คอลัมน์ Health Insight โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
เรื่องของอากาศเย็นก็เป็นเรื่องนานาจิตตังเช่นเดียวกับเรื่องอาหาร เพราะบางคนอาจว่าหนาวไปแต่หลายคนก็ชอบที่ได้มีหนาวมาส่งท้าย แต่อย่างไรก็ดีครับ สิ่งที่คนชอบกับสุขภาพที่อยู่ข้างในอาจไม่เหมือนกัน
ชอบหนาว แต่เอาเข้าจริงจามฟุดฟิด
บ้างอุตส่าห์หนีหนาว แต่ก็ต้องจำทนอย่างน่าเห็นใจ
ในกลุ่มบุคคลที่เสพความหนาวแล้วต้องระวังคือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อ่อนไหวต่อดินฟ้าอากาศ ได้แก่ เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้,ไซนัสอักเสบ, หอบหืด, ผู้ใหญ่ที่มีโรคปอด,โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง, ผู้สูงวัยที่ไอและมีเสมหะอยู่บ่อยครั้ง
แค่ให้ระวังเอาไว้แต่ยังไม่ต้องตกใจ
เพราะถ้าเราแข็งแรงดีก็จะได้มีความสุขกับอากาศเย็นโดยไม่เจ็บป่วยได้ครับ ขอเพียงแค่ให้ช่วยเลี่ยงการเปลี่ยนอากาศแบบปุบปับหรือปล่อยให้ตัวชื้นเปียกโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องการเป็นไข้หวัดในช่วงหน้าอากาศเย็นที่มีคำเตือนออกมาบ่อยๆ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าอยากให้ลดเสี่ยงอาการไม่สบายต่างๆ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจไม่ปกติจาก “หนาว” ลงไปได้ก็ขอให้ยึดเอาบัญญัติ 5 ข้อไว้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
1) ระวังใกล้คนป่วย จากที่เคยพบมาน่าเห็นใจว่าคนในครอบครัวเมื่อป่วยแล้วก็จะติดกันไปหมด จากลูกสู่แม่หรือจากคุณพ่อแพร่มาที่บ้านก็ได้ ดังนั้นการระวังเรื่องการสัมผัสที่พูดแบบบ้านๆ คือ อย่านัวเนียกันกับคนที่ป่วยไม่สบาย
ส่วนการใช้ช้อนส้อมก็ให้แยกจากกัน คอยหมั่นล้างมือและช่วยกันขยันล้างจุดสัมผัสในบ้านเช่นราวบันได, ลูกบิดประตู, ตุ๊กตาตัวโปรด, ผ้าขนหนู, หรือแม้แต่รีโมตทีวี และแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่อาจกลายเป็นจุดรวมเชื้อได้
2) ช่วยดื่มน้ำให้มาก การได้เติม “น้ำเปล่าธรรมดา” ให้ร่างกายนี่ละครับ เป็นเทคนิคการดูแลร่างกายที่ไม่ธรรมดาและน่าทึ่งที่สุด เพราะการที่ร่างกายได้น้ำให้ชุ่มฉ่ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้การดำเนินการป้องกันเชื้อโรคดีขึ้นจนถึงในระดับเซลล์
พูดง่ายๆ ว่าช่วยให้ดีได้ตั้งแต่ข้างในออกมาเพราะน้ำช่วยลดเสี่ยงกระบวนการอักเสบทั้งหลาย ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำที่ทำให้เกิดความร้อนสูงในร่างกายได้ นอกจากนั้นยังช่วยล้างสารพิษต่างๆออกมา ขอให้นึกว่าเหมือนท่านได้อาบน้ำจากภายในนั่นละครับ
3) อยากให้เก็บมือและเท้า ช่วยรักษาความอุ่นทั้งร่างกายได้ยิ่งดีครับ ที่เน้นเรื่องมือกับเท้าด้วยก็เพราะว่าเป็นจุดที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงหนาแน่น ขอท่านที่รักนึกถึงบริเวณที่มีผู้คนไปชุมนุมกันอยู่มากก็จะเกิดความอุ่นขึ้นในหมู่ชนนั้น เช่นเดียวกับที่มือและเท้าซึ่งมีสายโลหิตที่นำความอุ่นเข้าไปหล่อเลี้ยงแล้วก็ผ่านวกกลับเข้าสู่ร่างกายใหม่
ดังนั้นถ้าท่านได้ถนอมมือและเท้าที่เป็นแหล่งชุมนุมหลอดเลือดมหาศาลไว้ให้อบอุ่นดีก็จะมีเลือดที่ไม่หนาวเย็นกลับเข้าไปอุ่นตัวเราด้วยครับ เช่นเดียวกับที่ศีรษะเราที่ต้องให้อุ่นเอาไว้เช่นเดียวกันครับ
4) ไม่เอาโรคประจำตัวไปเสี่ยง เช่นใครที่เป็นภูมิแพ้คัดจมูกอยู่ก็ไม่ควรไปว่ายน้ำหรือออกไปโต้ลมหนาวดึกๆ ดื่นๆ ควรตื่นให้เป็นเวลาแล้วรีบรักษาอาการหวัดให้หายก่อนที่จะไปกระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบหนักขึ้น
ส่วนท่านที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่เข้มแข็งนักอย่างเพิ่งฟื้นไข้, หลังคลอด, หลังผ่าตัด, ป่วยเบาหวาน,โรคหัวใจและกินยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งผู้ที่ไม่แน่ใจในสุขภาพท่านอื่นๆ ก็ควรที่จะต้องรักษาร่างกายเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งพาตัวไปท้าลมเย็นไม่ถึงยี่สิบองศานัก เพราะภูมิคุ้มกันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รอบคอบไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
5) ไล่เรียงอาหารสุขภาพ มีอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพยามอากาศเปลี่ยนอยู่หลายอย่าง เริ่มจากถ้าหนาวมากคงต้องหาของกินช่วยสร้างพลังให้ความอบอุ่น เพราะความหนาวจะทำให้ตัวคุณต้องใช้พลังงานสูงในการกักเก็บความร้อนและช่วยเร่งเครื่องไม่ให้ตัวเองงอก่องอขิงจนเกินไป
ซึ่งของกินที่ช่วยได้ดังเช่นแกงเลียง, แกงส้มดอกแค, เต้าฮวยน้ำขิง, ข้าวต้มปลา, เกาเหลาหมูตุ๋น, ซุปหัวหอม, น้ำผึ้งผสมมะนาว, น้ำใบบัวบกฯลฯ ขอเน้นให้มีสมุนไพรที่ช่วยทางเดินหายใจและลดอักเสบได้แก่ ขิง, หัวหอม, พริกไทย, โป๊ยกั้ก,ขมิ้นหรือดีปลีก็ยังได้ ซึ่งอาหารที่ว่ามาแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกถึงความอุ่นแล้วนะครับ
สำหรับท่านที่สนใจเรื่องวิตามินก็ขอให้เป็นกลุ่มวิตามินซี, สังกะสี, โอเมก้า 3 และไบโอฟลาโวนอยด์ทั้งหลายได้ครับ
แม้หน้าหนาวจะผ่านไปแต่บัญญัติทั้ง 5 ข้อนี้ก็ยังคงใช้ได้นะครับ
สำหรับท่านที่รักสุขภาพสามารถหาของกินรวมถึงวิตามินที่ให้คุณค่าชีวิตดีๆ ได้ด้วย นอกจากนั้นถ้าท่านมีลูกเทพ เอ๊ย…ลูกเด็กเล็กแดงหรือผู้ใหญ่สูงวัยที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ก็ขอให้คอยระวังเรื่องการพาเดินทางไปในที่คนเยอะในช่วงนี้ เพราะมีโอกาสพบคนอื่นๆ ที่ป่วยหวัดเล็ก และหวัดใหญ่ในยามอากาศหนาวได้สูง
อากาศเปลี่ยนแต่ขอให้คนไม่ป่วยครับ
เรื่องของอากาศเย็นก็เป็นเรื่องนานาจิตตังเช่นเดียวกับเรื่องอาหาร เพราะบางคนอาจว่าหนาวไปแต่หลายคนก็ชอบที่ได้มีหนาวมาส่งท้าย แต่อย่างไรก็ดีครับ สิ่งที่คนชอบกับสุขภาพที่อยู่ข้างในอาจไม่เหมือนกัน
ชอบหนาว แต่เอาเข้าจริงจามฟุดฟิด
บ้างอุตส่าห์หนีหนาว แต่ก็ต้องจำทนอย่างน่าเห็นใจ
ในกลุ่มบุคคลที่เสพความหนาวแล้วต้องระวังคือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อ่อนไหวต่อดินฟ้าอากาศ ได้แก่ เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้,ไซนัสอักเสบ, หอบหืด, ผู้ใหญ่ที่มีโรคปอด,โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง, ผู้สูงวัยที่ไอและมีเสมหะอยู่บ่อยครั้ง
แค่ให้ระวังเอาไว้แต่ยังไม่ต้องตกใจ
เพราะถ้าเราแข็งแรงดีก็จะได้มีความสุขกับอากาศเย็นโดยไม่เจ็บป่วยได้ครับ ขอเพียงแค่ให้ช่วยเลี่ยงการเปลี่ยนอากาศแบบปุบปับหรือปล่อยให้ตัวชื้นเปียกโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องการเป็นไข้หวัดในช่วงหน้าอากาศเย็นที่มีคำเตือนออกมาบ่อยๆ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าอยากให้ลดเสี่ยงอาการไม่สบายต่างๆ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจไม่ปกติจาก “หนาว” ลงไปได้ก็ขอให้ยึดเอาบัญญัติ 5 ข้อไว้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
1) ระวังใกล้คนป่วย จากที่เคยพบมาน่าเห็นใจว่าคนในครอบครัวเมื่อป่วยแล้วก็จะติดกันไปหมด จากลูกสู่แม่หรือจากคุณพ่อแพร่มาที่บ้านก็ได้ ดังนั้นการระวังเรื่องการสัมผัสที่พูดแบบบ้านๆ คือ อย่านัวเนียกันกับคนที่ป่วยไม่สบาย
ส่วนการใช้ช้อนส้อมก็ให้แยกจากกัน คอยหมั่นล้างมือและช่วยกันขยันล้างจุดสัมผัสในบ้านเช่นราวบันได, ลูกบิดประตู, ตุ๊กตาตัวโปรด, ผ้าขนหนู, หรือแม้แต่รีโมตทีวี และแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่อาจกลายเป็นจุดรวมเชื้อได้
2) ช่วยดื่มน้ำให้มาก การได้เติม “น้ำเปล่าธรรมดา” ให้ร่างกายนี่ละครับ เป็นเทคนิคการดูแลร่างกายที่ไม่ธรรมดาและน่าทึ่งที่สุด เพราะการที่ร่างกายได้น้ำให้ชุ่มฉ่ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้การดำเนินการป้องกันเชื้อโรคดีขึ้นจนถึงในระดับเซลล์
พูดง่ายๆ ว่าช่วยให้ดีได้ตั้งแต่ข้างในออกมาเพราะน้ำช่วยลดเสี่ยงกระบวนการอักเสบทั้งหลาย ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำที่ทำให้เกิดความร้อนสูงในร่างกายได้ นอกจากนั้นยังช่วยล้างสารพิษต่างๆออกมา ขอให้นึกว่าเหมือนท่านได้อาบน้ำจากภายในนั่นละครับ
3) อยากให้เก็บมือและเท้า ช่วยรักษาความอุ่นทั้งร่างกายได้ยิ่งดีครับ ที่เน้นเรื่องมือกับเท้าด้วยก็เพราะว่าเป็นจุดที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงหนาแน่น ขอท่านที่รักนึกถึงบริเวณที่มีผู้คนไปชุมนุมกันอยู่มากก็จะเกิดความอุ่นขึ้นในหมู่ชนนั้น เช่นเดียวกับที่มือและเท้าซึ่งมีสายโลหิตที่นำความอุ่นเข้าไปหล่อเลี้ยงแล้วก็ผ่านวกกลับเข้าสู่ร่างกายใหม่
ดังนั้นถ้าท่านได้ถนอมมือและเท้าที่เป็นแหล่งชุมนุมหลอดเลือดมหาศาลไว้ให้อบอุ่นดีก็จะมีเลือดที่ไม่หนาวเย็นกลับเข้าไปอุ่นตัวเราด้วยครับ เช่นเดียวกับที่ศีรษะเราที่ต้องให้อุ่นเอาไว้เช่นเดียวกันครับ
4) ไม่เอาโรคประจำตัวไปเสี่ยง เช่นใครที่เป็นภูมิแพ้คัดจมูกอยู่ก็ไม่ควรไปว่ายน้ำหรือออกไปโต้ลมหนาวดึกๆ ดื่นๆ ควรตื่นให้เป็นเวลาแล้วรีบรักษาอาการหวัดให้หายก่อนที่จะไปกระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบหนักขึ้น
ส่วนท่านที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่เข้มแข็งนักอย่างเพิ่งฟื้นไข้, หลังคลอด, หลังผ่าตัด, ป่วยเบาหวาน,โรคหัวใจและกินยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งผู้ที่ไม่แน่ใจในสุขภาพท่านอื่นๆ ก็ควรที่จะต้องรักษาร่างกายเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งพาตัวไปท้าลมเย็นไม่ถึงยี่สิบองศานัก เพราะภูมิคุ้มกันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รอบคอบไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
5) ไล่เรียงอาหารสุขภาพ มีอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพยามอากาศเปลี่ยนอยู่หลายอย่าง เริ่มจากถ้าหนาวมากคงต้องหาของกินช่วยสร้างพลังให้ความอบอุ่น เพราะความหนาวจะทำให้ตัวคุณต้องใช้พลังงานสูงในการกักเก็บความร้อนและช่วยเร่งเครื่องไม่ให้ตัวเองงอก่องอขิงจนเกินไป
ซึ่งของกินที่ช่วยได้ดังเช่นแกงเลียง, แกงส้มดอกแค, เต้าฮวยน้ำขิง, ข้าวต้มปลา, เกาเหลาหมูตุ๋น, ซุปหัวหอม, น้ำผึ้งผสมมะนาว, น้ำใบบัวบกฯลฯ ขอเน้นให้มีสมุนไพรที่ช่วยทางเดินหายใจและลดอักเสบได้แก่ ขิง, หัวหอม, พริกไทย, โป๊ยกั้ก,ขมิ้นหรือดีปลีก็ยังได้ ซึ่งอาหารที่ว่ามาแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกถึงความอุ่นแล้วนะครับ
สำหรับท่านที่สนใจเรื่องวิตามินก็ขอให้เป็นกลุ่มวิตามินซี, สังกะสี, โอเมก้า 3 และไบโอฟลาโวนอยด์ทั้งหลายได้ครับ
แม้หน้าหนาวจะผ่านไปแต่บัญญัติทั้ง 5 ข้อนี้ก็ยังคงใช้ได้นะครับ
สำหรับท่านที่รักสุขภาพสามารถหาของกินรวมถึงวิตามินที่ให้คุณค่าชีวิตดีๆ ได้ด้วย นอกจากนั้นถ้าท่านมีลูกเทพ เอ๊ย…ลูกเด็กเล็กแดงหรือผู้ใหญ่สูงวัยที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ก็ขอให้คอยระวังเรื่องการพาเดินทางไปในที่คนเยอะในช่วงนี้ เพราะมีโอกาสพบคนอื่นๆ ที่ป่วยหวัดเล็ก และหวัดใหญ่ในยามอากาศหนาวได้สูง
อากาศเปลี่ยนแต่ขอให้คนไม่ป่วยครับ
