยังไม่แล้วเสร็จ
“ผมไม่อยากลงรายละเอียด เดี๋ยวจะหาว่าไปจี้อะไรแล้วเกิดเป็นประเด็นกับกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ โดยนายวิชาญ ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ว่าต้องการพบผม แต่ผมให้อธิบดีดีเอสไอ เรียกไปพูดคุยแล้ว และให้ทางนางกรรณิการ์ แสงทอง อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปดูแลว่าการคุ้มครองพยานจะใช้ส่วนไหนได้บ้าง” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมทนายความส่งหนังสือเชิญดีเอสไอไปสอบถ้อยคำสมเด็จช่วง วันที่ 16 มี.ค. เวลา 20.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีการสั่งการอะไร เพราะเป็นการสอบถ้อยคำปกติ ซึ่งมีการมอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางไปพร้อมคณะพนักงานสอบสวน โดยตนไม่อยู่ ต้องไปต่างประเทศ เพื่อประชุมปัญหายาเสพติด แต่ได้ย้ำว่า ต้องทำความเคารพสมเด็จช่วงตามมารยาทความเหมาะสมด้วย
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การวินิจฉัยการแต่งตั้งสังฆราชองค์ใหม่ผิดขั้นตอน ผู้ตรวจการแผ่นดินทำได้ เพราะเป็นการร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ได้ร้องเรียนมหาเถรสมาคม (มส.) จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง แต่กลับมีการนำคำวินิจฉัยไปตีความกันผิดจากข้อเท็จจริง
วันเดียวกันนี้ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มติของ มส. เรื่องเสนอชื่อสมเด็จช่วง เป็นสังฆราช ผิดขั้นตอน ว่า ท่านผู้นำพูดชัดเจนเสียขนาดนี้แล้ว พวกที่ตะกละอยากเป็นสังฆราชจนใจจะขาด ไม่กินแห้วกันเป็นแถวหรือ เช่นนี้ บรรดาอาเฮีย อาเสี่ย ทั้งหลาย ไม่อกแตกตายล่ะหรือ แล้วไอ้ที่สู้อุตส่าห์ออกมาโวยวายเรียกร้องกันจนแทบล้มประดาตาย ถึงขนาดเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง จะไม่เสียของเปล่าหรือเฮีย สงสัยบรรดาพวกเฮียๆ ทั้งหลาย ต้องไปหาน้ำใบบัวบกกินแล้วล่ะ แต่เอ แค่น้ำใบบัวบกจะเอาอยู่ไหมนะ แนะนำว่า คงต้องใช้ทั้งราก ทั้งใบ ต้น ตำแล้วพอกหัวด้วย น่าจะช่วยให้หายชีช้ำกะหล่ำปลีได้นะเฮีย