** “ครอบครัว”ถือเป็นสถาบันพื้นฐานที่สําคัญที่สุดของสังคม
แต่ปัจจุบันสภาพสังคมมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน หลายเรื่องส่งผลกระทบโครงสร้างสถาบันครอบครัว ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา อาทิ ความเจริญด้านวัตถุนิยม ก็มาพร้อมกับสิ่งยั่วยุ และสิ่งเร้าอยู่รอบตัวที่ทำให้สภาพสังคมทุกวันนี้มีความเสื่อมโทรม หลายอย่างทั้ง สถานบันเทิง เว็บไซต์ลามก อนาจาร ถือเป็นปัจจัยสําคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ส่งผลให้มีการตั้งครรภ์ในภาวะที่ไม่พร้อม ตลอดจนไปถึงผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดภาวะไม่พร้อมในคนวัยทำงานด้วย ถือเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหา การทอดทิ้งเด็ก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสาคัญต่อปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งเป็นอย่างยิ่ง และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เน้นย้ำการดำเนินงานทุกกรมในสังกัดของกระทรวงฯ ร่วมกันบูรณาการทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไขปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำร่างยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น การกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมบทบาทครอบครัว และชุมชนในการสร้างสัมพันธภาพ และสื่อสารด้านสุขภาวะทางเพศของวัยรุ่น โดยผ่านการดาเนินงานโครงการและกิจกรรมต่างๆ
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ โครงการ“ยุติ..การทิ้งเด็ก”ขึ้น ณ ศูนย์การค้า Siam Square One
โดยนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า ปัญหาและสถานการณ์เด็กถูกทอดทิ้งในสังคม ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ ซึ่งดูได้จากจำนวนเด็กถูกทอดทิ้ง ที่ถูกส่งไปเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์เด็ก ในระหว่างปี 2555 –2558 มีจำนวนมากถึง 662 คน ซึ่งยังไม่ได้รวมสถิติเด็กที่ถูกทอดทิ้งตามที่สาธารณะต่างๆ แล้วเสียชีวิต ในฐานะที่กรมฯ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักด้านเด็กและเยาวชน ได้ดำเนินงาน โครงการกิจกรรมต่าง ๆ มาโดยตลอด ทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม อันมาซึ่งปัญหาการทอดทิ้งเด็กในสังคม อาทิ โครงการอบรมให้ความรู้ เพื่อป้องการปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น โครงการวัยใสใส่ใจทำดี การจัดทำคู่มือแนวทางการคุ้มครองช่วยเหลือวัยรุ่นตั้งครรภ์ และโครงการการสื่อสารเรื่องเพศอย่างสร้างสรรค์ แบบบูรณาการ เป็นต้น
นางนภา บอกด้วยว่า โครงการ“ยุติ...การทิ้งเด็ก”มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดจานวนเด็กถูกทอดทิ้งในสังคม และรณรงค์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจในการแก้ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งให้ประชาชน และกลุ่มเป้าหมายได้รับทราบตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เพื่อเฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง โดยโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนมี.ค.– มิ.ย.59 โดยจะจะดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ ทั้งในสถาบันการศึกษา และรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่กลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงประชาชนทั่วไป ได้รับทราบ
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกภาคส่วนในสังคมต้องให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ร่วมมือกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน โดยเฉพาะที่ยังอยู่ในวัยรุ่น ให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับค่านิยมที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันนำไปสู่ปัญหา การตั้งครรภ์ไม่พร้อม การทำแท้ง และการทิ้งเด็กในที่สุด
ทั้งนี้โครงการ“ยุติ..การทิ้งเด็ก”จะดำเนินการภายใต้สโลแกน “3 ไม่”คือ
**“ไม่เสียชีวิต”หมายถึง เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอด ตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาสิทธิเด็ก
**“ไม่ผิดกฎหมาย”หมายถึง การทอดทิ้งเด็ก เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 306-307
**“ไม่ทำลายโอกาส”หมายถึง การทอดทิ้งเด็ก ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสต่างๆ
พล.ต.อ.อดุลย์ ฝากย้ำด้วยว่า ประชาชน หรือน้องๆ เยาวชนที่ประสบปัญหาทั้งในเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปัญหาการเลี้ยงดูบุตร หรือปัญหาครอบครัวอื่นๆ อย่าด่วนตัดสินใจที่จะทอดทิ้งเด็ก ขอให้คิดถึงกระทรวงพัฒนาสังคมฯ สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือ หรือคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือทางสังคมหรือ OSCC 1300 บ้านพักเด็กและครอบครัวทุกจังหวัด หรือสถานสงเคราะห์เด็กทั่วประเทศ .
แต่ปัจจุบันสภาพสังคมมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน หลายเรื่องส่งผลกระทบโครงสร้างสถาบันครอบครัว ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา อาทิ ความเจริญด้านวัตถุนิยม ก็มาพร้อมกับสิ่งยั่วยุ และสิ่งเร้าอยู่รอบตัวที่ทำให้สภาพสังคมทุกวันนี้มีความเสื่อมโทรม หลายอย่างทั้ง สถานบันเทิง เว็บไซต์ลามก อนาจาร ถือเป็นปัจจัยสําคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ส่งผลให้มีการตั้งครรภ์ในภาวะที่ไม่พร้อม ตลอดจนไปถึงผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดภาวะไม่พร้อมในคนวัยทำงานด้วย ถือเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหา การทอดทิ้งเด็ก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสาคัญต่อปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งเป็นอย่างยิ่ง และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เน้นย้ำการดำเนินงานทุกกรมในสังกัดของกระทรวงฯ ร่วมกันบูรณาการทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไขปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำร่างยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น การกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมบทบาทครอบครัว และชุมชนในการสร้างสัมพันธภาพ และสื่อสารด้านสุขภาวะทางเพศของวัยรุ่น โดยผ่านการดาเนินงานโครงการและกิจกรรมต่างๆ
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ โครงการ“ยุติ..การทิ้งเด็ก”ขึ้น ณ ศูนย์การค้า Siam Square One
โดยนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า ปัญหาและสถานการณ์เด็กถูกทอดทิ้งในสังคม ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ ซึ่งดูได้จากจำนวนเด็กถูกทอดทิ้ง ที่ถูกส่งไปเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์เด็ก ในระหว่างปี 2555 –2558 มีจำนวนมากถึง 662 คน ซึ่งยังไม่ได้รวมสถิติเด็กที่ถูกทอดทิ้งตามที่สาธารณะต่างๆ แล้วเสียชีวิต ในฐานะที่กรมฯ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักด้านเด็กและเยาวชน ได้ดำเนินงาน โครงการกิจกรรมต่าง ๆ มาโดยตลอด ทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม อันมาซึ่งปัญหาการทอดทิ้งเด็กในสังคม อาทิ โครงการอบรมให้ความรู้ เพื่อป้องการปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น โครงการวัยใสใส่ใจทำดี การจัดทำคู่มือแนวทางการคุ้มครองช่วยเหลือวัยรุ่นตั้งครรภ์ และโครงการการสื่อสารเรื่องเพศอย่างสร้างสรรค์ แบบบูรณาการ เป็นต้น
นางนภา บอกด้วยว่า โครงการ“ยุติ...การทิ้งเด็ก”มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดจานวนเด็กถูกทอดทิ้งในสังคม และรณรงค์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจในการแก้ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งให้ประชาชน และกลุ่มเป้าหมายได้รับทราบตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เพื่อเฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง โดยโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนมี.ค.– มิ.ย.59 โดยจะจะดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ ทั้งในสถาบันการศึกษา และรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่กลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงประชาชนทั่วไป ได้รับทราบ
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกภาคส่วนในสังคมต้องให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ร่วมมือกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน โดยเฉพาะที่ยังอยู่ในวัยรุ่น ให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับค่านิยมที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันนำไปสู่ปัญหา การตั้งครรภ์ไม่พร้อม การทำแท้ง และการทิ้งเด็กในที่สุด
ทั้งนี้โครงการ“ยุติ..การทิ้งเด็ก”จะดำเนินการภายใต้สโลแกน “3 ไม่”คือ
**“ไม่เสียชีวิต”หมายถึง เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอด ตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาสิทธิเด็ก
**“ไม่ผิดกฎหมาย”หมายถึง การทอดทิ้งเด็ก เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 306-307
**“ไม่ทำลายโอกาส”หมายถึง การทอดทิ้งเด็ก ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสต่างๆ
พล.ต.อ.อดุลย์ ฝากย้ำด้วยว่า ประชาชน หรือน้องๆ เยาวชนที่ประสบปัญหาทั้งในเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปัญหาการเลี้ยงดูบุตร หรือปัญหาครอบครัวอื่นๆ อย่าด่วนตัดสินใจที่จะทอดทิ้งเด็ก ขอให้คิดถึงกระทรวงพัฒนาสังคมฯ สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือ หรือคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือทางสังคมหรือ OSCC 1300 บ้านพักเด็กและครอบครัวทุกจังหวัด หรือสถานสงเคราะห์เด็กทั่วประเทศ .
