ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จับประเด็นร้อน “บิ๊กต๊อก”สวน ผบ.มณฑลทหารบกที่ 19 สระแก้ว ระบุพื้นที่ใดมีการทำผิดกฎหมาย ดีเอสไอ. ไปได้หมด เปิดโปงขุมทรัพย์ชายแดนภาคตะวันออก สินค้าเถื่อนทะลักทั้งทางน้ำ ทางบ อดีตเน้นสุรา-บุหรี่นอก ปัจจุบันมีทั้งสินค้าแบรนเนม และเครื่องไฟฟ้า-โทรฯมือถือทุกชนิด แฉเงินหมุนเวียนปีละหลายหมื่นล้าน มีทุกฝ่ายรุมทึ้ง ทั้งกลุ่มคนมีสี
ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างพ่อค้าแม่ขายกับเจ้าหน้าที่รัฐมักมีภาพคลิปและข่าวให้เราได้ยินได้ฟังเสมอ หน่วยงานหลักที่ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนค้าๆขายๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาชีพขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าปลอม-เลียนแบบ และของหนีภาษี ก็คือตำรวจกองบังคับการคดีทางเศรษฐกิจ
หลายครั้งเมื่อออกปฏิบัติการ สังเกตได้ว่าตำรวจหน่วยนี้มักจะใช้มือไม้ที่ไม่ใช่เป็นตำรวจเข้าไปเจรจา จับจริงบ้าง รีดไถบ้าง ระยะหลังมีการปิดล้อม ไล่ทำร้าย สุดแท้แต่สถานการณ์จะพาไป
ชาวบ้านทำผิดกฎหมาย แต่ตำรวจบางคนก็เอากฎหมายไปทำมาหากิน ฝ่ายแรกมีเรื่องปากท้องมาอ้าง ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่มีข้ออ้างอะไร เพราะถ้ายอมรับก็คือ มีความผิดต้องติดคุก ถูกไล่ออก ขบวนการรีดไถพ่อค้าแม่ขายจึงทำอย่างแยบยล มีทั้งตำรวจจริง กับตำรวจปลอม แบ่งหน้าที่กันออกตามล่าหาผลประโยชน์
มีตำรวจระดับสูงหลายนายในสังกัดตำรวจปราบปรามคดีทางเศรษฐกิจ มีฐานะร่ำรวยผิดปกติ ทั้งบ้านหลังใหญ่ รถยนต์หรูหลายคัน ซึ่งหากมีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินกันอย่างจริงจัง คงอาจจะมีตำรวจที่เคยผ่านระดับหัวหน้าหน่วยต้องถูกยึดทรัพย์ ติดคุกติดตะราง กันจำนวนมาก
เหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านในลักษณะนี้ ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกทีๆ ฝ่ายถือกฎหมายบอกว่ายอมไม่ได้ เพราะทำผิดกฎหมายชัดเจน ฝ่ายผู้ค้าบอกว่า ถ้าไม่ให้ทำอาชีพนี้ทางเลือกคือ ขายยาบ้า หรือไม่ก็ต้องออกไปเป็นโจร
นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุคผู้นำรัฐบาลถือ มาตรา 44 มีอำนาจบริหารสูงสุด แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้กฎหมาย และอำนาจหน้าที่อย่างมีเสศนัยน่าสงสัย จนนำไปสู่ความขัดแย้ง ลุกลามเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยงกับการปะทะถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อของทั้งสองฝ่าย
ล่าสุดเหตุการณ์พ่อค้าเขมรปิดล้อมเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ. จากส่วนกลางที่เข้าไปตรวจจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว และมีการรุมทำร้าย บุกทำลายรถยนต์ เกือบๆจะเป็นเหตุจลาจลนั้น มีคำถามอย่างมากมาย รวมทั้งอารมณ์ร่วมของคนไทยที่ไม่พอใจคนต่างด้าว ท้าวต่างแดนไล่ทุบตีเจ้าหน้าที่และย่ำยีกฏหมายไทย
แต่ก็มีไม่น้อยมีข้อสงสัยว่า สินค้าหนีภาษี หรือประเภทละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ไล่จับกันนั้นมีการเลือกปฏิบัติ คือจับเฉพาะร้านที่ไม่เคลียร์ ส่วนรายไหนถ้าจ่ายให้เป็นรายเดือนจะได้รับการยกเว้น
รวมไปถึงประเด็นคนมีสีร่วมกับขบวนการค้าสินค้าเถื่อน เป็นประเด็นว่อนไปมาอยู่ในโลกโซเชียลฯ
ข้อสงสัยต่างๆ ที่ผู้คนในสังคมตั้งคำถามกันไปต่างๆ นานานั้น แม้แต่ พล.ต.สุริยา ปาวรีย์ ผบ.มณฑลทหารบกที่ 19 ก็ยังมีคำถามโดยข่าวระบุว่า หลังเหตุการณ์สงบ ได้มีการนำเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ. 40 นาย ที่เดินทางมาปฏิบัติการไปสอบถามเรื่องราวต่างๆ ภายในกองทัพ
ฝ่ายทหารถามว่า เข้ามาทำงานในพื้นที่สีแดงทำไมไม่แจ้งให้ทหารทราบก่อน ฝ่าย ดีเอสไอ.ตอบว่า ไม่รู้จะแจ้งใคร เท่านั้นแหละ “วงแตก”ขยายจากชายแดนเขมรมาถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด
พล.อ.ไพบูลย์ แสดงความเห็นน่าสนใจว่า..."เราไม่รู้ทำไมต้องมีขั้นตอนอะไร เรื่องนี้มีปัญหามานานแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานในพื้นที่ทราบกันดี กฎเยอะ คนเยอะ แต่ไม่ดำเนินการ ไม่แค่ ดีเอสไอ. แต่ตำรวจท้องที่ ศุลกากร เป็นหลักการตรงนั้น เป็นพื้นที่เฉพาะหรือ ถึงต้องรายงานใคร ผมไม่เข้าใจที่มีทหารมาพูดว่า ทำไม ดีเอสไอ.ไม่แจ้งก่อนเข้าไปในพื้นที่ ตรงนั้นเราไม่แน่ใจว่า เป็นพื้นที่กึ่งชายแดนหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของ ดีเอสไอ. ต้องเข้าไปได้ทุกพื้นที่”
ประเด็นสุดท้ายที่ รมว.ยุติธรรม ทิ้งให้สังคมคิดคือ การปิดล้อมเจ้าหน้าที่จนต้องยอมถอยออกมาก่อนนั้น กลุ่มผลประโยชน์ 4-500 คน ภายในตลาดโรงเกลือมีอำนาจนอกระบบหนุนอยู่ ใช่หรือไม่
คำถาม และคำตอบ รวมทั้ง “จุดยืน”ของ“บิ๊กต๊อก”ชัดเจน-แข็งกร้าวอยู่ในตัว เมื่อทหารถามมา ตอนนี้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เขาถามกลับแล้ว พร้อมยืนยันว่า ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ดีเอสไอ. สามารถเข้าไปได้ทุกพื้นที่... หรือผลประโยชน์ในตลาดโรงเกลือ มีอำนาจนอกระบบหนุนอยู่ !!??
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นใครมาจากไหน สังคมทราบดีว่าเขาคือนายทหารสาย“วงศ์เทวัญ” ผลงานที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดคือ การออกมายอมรับว่ามีขบวนการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์จริง จนต้องถูกจับตาว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี ครั้งต่อไปอาจถูกย้ายกระทรวงฯ หรือหลุดวงโคจรไปเลย
ท่าทีแข็งๆ แบบไม่กลัวใคร โดยเฉพาะการตอบโต้ ผบ.มณฑลทหารบกที่ 19 จึงอาจกลายเป็นประเด็นร้อน เป็นร่องรอยหรือ “ตะเข็บ”ที่มองให้เห็นว่า อำนาจทหารที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นดิน โดยเฉพาะแถบภาคตะวันออก เริ่มมี“คนจริง”เข้าไป “แตะ” ให้เกิดอาการกระเพื่อมกันแล้ว
อย่าลืมกันว่า กลุ่มผลประโยชน์ของภาคตะวันออกมีผู้เกี่ยวข้องมากมาย ทั้งคนมีสี นักธุรกิจ พลเรือน นักการเมือง และผู้มีอิทธิพล แต่ก่อนจะเน้นเพียงสินค้าหนีภาษีประเภท เหล้า บุหรี่ แต่ปัจจุบันพัฒนามาเป็นสินค้าจีนในทุกรูปแบบ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ปีๆ หนึ่ง มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน เส้นทางเข้าสู่ประเทศไทยก็คือ ตามชายแดนฯ ทั้งทางบก ทางเรือ
ในฐานะทหารเก่า พล.อ.ไพบุลย์ คุ้มฉายา คนตัวเล็กแต่ใจใหญ่ มีเพื่อนฝูงมากมาย คงมีข้อมูลดีๆ อยู่ในมือ ข้าราชการหน่วยไหน ใครคือคุณโม่งที่หนุน “อำนาจนอกระบบ” ในย่านคลองลึก
และนี่คงเป็นเหตุผลของการปฏิบัติหน้าที่ของ ดีเอสไอ. โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ทราบ รวมทั้งฝ่ายทหาร เพราะหาก“ข่าวรั่ว”ไป การปราบปรามขบวนการสินค้าเถื่อนก็จะประสบกับความล้มเหลว