เวลานี้ประเทศไทยยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทั้งแง่คุณภาพ โอกาสการเข้าถึงการศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยกระดับปัญหานี้ขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ วางมาตรการ และเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาด้านต่างๆ เพื่อจัดการศึกษาให้ทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ
เมื่อไม่นานมานี้หน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่งสิ้นสุดการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาเพื่อความเหลื่อมล้ำในระยะที่ 2 หรือ ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2558 - 23 มกราคม 2559 ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้นำหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีผลเป็นรูปธรรมในหลายด้าน ภายใต้มาตรการประกันโอกาส มาตรการประกันคุณภาพ และมาตรการประกันประสิทธิภาพ ผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.)
ขณะเดียวกัน สช. ยังได้ดำเนินโครงการติวเตอร์ แนะแนวการศึกษาต่อนักเรียนเอกชน สอนศาสนาอิสลาม ติวเข้มระยะสั้นให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ก็ได้มีการส่งเสริมการศึกษานอกระบบผ่านทีวีสาธารณะ ขณะที่คุรุสภา ดำเนินการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ทางด้านสำนักงานการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็ดำเนินโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารี เป็นต้น อีกทั้งยังมีการดำเนินโครงการต่างๆ ควบคู่กันไป อาทิ โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การยกระดับคุณภาพศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน “หนึ่งคน หนึ่งอาชีพ”โครงการ“อาชีวะเอกชน สร้างคน สร้างชาติ”ตลอดจนการพัฒนาครูและบุคคลากรทางการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะของ พล.อ.สุรเชษฐ์ ได้ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทอยู่ประจำกินนอน แบบสหศึกษา จัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ได้จัดทำและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน โดยความร่วมมือของครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังได้จัดการเรียนการสอนที่เน้นการฝึกวิชาชีพ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยลงมือปฏิบัติจริง มีการฝึกทักษะ สามารถพึ่งพาตนเองและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นไปตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”ของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
“ทุกส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เรียนทุกกลุ่มทุกพื้นที่ได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพในรูปแบบที่เหมาะสม เท่าเทียม ส่งผลให้นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือผู้ด้อยโอกาส เข้าถึงการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข" พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
เมื่อไม่นานมานี้หน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่งสิ้นสุดการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาเพื่อความเหลื่อมล้ำในระยะที่ 2 หรือ ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2558 - 23 มกราคม 2559 ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้นำหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีผลเป็นรูปธรรมในหลายด้าน ภายใต้มาตรการประกันโอกาส มาตรการประกันคุณภาพ และมาตรการประกันประสิทธิภาพ ผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.)
ขณะเดียวกัน สช. ยังได้ดำเนินโครงการติวเตอร์ แนะแนวการศึกษาต่อนักเรียนเอกชน สอนศาสนาอิสลาม ติวเข้มระยะสั้นให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ก็ได้มีการส่งเสริมการศึกษานอกระบบผ่านทีวีสาธารณะ ขณะที่คุรุสภา ดำเนินการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ทางด้านสำนักงานการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็ดำเนินโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารี เป็นต้น อีกทั้งยังมีการดำเนินโครงการต่างๆ ควบคู่กันไป อาทิ โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การยกระดับคุณภาพศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน “หนึ่งคน หนึ่งอาชีพ”โครงการ“อาชีวะเอกชน สร้างคน สร้างชาติ”ตลอดจนการพัฒนาครูและบุคคลากรทางการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะของ พล.อ.สุรเชษฐ์ ได้ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทอยู่ประจำกินนอน แบบสหศึกษา จัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ได้จัดทำและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน โดยความร่วมมือของครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังได้จัดการเรียนการสอนที่เน้นการฝึกวิชาชีพ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยลงมือปฏิบัติจริง มีการฝึกทักษะ สามารถพึ่งพาตนเองและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นไปตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”ของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
“ทุกส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เรียนทุกกลุ่มทุกพื้นที่ได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพในรูปแบบที่เหมาะสม เท่าเทียม ส่งผลให้นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือผู้ด้อยโอกาส เข้าถึงการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข" พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว