ปรากฏการณ์ทางสังคมทั้งโลกตะวันตก ตะวันออกที่กำลังสับสนอลวนด้วยปัญหาภัยธรรมชาติ ภัยทางเศรษฐกิจออกอาการน่าเป็นห่วงและนับวันจะยิ่งวิกฤตหนักขึ้นทุกที
ขณะเดียวกันที่สังคมไทยก็ออกอาการพิกลพิการขนานหนัก การปรากฏขึ้นของตุ๊กตาลูกเทพที่ผ่านการปลุกเสก ทั้งจากคนทรงเจ้าเข้าผีและพระ สงฆ์องค์เจ้าที่ทำกันอย่างเปิดเผยทั้งในสำนักและในวัดวาอาราม เป็นที่ฮือฮายอมรับทั้งการออกมารับรองเสนอวิธีการเดินทางของตุ๊กตาเทพจากสายการบิน และบริการรถโดยสารต่างๆ อย่างเป็นจริงเป็นจัง
สื่อสารมวลชนต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี และสื่อทางโซเชียลมีเดียผ่านระบบอินเทอร์เน็ตต่างก็พากันโหมประโคมข่าวเรื่องตุ๊กตาเทพ ประกบกับข่าวการสร้างจรวดของธัมมชโย ที่ชักชวนสาวกให้ทำทานเป็นค่าโดยสารจรวดไปสวรรค์วิมานแมนคนละสามแสนห้าหมื่นบาท แถมมีค้อนสำหรับทุบประตูสวรรค์เป็นตุเป็นตะในสนนราคาค่าทำบุญอีกสามแสนห้าเช่นเดียวกัน แถมยังน้ำมูกน้ำมนต์วิเศษอีกขวดละห้าหมื่น ชนิดที่เรียกว่าอุตริวิตถารอย่างถึงที่สุดจริงๆ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวลอยนวลในสังคมไทยจนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ฝ่ายผู้มีหน้าที่บริหารจัดการบ้านเมือง นอกจากจะนิ่งดูดายแล้ว ยังปล่อยให้มือกฎหมายระดับรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลกรมการศาสนา และสำนักพุทธออกมาสัมภาษณ์สวนกระแสผิดชอบชั่วดี
ไม่ว่าจะเรื่องพระโกงเงินแต่เอาเงินมาคืนครบแล้วจึงไม่ผิด ไม่ว่าจะหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องยึดหลักอาวุโสเท่านั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานานุรูป และความเหมาะสม ซึ่งฟังแล้วชักไม่แน่ใจว่า วิธีคิดแบบนี้ของมือกฎหมายรัฐบาลนี้จะไปปฏิรูปบ้านเมืองในหัวเลี้ยวหัวต่ออันสำคัญนี้ให้ดีขึ้นได้อย่างไร
เอาเข้าจริงๆ ผมชักจะเชื่อแล้วว่า ปัญหาสำคัญของบ้านเมืองนี้น่าจะเกิดจากการที่ไม่มีการแยกถูกแยกผิดให้แจ่มแจ้งชัดเจน
นอกจากอำนาจรัฐจะดูดายไม่แตะต้อง ยังซ้ำกลับปล่อยให้คนถืออำนาจรัฐส่วนหนึ่งออกมาให้ท้ายสนับสนุนสิ่งที่ไม่ถูกต้องแบบสวนกระแสสังคมเสียด้วยซ้ำไป กระบวนการยุติธรรมก็ยืดยาดล่าช้าไม่ทันการณ์ หลายเรื่องที่คนทั่วไปเห็นผิดตำตาชัดเจน แต่กว่าจะตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ก็ทิ้งเวลายาวนานจนแทบจะลืมเลือนหายไป
และหลายเรื่องผู้กระทำผิดโดยเฉพาะนักการเมืองที่มีอิทธิพลก็ลอยนวลหรือหลบหนีไปเสพสุขในต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย โดยรัฐไม่ใส่ใจที่จะติดตามนำตัวมาลงโทษตามกบิลเมือง ทั้งที่รู้ถิ่นที่อยู่ของผู้กระทำผิดที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ มากมาย
สิ่งที่น่าวิตกกังวลยิ่งก็คือปรากฏการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลที่หลอกหลอนสังคมไทยอยู่ในขณะนี้ จะเป็นแบบอย่างทางไม่ดีที่ขัดขวางแนวทางการปฏิรูป และยากที่จะสร้างเบ้าหลอมที่ดีเพื่อหล่อหลอมเยาวชนไทยให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในอนาคต
โดยเฉพาะถ้าจะถกกันถึงเรื่องระบบการศึกษาไทยที่เป็นพื้นฐานสำคัญทางสังคม ก็จะยิ่งเห็นความฟอนเฟะเลอะเทอะถึงขั้นจะต้องรื้อระบบปฏิรูปกันขนานใหญ่จริงๆ จึงจะเยียวยาได้
บ่นบ้ากันไปก็เหนื่อยเปล่า ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ประคองสติอยู่กับมันไป อย่างผู้ตื่นรู้และเบิกบาน อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาเพิ่มเติมสะสมทับถมให้สังคมไทยอีกก็แล้วกัน
หลายวันก่อนผมเขียนบทกวีบอกเล่าบางส่วนปรากฏการณ์พิกลพิการของสังคมไทยให้ชื่อว่า
“โอ้...ประเทศไทย”
ธรรมกาย ขายน้ำมนต์ ขวดห้าหมื่น
คนยังตื่น ซื้อหา อย่างบ้าคลั่ง
ตั๋วจรวด สามแสนห้า นะจังงัง
แย่งกันจอง ที่นั่ง หวังท่องวิมาน
แถมค้อนทอง ไว้เคาะ ประตูสวรรค์
ก็เชื่อกัน หัวปักปำ ทุกคำขาน
เสียงนะจ๊ะ นะจ๊ะ ชวนทำทาน
เรียกเงินแสน เงินล้าน ท่วมจานบิน
จึงไม่แปลก สำหรับ ประเทศนี้
ที่จะมี ตุ๊กตาเทพ มาปอกปลิ้น
ปลุกเสก ตุ๊กตา ทำมาหากิน
คนก็สิ้นสติ จะไตร่ตรอง
ตุ๊กตาเทพ ธรรมกาย ไม่ต่างกัน
คือการปั่น ความเชื่อ ล้างสมอง
ศรัทธาแบบ ลุ่มหลง จึงจับจอง
ยึดครอง ประเทศนี้ อย่างปรีดา
อุ้มตุ๊กตาผี ขี่จรวด
ถือขวดน้ำ อมฤต ฮะฮะฮ่า
อีกมือถือ ค้อนวิเศษ สีทองทา
โอละเห่ โอละชา...ประเทศไทย!
ว.แหวนลงยา