ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลฎีกาฯ นักการเมืองรับฟ้อง คดีบริษัทเอกชน 7 ราย สนับสนุน “บุญทรง เตริยาภิรมย์ ” อดีต รมว.พาณิชย์กับพวก 21 ราย ทุจริตระบายข้าวรัฐต่อรัฐ นัดสอบคำให้การ 2 มี.ค.นี้ ด้าน “ปธ.คตร.” ระบุสรรหาบอร์ดสสส.แทน 7 คนมีความหลากหลาย “ผู้จัดการ สสส.” ย้ำโปร่งใสตามขั้นตอน
วานนี้ (25 ก.พ.) แหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีที่ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร , นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ , บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด ที่มีนายทวี อาจสมรรถ เป็นกรรมการ , บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด , นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท , บริษัท เจียเม้ง จำกัด และนางประพิศมานะธัญญา กรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่ 1- 7 ในคดีสนับสนุน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกอดีตนักการเมือง ข้าราชการและเอกชน รวม 21 ราย ทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว เป็นคดีหมายเลขดำ อม.1/2559 โดยนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การเอกชน จำเลยทั้ง 7 ราย ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งแรกคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่นายบุญทรง กับพวก 21 รายตกเป็นจำเลย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการฟ้องเอกชนเพิ่ม 7 ราย อัยการได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกับนายบุญทรงและพวก ดังนั้นศาลจึงนัดฟังคำสั่งว่าจะให้รวมสำนวนคดีหรือไม่ ในวันที่ 2 มี.ค.เช่นกัน โดยองค์คณะผู้พิพากษาคดี อม.1/2559 ก็เป็นองค์คณะเดียวกับคดีนายบุญทรง ดังนั้นคาดว่าในวันที่ 2 มี.ค.ศาลจะยังไม่ได้ไต่สวนพยานคดีของนายบุญทรง อย่างไรก็ดีในวันดังกล่าวจำเลยทั้ง 2 สำนวน จะต้องเดินทางมาศาลตามนัด
ส่วนการยื่นคำร้องในส่วนคดีแพ่ง เพื่อให้เอกชน 15 ราย ในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่มีนายบุญทรง กับพวกรวม 21 ราย ชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงมีมติให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายนั้น
แหล่งข่าวอัยการ กล่าวอีกว่า หลังจากอัยการได้รับมติจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์แล้ว คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสรุปแนวทางที่จะยื่นคำร้องเพิ่มเติมในคดีอาญาสำนวนคดีของนายบุญทรงกับพวก ต่อศาลฎีกาฯ ตามป.วิอาญา มาตรา 44/1 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอแนวทางดังกล่าวให้ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยหากจะยื่นคำร้องในส่วนคดีแพ่ง ก็จะต้องยื่นก่อนที่ศาลจะเริ่มไต่สวนพยานคดีนี้ ซึ่งอัยการเตรียมความพร้อมในการร่างคำร้องแล้ว และหากยื่นคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในวันที่ 2 มี.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 3 ในวันพรุ่งนี้ที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งอัยการโจทก์ เตรียมพยานบุคคล เพื่อไต่สวน รวม 3 ปาก ประกอบด้วย นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย , นายระวี รุ่งเรือง เครือข่ายชาวนาไทย และ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการระบายข้าว ในคณะกรรมการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
** ชี้ 7 บอร์ด สสส.ใหม่หลากหลายดี
สำหรับความคืบหน้าการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทดแทน 7 คนที่พ้นตำแหน่งนั้น พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีข้อมูลแต่ละบุคคล เท่าที่เห็นก็มีความหลากหลาย ส่วนการสอบสวนอดีตกรรมการ สสส. 7 คนเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หากตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ของทั้ง 7 คนได้
เมื่อถามว่า ดีเอสไอสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของมูลนิธิ หรือเอ็นจีโอที่รับเงิน สสส.ไปได้หรือไม่ พล.อ.ชาตอุดม ระบุว่า เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมว่าจะดำเนินการอย่างไร อาจจะไม่ถึงขั้นดีเอสไอ หากตรวจสอบแล้วลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีการทุจริตก็ใช้กลไกของ ป.ป.ท. ได้
ส่วนการตรวจสอบที่ผ่านมาพบมูลนิธิวิถีสุข และชีววิถี ซึ่งได้รับเงิน สสส มีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.ชาตอุดม กล่าวว่า ส่วนนี้ไม่มีข้อมูล แต่มูลนิธิต่างๆจะมีวัตถุประสงค์ของมูลนิธิอยู่แล้ว เมื่อได้รับเงินมาเอาไปใช้อย่างไรต้องตรงหลักเกณฑ์ของ สสส.ด้วย เมื่อถามกรณีเอ็นจีโอไม่ยอมชำระภาษีตามที่กรมสรรพากรแจ้งให้ชำระ ภาครัฐจะสามารถสั่งให้ชำระได้หรือไม่ พล.อ.ชาตอุดม กล่าวว่า เรื่องนี้ทางกรมสรรพากรได้ลงไปดูแล้ว ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมายเรื่องหน้าที่การเสียภาษี ว่าใครรับเงิน มีรายได้ในหลักเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ก็ต้องว่ากันตามนั้น ซึ่งในภาพรวมส่วนใหญ่ก็เสียภาษีกัน อาจจะมีบางที่หรือบางองค์กร บางมูลนิธิ ยังไม่ได้ดำเนินการ
** “สุปรีดา” จ่อคุยสรรพากรปลดล็อค สสส.
ด้าน นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า การสรรหากรรมการ สสส.ใหม่เป็นไปตามระเบียบวิธีการสรรหา มีความโปร่งใส ขั้นตอนต่อไปจะนำรายชื่อคณะกรรมการทั้ง7คนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป สำหรับอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ7คนที่ถูกคำสั่ง ม.44ปลดจากการปฎิบัติหน้าที่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่นั้น เวลานี้ยังถือว่า อดีตคณะกรรมการทั้ง7คนยังไม่เป็นผู้กระทำความผิด แต่คงต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่และพ้นตำแหน่งไปตาม คำสั่ง ม.44 เท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าการเรียกเก็บภาษีจากการทำงานสร้างเสริมสุขภาพนั้น นายสุปรีดา กล่าวว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯได้มอบให้ตนไปหารือร่วมกับกรมสรรพากรเพื่อทำความเข้าใจหรือปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคีฯ 4,184 โครงการในปัจจุบันด้วย.
วานนี้ (25 ก.พ.) แหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีที่ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร , นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ , บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด ที่มีนายทวี อาจสมรรถ เป็นกรรมการ , บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด , นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท , บริษัท เจียเม้ง จำกัด และนางประพิศมานะธัญญา กรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่ 1- 7 ในคดีสนับสนุน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกอดีตนักการเมือง ข้าราชการและเอกชน รวม 21 ราย ทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว เป็นคดีหมายเลขดำ อม.1/2559 โดยนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การเอกชน จำเลยทั้ง 7 ราย ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งแรกคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่นายบุญทรง กับพวก 21 รายตกเป็นจำเลย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการฟ้องเอกชนเพิ่ม 7 ราย อัยการได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกับนายบุญทรงและพวก ดังนั้นศาลจึงนัดฟังคำสั่งว่าจะให้รวมสำนวนคดีหรือไม่ ในวันที่ 2 มี.ค.เช่นกัน โดยองค์คณะผู้พิพากษาคดี อม.1/2559 ก็เป็นองค์คณะเดียวกับคดีนายบุญทรง ดังนั้นคาดว่าในวันที่ 2 มี.ค.ศาลจะยังไม่ได้ไต่สวนพยานคดีของนายบุญทรง อย่างไรก็ดีในวันดังกล่าวจำเลยทั้ง 2 สำนวน จะต้องเดินทางมาศาลตามนัด
ส่วนการยื่นคำร้องในส่วนคดีแพ่ง เพื่อให้เอกชน 15 ราย ในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่มีนายบุญทรง กับพวกรวม 21 ราย ชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงมีมติให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายนั้น
แหล่งข่าวอัยการ กล่าวอีกว่า หลังจากอัยการได้รับมติจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์แล้ว คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสรุปแนวทางที่จะยื่นคำร้องเพิ่มเติมในคดีอาญาสำนวนคดีของนายบุญทรงกับพวก ต่อศาลฎีกาฯ ตามป.วิอาญา มาตรา 44/1 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอแนวทางดังกล่าวให้ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยหากจะยื่นคำร้องในส่วนคดีแพ่ง ก็จะต้องยื่นก่อนที่ศาลจะเริ่มไต่สวนพยานคดีนี้ ซึ่งอัยการเตรียมความพร้อมในการร่างคำร้องแล้ว และหากยื่นคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในวันที่ 2 มี.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 3 ในวันพรุ่งนี้ที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งอัยการโจทก์ เตรียมพยานบุคคล เพื่อไต่สวน รวม 3 ปาก ประกอบด้วย นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย , นายระวี รุ่งเรือง เครือข่ายชาวนาไทย และ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการระบายข้าว ในคณะกรรมการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
** ชี้ 7 บอร์ด สสส.ใหม่หลากหลายดี
สำหรับความคืบหน้าการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทดแทน 7 คนที่พ้นตำแหน่งนั้น พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีข้อมูลแต่ละบุคคล เท่าที่เห็นก็มีความหลากหลาย ส่วนการสอบสวนอดีตกรรมการ สสส. 7 คนเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หากตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ของทั้ง 7 คนได้
เมื่อถามว่า ดีเอสไอสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของมูลนิธิ หรือเอ็นจีโอที่รับเงิน สสส.ไปได้หรือไม่ พล.อ.ชาตอุดม ระบุว่า เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมว่าจะดำเนินการอย่างไร อาจจะไม่ถึงขั้นดีเอสไอ หากตรวจสอบแล้วลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีการทุจริตก็ใช้กลไกของ ป.ป.ท. ได้
ส่วนการตรวจสอบที่ผ่านมาพบมูลนิธิวิถีสุข และชีววิถี ซึ่งได้รับเงิน สสส มีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.ชาตอุดม กล่าวว่า ส่วนนี้ไม่มีข้อมูล แต่มูลนิธิต่างๆจะมีวัตถุประสงค์ของมูลนิธิอยู่แล้ว เมื่อได้รับเงินมาเอาไปใช้อย่างไรต้องตรงหลักเกณฑ์ของ สสส.ด้วย เมื่อถามกรณีเอ็นจีโอไม่ยอมชำระภาษีตามที่กรมสรรพากรแจ้งให้ชำระ ภาครัฐจะสามารถสั่งให้ชำระได้หรือไม่ พล.อ.ชาตอุดม กล่าวว่า เรื่องนี้ทางกรมสรรพากรได้ลงไปดูแล้ว ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมายเรื่องหน้าที่การเสียภาษี ว่าใครรับเงิน มีรายได้ในหลักเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ก็ต้องว่ากันตามนั้น ซึ่งในภาพรวมส่วนใหญ่ก็เสียภาษีกัน อาจจะมีบางที่หรือบางองค์กร บางมูลนิธิ ยังไม่ได้ดำเนินการ
** “สุปรีดา” จ่อคุยสรรพากรปลดล็อค สสส.
ด้าน นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า การสรรหากรรมการ สสส.ใหม่เป็นไปตามระเบียบวิธีการสรรหา มีความโปร่งใส ขั้นตอนต่อไปจะนำรายชื่อคณะกรรมการทั้ง7คนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป สำหรับอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ7คนที่ถูกคำสั่ง ม.44ปลดจากการปฎิบัติหน้าที่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่นั้น เวลานี้ยังถือว่า อดีตคณะกรรมการทั้ง7คนยังไม่เป็นผู้กระทำความผิด แต่คงต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่และพ้นตำแหน่งไปตาม คำสั่ง ม.44 เท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าการเรียกเก็บภาษีจากการทำงานสร้างเสริมสุขภาพนั้น นายสุปรีดา กล่าวว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯได้มอบให้ตนไปหารือร่วมกับกรมสรรพากรเพื่อทำความเข้าใจหรือปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคีฯ 4,184 โครงการในปัจจุบันด้วย.
