ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อันที่จริงแล้ว จำเลยสังคมในคดีโกงค่าโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม หาใช่มีแต่เพียงนายสรยุทธ และช่อง 3 แต่หากยังมีช่อง 9 อสมท รวมอยู่ด้วย ลืมกันไปได้อย่างไร?
ภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษา นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์รายการ “ลับคมธุรกิจ” วิทยุเนชั่น 90.5 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559 ช่วงชิงลงมือเอาหน้าด้วยการเตรียมทำหนังสือถึงช่อง 3 เพื่อขอให้ช่อง 3 พิจารณาเรื่องนี้ให้ดี ที่ยังให้นายสรยุทธ เป็นพิธีกรในรายการตามปกติ พร้อมทั้งจะอวดโอ้ว่า อสมท มีจุดยืนเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้บนพื้นฐานจริยธรรม ซึ่งคดีทุจริตยักยอกค่าโฆษณา นอกจากบริษัทไร่ส้มแล้ว เจ้าหน้าที่ของอสมท ที่พัวพันคดีนี้ก็ได้รับโทษไปแล้วเช่นกัน
“สิ่งที่ต้องการให้สังคมได้รับทราบ คือจุดยืนเรื่องธรรมาภิบาลความสุจริตในการดำเนินธุรกิจ ซึ่ง อสมท ได้ตื่นตัวเรื่องการตรวจสอบมาตั้งแต่มีกรณีนี้ครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะนี้ก็ได้เพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการตรวจสอบ ความโปร่งใสในการดำเนินการ ในทุกขั้นตอนทั้งก่อนและหลังการออกอากาศ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อวดโอ่ด้วยความภาคภูมิใจ
แต่หากสังคมตรวจสอบคดีดังกล่าวให้ลึกลงไปตามข้อเรียกร้องของปรมาจารย์ด้านสื่อสารมวลชน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล จะทำให้รู้ว่า อสมท ที่อวดอ้างเรื่องธรรมาภิบาล เอาเข้าจริงดีแต่จัดการกับปลาซิวปลาสร้อย ตัวเล็กตัวน้อย เพราะการโกงค่าโฆษณา อสมท ของบริษัทไร่ส้มนั้น จะมีใครสักกี่คนเชื่อว่ามีแค่ระดับเจ้าหน้าที่เท่านั้นเกี่ยวข้อง หากไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่คอยหนุนหลัง เจ้าหน้าที่ อสมท จะกล้าลงมือได้อย่างไร
ได้เวลานักรบไซเบอร์และสื่อคุณภาพทั้งหลายมาช่วยกันลากใส้ อสมท ออกมาให้เห็นตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังและยังลอยนวล ตามประเด็นที่ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คดีโกงค่าโฆษณาของนายสรยุทธและบริษัทไร่ส้ม ยังไม่จบ เพราะเป็นเพียงศาลชั้นต้น และยังมีการซัดทอดเพื่อฟ้องเพิ่มเติมผู้บริหาร อสมท, มีใครสนใจบ้างไหมว่าอดีตพนักงาน อสมท พิชชาภา เอี่ยมสะอาด ผู้สมรู้ร่วมคิดนายสรยุทธที่ถูก อสมท ไล่ออกนั้น ทุกวันนี้ทำอะไร อยู่ดีกินดีเพราะใคร, พิชชาภา อดีตเป็นเพียงพนักงานคุมคิวโฆษณาอสมท ระดับ 4 ตัวน้อยๆ จะกล้ารับสินบนเรื่องที่ตรวจสอบได้หรือ ถ้าผู้บริหารไม่เล่นด้วย,
“เรื่องทุจริตค่าโฆษณา ตัวการหลักไม่ใช่สรยุทธ ไม่ใช่พิชชาภา ไม่ใช่ไร่ส้ม แต่เป็นผู้บริหารอสมท ที่นั่งลุ้นใจตุ้มๆ ต่อมๆ มา 10 ปี จนจะหมดอายุความ, เรื่องทุจริตนี้ มีคนในอสมท ทราบเรื่องอย่างแพร่หลาย แต่ปริปากไม่ได้ เพราะผู้บริหารคนนี้ยังมีอำนาจบาทใหญ่ และซื้อสหภาพอสมท ไปหลายรุ่นแล้ว สื่อคุณภาพทั้งหลายอย่ามัวกังวลหลงข่าวแต่นายสรยุทธ แต่คนทุจริตตัวจริงกลับลอยนวล” ดร.สมเกียรติ ทวีตข้อความฝากถึงสื่อรุ่นหลัง ให้ขุดคุ้ยเรื่องนี้กันต่อไป
ประเด็นนี้ “MGR Online” รายงาน “พลิกแฟ้มคดี “สรยุทธ-ไร่ส้ม” ตัวการใหญ่ยังลอยนวล” มาแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 ว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ 2 ชุด พบว่ามีการกระทำผิดจริง โดยทางพนักงาน อสมท ที่เกี่ยวข้องมีส่วนรู้เห็นนับสิบราย แต่ที่ถูกหวยเข้าอย่างจังคือ “พิชชาภา เอี่ยมสอาด” ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท สุดท้าย “พิชชาภา” ถูกชี้ว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง ขณะที่พนักงาน อสมท รายอื่นๆ ก็มีความผิดลดหลั่นกันไป แต่ก็ยากจะเชื่อว่า “พนักงานระดับปฏิบัติการ” หาญกล้ากระทำความผิดทุจริตในระดับร้อยล้านบาทโดยไม่มี “เบื้องหลัง” ได้อย่างไร
เพราะไม่เพียงแต่ตัวเลข 138 ล้านบาท ในส่วนของ “ค่าโฆษณาส่วนเกิน” รายการ “คุยคุ้ยข่าว” โดย “บ.ไร่ส้มฯ” ที่ไม่ได้บันทึกไว้ จนมีคนไปตรวจพบเท่านั้น ความเสียหายของ อสมท ที่คณะกรรมการฯ ชุด พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ตรวจพบยังมีในเรื่อง “โฆษณาผี” ที่ไม่ได้ลงในคิวโฆษณาทั้งของ อสมท หรือ “บ.ไร่ส้ม” ที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่ตรวจสอบพบได้ยากเพราะรู้เห็นกันเฉพาะผู้ผลิตรายการกับทางพนักงานที่รับผิดชอบ มีหลากหลายรูปแบบทั้งการวางผลิตภัณฑ์ ชุดที่พิธีกรสวมใส่ การอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ การร่วมสนุกชิงรางวัล หรือกระทั่งการแจกของรางวัลต่างๆ เหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล และอาจทำให้ตัวเลข 138 ล้านบาท อาจดูเด็กๆ ไปเลย
หากไล่เรียงรายชื่อพนักงาน อสมท ที่ถูกสอบสวนและตั้งข้อหาความผิด นอกเหนือจาก “พิชชาภา” ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในชั้นของ ป.ป.ช.แล้ว ยังมีชื่อหนึ่งที่น่าสนใจมากคือรายของ “ธนะชัย วงศ์ทองศรี” ที่ในขณะเกิดกรณี “คุยคุ้ยข่าว” เมื่อปี 2548 นั่งคร่อมเก้าอี้ใน อสมท อยู่หลายตำแหน่ง ทั้งหัวหน้าฝ่ายกฎหมายธุรกิจ, ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายธุรกิจ, รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยใหญ่ สำนักกฎหมายและเลขานุการบริษัท ตลอดจนไปถึง “ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกลยุทธ์การตลาด” พูดง่ายๆ คือเป็นผู้บังคับบัญชาของบรรดาพนักงาน อสมท ที่ถูกสอบสวนว่ามีความเกี่ยวพันในการยักยอกค่าโฆษณาร่วมกับบริษัท ไร่ส้ม นั่นเอง
ในรายงานสอบสวนข้อเท็จจริง ระบุไว้ว่า การทำหน้าที่ของ “ธนะชัย” ส่งผลเกิดความเสียหายแก่ อสมท เนื่องจากไม่มีพื้นฐานความรู้การตลาดแม้แต่น้อย ที่สำคัญยังละเลยการควบคุมดูแลการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา จนทำให้เกิดการทุจริตต่อหน้าที่ และในฐานะ “ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายธุรกิจ” เมื่อรู้ว่ามีการโฆษณาเกินกว่ากำหนดในสัญญา แต่ก็ยังละเลยไม่สั่งการให้ตรวจสอบคิวโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ อสมท แม้แต่น้อย
ความเกี่ยวพันของ “ธนะชัย” กับกรณี “สรยุทธ-ไร่ส้ม” แล้ว ถือว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า “พิชชาภา” ทั้งยังเป็นถึงระดับผู้บริหารมีหน้าที่ความรับผิดชอบในกรณีนี้หลายด้าน ทั้งในส่วนกลยุทธ์การตลาด และต้านกฎหมาย แต่กลับมีพฤติกรรมอันชวนสงสัยหลายประการ แถมวันนี้ยังได้รับการโปรโมทขึ้นมาเป็น “รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานสนับสนุนองค์กร” หรือสายงานบริหาร อีกต่างหาก
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการสอบสวนคดีทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ ที่คนในระดับหัวแถวลอยตัวอยู่เหนือความผิด ทิ้งให้คนทำงานระดับหางแถวต้องรับชะตากรรมเพียงลำพัง กลายเป็นบรรทัดฐานของไม้บรรทัดที่บิดเบี้ยวให้แก่สังคมไทยต่อไป