การขับเคลื่อนกดดันนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา จบลงแล้ว หลังการประกาศยุติบทบาทผู้ดำเนินรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 เหลือไว้แต่บทโต้แย้งทางด้านจริยธรรม ระหว่างกลุ่มคนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำกับภาคประชาสังคมที่ออกมารณรงค์ต่อต้านคนโกงเท่านั้น
ข้อเรียกร้องให้นายสรยุทธ ยุติบทบาทการทำหน้าที่สื่อ เมื่อถูกศาลตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน คดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท นำไปสู่การโต้แย้งในวงกว้าง เพราะมีทั้งฝ่ายที่กดดันให้นายสรยุทธหยุดทำหน้าที่สื่อ และฝ่ายที่สนับสนุนให้สรยุทธจ้อข่าวหน้าจอต่อไป
คดีนายสรยุทธแบ่งทัศนะผู้คนออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ฝ่ายหนึ่งเป็นเทพ เพราะชูความเป็นคุณธรรม ยึดมั่นบรรทัดฐานด้านจริยธรรม ส่วนอีกฝ่ายเข้าข่ายเป็นมาร เพราะพยายามปกป้องยกย่องคนโกง
กลุ่มคนที่ออกมาตะโกนโหวกเหวก แสดงทัศนะเหมือนคนด้อยปัญญา ประกาศตัวสนับสนุนให้นายสรยุทธดำเนินรายการต่อไป โดยอ้างว่า คดียังไม่สิ้นสุด เพราะเพิ่งมีคำตัดสินของศาลชั้นต้นเท่านั้น ยังต้องอุทธรณ์ฎีกาต่อไป จึงถือว่านายสรยุทธเป็นผู้บริสุทธิ์
บางคนอ้างว่า นายสรยุทธไม่ผิด เพราะคืนเงินให้ อสมท แล้ว บางคนความคิดบ้าสุดโต่ง ด่ากราดไปทั่ว กล่าวหาว่า การดำเนินคดีนายสรุยทธ มีเป้าหมายทำลายคนเก่งและคนรวย แถมยังถือว่า เงินค่าโฆษณาของ อสมท 138 ล้านบาทที่นายสรยุทธโกงไป เป็นความชอบธรรมอีกต่างหาก
กลุ่มคนที่โหนกระแสเชียร์นายสรยุทธ เป็นคนมีชื่อเสียง มีการศึกษา มีความรู้ บางคนเป็นถึงครูบาอาจารย์ บางคนเป็นนักวิชาการ บางคนเป็นสื่อ แต่ภาพโดยรวมคือกลุ่มคนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ มาตรฐานทางจริยธรรมต่ำ และเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เคยเคลื่อนไหวปกป้องนายทักษิณ ชินวัตร
เป็นพวกที่ต่อต้านหลักคุณธรรม มักแสดงทัศนะเชิงลบกับความดีงาม มีพฤติกรรมทำลายคนดี และปกป้องคนโกง
การออกมาแก้ต่างแทนนายสรยุทธ อาจเป็นยุทธศาสตร์ในการชักนำให้สังคมเปลี่ยนค่านิยมหันไปชื่นชมคนโกง เพื่อปูทางการลบล้างมลทินให้ “ทักษิณ” ก็ได้
เพราะพฤติกรรมของนายสรยุทธไม่ได้แตกต่างจาก “ทักษิณ” เท่าไหร่นัก ถ้าบิดเบือนหลักคุณธรรมได้ ถ้าทำลายบรรทัดฐานด้านจริยธรรมลง เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก สร้างลัทธิบูชาคนเก่ง โดยไม่ต้องคำนึงว่า เป็นคนโกง และช่วยให้นายสรยุทธพ้นจากบทลงโทษทางสังคมได้ การฟอกตัว “ทักษิณ” จะง่ายขึ้น โดยยกกรณีนายสรยุทธเป็นบรรทัดฐาน
แต่การเป็นกลุ่มคนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ ความพยายามช่วยนายสรยุทธ จึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะสังคมไม่ได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่วิปริตของคนกลุ่มนี้
การรวมตัวของกลุ่มคนที่มีสำนึกด้านจริยธรรมต่ำ ซึ่งประสานเสียงตะแบงความผิดของนายสรยุทธ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า สาวกที่ภักดี “ทักษิณ” พร้อมฉกฉวยโอกาส จุดชนวนความแตกแยกในสังคม พร้อมชักนำประชาชนไปสู่ลัทธิความเชื่อผิดๆ โดยการยกย่องบูชาคนโกง
คดีนายสรยุทธไม่ได้ก่อให้เกิดทัศนคติอันอุบาทว์ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการขับเคลื่อนอย่างมีเอกภาพจากภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริตด้วย
และการขับเคลื่อนภาคประชาสังคม มีส่วนสำคัญที่กดดันให้นายสรยุทธถอดใจ หยุดทำหน้าที่เล่าข่าว มีส่วนทำให้ช่อง 3 เลิกดื้อรั้น หยุดดันทุรัง เพราะทนบทลงโทษทางสังคมไม่ไหว
ปัญหาด้านจริยธรรมของนายสรยุทธ ปลุกประชาชนทุกภาคส่วนลุกฮือขึ้นมาครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การบีบให้นายสรุยทธและช่อง 3 ต้องถอยร่น ถือเป็นชัยชนะของประชาชนที่ตระหนักถึงบรรทัดฐานด้านจริยธรรม และร่วมกันรณรงค์เคลื่อนไหวใช้มาตรการต่อต้านทางสังคม
ประชาชนตื่นแล้ว พร้อมลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการทุจริตและคนโกง โดยสรยุทธและช่อง 3 ถูกสังเวยเป็นกรณีตัวอย่างเท่านั้น เพราะการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อกำจัดคนโกงเพิ่งก้าวจากจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ไม่ต้องรอความหวังจากรัฐบาลใดปราบการทุจริตแล้ว ไม่ต้องรอผู้มีอำนาจคนใดมาจัดการคนโกง เพราะถ้ารอ ชาติหน้าปัญหาทุจริตก็คงยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ถ้าประชาชนทุกภาคส่วนลุกฮือขึ้นมาใช้บทลงโทษทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่อโกง เมื่อก่อพฤติกรรมชั่ว แผ่นดินไทยจะไม่มีที่ให้ยืน
ความหวังในการสร้างสังคมที่ปลอดการทุจริตเริ่มเห็นรำไรแล้ว เพราะทุกภาคส่วนทางสังคม ร่วมกันสร้างบทลงโทษคนโกง และพร้อมลุกฮือขึ้นแสดงพลังต่อต้าน
ยังมีคนโกงที่เข้าคิวรอรับบทลงโทษจากสังคมอีกมากมาย เฉพาะคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ก็มีคนโกงไม่รู้เท่าไหร่
และถ้าประเมินจากบรรทัดฐานคดี “สรยุทธ” ท่ามกลางกระแสสังคมที่ตื่นตัวต่อต้านการทุจริตอย่างเข้มข้น คนโกงคดีจำนำข้าวควรทำใจไว้ เพราะงานนี้คงจะรอดยาก
ข้อเรียกร้องให้นายสรยุทธ ยุติบทบาทการทำหน้าที่สื่อ เมื่อถูกศาลตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน คดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท นำไปสู่การโต้แย้งในวงกว้าง เพราะมีทั้งฝ่ายที่กดดันให้นายสรยุทธหยุดทำหน้าที่สื่อ และฝ่ายที่สนับสนุนให้สรยุทธจ้อข่าวหน้าจอต่อไป
คดีนายสรยุทธแบ่งทัศนะผู้คนออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ฝ่ายหนึ่งเป็นเทพ เพราะชูความเป็นคุณธรรม ยึดมั่นบรรทัดฐานด้านจริยธรรม ส่วนอีกฝ่ายเข้าข่ายเป็นมาร เพราะพยายามปกป้องยกย่องคนโกง
กลุ่มคนที่ออกมาตะโกนโหวกเหวก แสดงทัศนะเหมือนคนด้อยปัญญา ประกาศตัวสนับสนุนให้นายสรยุทธดำเนินรายการต่อไป โดยอ้างว่า คดียังไม่สิ้นสุด เพราะเพิ่งมีคำตัดสินของศาลชั้นต้นเท่านั้น ยังต้องอุทธรณ์ฎีกาต่อไป จึงถือว่านายสรยุทธเป็นผู้บริสุทธิ์
บางคนอ้างว่า นายสรยุทธไม่ผิด เพราะคืนเงินให้ อสมท แล้ว บางคนความคิดบ้าสุดโต่ง ด่ากราดไปทั่ว กล่าวหาว่า การดำเนินคดีนายสรุยทธ มีเป้าหมายทำลายคนเก่งและคนรวย แถมยังถือว่า เงินค่าโฆษณาของ อสมท 138 ล้านบาทที่นายสรยุทธโกงไป เป็นความชอบธรรมอีกต่างหาก
กลุ่มคนที่โหนกระแสเชียร์นายสรยุทธ เป็นคนมีชื่อเสียง มีการศึกษา มีความรู้ บางคนเป็นถึงครูบาอาจารย์ บางคนเป็นนักวิชาการ บางคนเป็นสื่อ แต่ภาพโดยรวมคือกลุ่มคนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ มาตรฐานทางจริยธรรมต่ำ และเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เคยเคลื่อนไหวปกป้องนายทักษิณ ชินวัตร
เป็นพวกที่ต่อต้านหลักคุณธรรม มักแสดงทัศนะเชิงลบกับความดีงาม มีพฤติกรรมทำลายคนดี และปกป้องคนโกง
การออกมาแก้ต่างแทนนายสรยุทธ อาจเป็นยุทธศาสตร์ในการชักนำให้สังคมเปลี่ยนค่านิยมหันไปชื่นชมคนโกง เพื่อปูทางการลบล้างมลทินให้ “ทักษิณ” ก็ได้
เพราะพฤติกรรมของนายสรยุทธไม่ได้แตกต่างจาก “ทักษิณ” เท่าไหร่นัก ถ้าบิดเบือนหลักคุณธรรมได้ ถ้าทำลายบรรทัดฐานด้านจริยธรรมลง เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก สร้างลัทธิบูชาคนเก่ง โดยไม่ต้องคำนึงว่า เป็นคนโกง และช่วยให้นายสรยุทธพ้นจากบทลงโทษทางสังคมได้ การฟอกตัว “ทักษิณ” จะง่ายขึ้น โดยยกกรณีนายสรยุทธเป็นบรรทัดฐาน
แต่การเป็นกลุ่มคนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ ความพยายามช่วยนายสรยุทธ จึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะสังคมไม่ได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่วิปริตของคนกลุ่มนี้
การรวมตัวของกลุ่มคนที่มีสำนึกด้านจริยธรรมต่ำ ซึ่งประสานเสียงตะแบงความผิดของนายสรยุทธ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า สาวกที่ภักดี “ทักษิณ” พร้อมฉกฉวยโอกาส จุดชนวนความแตกแยกในสังคม พร้อมชักนำประชาชนไปสู่ลัทธิความเชื่อผิดๆ โดยการยกย่องบูชาคนโกง
คดีนายสรยุทธไม่ได้ก่อให้เกิดทัศนคติอันอุบาทว์ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการขับเคลื่อนอย่างมีเอกภาพจากภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริตด้วย
และการขับเคลื่อนภาคประชาสังคม มีส่วนสำคัญที่กดดันให้นายสรยุทธถอดใจ หยุดทำหน้าที่เล่าข่าว มีส่วนทำให้ช่อง 3 เลิกดื้อรั้น หยุดดันทุรัง เพราะทนบทลงโทษทางสังคมไม่ไหว
ปัญหาด้านจริยธรรมของนายสรยุทธ ปลุกประชาชนทุกภาคส่วนลุกฮือขึ้นมาครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การบีบให้นายสรุยทธและช่อง 3 ต้องถอยร่น ถือเป็นชัยชนะของประชาชนที่ตระหนักถึงบรรทัดฐานด้านจริยธรรม และร่วมกันรณรงค์เคลื่อนไหวใช้มาตรการต่อต้านทางสังคม
ประชาชนตื่นแล้ว พร้อมลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการทุจริตและคนโกง โดยสรยุทธและช่อง 3 ถูกสังเวยเป็นกรณีตัวอย่างเท่านั้น เพราะการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อกำจัดคนโกงเพิ่งก้าวจากจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ไม่ต้องรอความหวังจากรัฐบาลใดปราบการทุจริตแล้ว ไม่ต้องรอผู้มีอำนาจคนใดมาจัดการคนโกง เพราะถ้ารอ ชาติหน้าปัญหาทุจริตก็คงยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ถ้าประชาชนทุกภาคส่วนลุกฮือขึ้นมาใช้บทลงโทษทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่อโกง เมื่อก่อพฤติกรรมชั่ว แผ่นดินไทยจะไม่มีที่ให้ยืน
ความหวังในการสร้างสังคมที่ปลอดการทุจริตเริ่มเห็นรำไรแล้ว เพราะทุกภาคส่วนทางสังคม ร่วมกันสร้างบทลงโทษคนโกง และพร้อมลุกฮือขึ้นแสดงพลังต่อต้าน
ยังมีคนโกงที่เข้าคิวรอรับบทลงโทษจากสังคมอีกมากมาย เฉพาะคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ก็มีคนโกงไม่รู้เท่าไหร่
และถ้าประเมินจากบรรทัดฐานคดี “สรยุทธ” ท่ามกลางกระแสสังคมที่ตื่นตัวต่อต้านการทุจริตอย่างเข้มข้น คนโกงคดีจำนำข้าวควรทำใจไว้ เพราะงานนี้คงจะรอดยาก