ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
บ้านเมืองยังคงยักแย่ยักยันกับพิธีกรรมแต่งรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ของคณะรัฐประหาร ล่าสุดการแต่งได้เสร็จสิ้น มีทั้งหมด 270 มาตรา ก่อนนำเสนอใครต่อใครตามเส้นทางโรดแหม็บๆ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ สอบถามประชาชนว่าจะรับหรือไม่รับ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้มีโอกาสได้อ่าน ทำความเข้าใจว่าเนื้อหามีประโยชน์ สาระต่อชีวิตเป็นอย่างไร
ส่วนหนึ่งจะว่าไปตามกระแส เสียงร่ำลือ อีกส่วนก็จะว่าไปตามพรรคการเมืองที่ตัวเองชื่นชอบ ดูว่ามีสัญญาณว่าให้รับหรือไม่รับ โดยเฉพาะเสียงแนะนำจากพรรคใหญ่ซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรง ประชาชนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพิธีกรรมว่าจะเอาอย่างไร ถ้าไม่ผ่าน ก็จะมีทางเลือกอื่น
คุณท่านผู้นำจอมคำรามได้ประกาศก้องแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านก็มีทางเลือกให้เลือกตั้งจนได้ก็แล้วกัน อย่าห่วง! ว่าเข้านั่น มีการโยนหินถามทางเรื่องจะเอาร่างเน่าฉบับก่อนมาฟอกแล้วประกาศใช้ พอมีเสียงยี้ก็มีเสียงตอบมาทำนองว่า “ล้อเล่น” ของจริงน่าจะมาจากร่างโดยทหารนักกฎหมาย
ข้อความบทบัญญัติจะเข้มข้นอย่างไร ต้องรอดูว่าฉบับซึ่งแต่งกันเสร็จหมาดๆ จะผ่านหรือไม่ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่าจะมีประชามติหรือไม่ ก็ดันมีประเด็น “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” เสียแล้ว อันที่จริงความสงสัยเริ่มอยู่ที่ว่า จะมีประชามติอ๊ะป่าว หรือรัฐบาลนี้จะได้อยู่ยาวจนถึงวันทำประชามติมั้ย
คุณท่านผู้นำมาดลำพองคำรามฮึ่มๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ชุดสีเขียวฟังวันก่อนว่าใครอยากปฏิวัติก็เชิญ แสดงว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ข่าวโคมลอยหรือกระแสสังคมลมโชย มีความเคลื่อนไหวบางระดับแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณท่านผู้นำย่อมไม่ส่งเสียงขึงขังท้าทายว่าใครจะรัฐประหารก็เชิญ
อันที่จริง คุณท่านผู้นำใช้คำว่า “ปฏิวัติ” ซึ่งย่อมไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะประชาชนยังไร้พลังแข็งแกร่งที่จะปฏิวัติ ที่ผ่านมาล้วนเป็นการรัฐประหารโดยผู้กองทัพล้มรัฐบาลพลเรือนทั้งสิ้น ยิ่งเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะร่อแร่อย่างนี้ ยากมากที่จะหาเงินทุนสำรองมาใช้จ่ายทำรัฐประหาร
เรื่องรัฐประหารยึดอำนาจโดยใช้กำลังอย่างเป็นระบบเต็มรูปแบบนั้นชาวบ้านทั่วไปไร้ศักยภาพไม่มีกำลังทำเด็ดขาดเว้นแต่จะมีกองกำลังติดอาวุธ มีประชาชนหนุนเต็มที่และกองทัพวางเฉยยอมให้มีการล้มรัฐบาลซึ่งเป็นเป้าหมายของการเกลียดชังร่วมกัน แต่นั่นเกิดขึ้นยากแล้วในบ้านเรา
การที่คุณท่านผู้นำร้องท้าทายโหวกเหวกโวยวายนั้นย่อมสร้างความประหลาดใจให้ชาวบ้าน เพราะคุณท่านพูดเองเออเองในงานเดียวกันว่าพี่น้องในกองทัพสมัครสมานกลมเกลียวไม่แตกแยก แล้วจะมีข่าวเรื่องใครจะทำปฏิวัติรัฐประหารกันแน่หว่า หรือมีกลุ่มไหนเครื่องร้อนกะทันหัน?
เมื่อเช็คขุมกำลังแล้วก็ต้องดับเครื่องไว้ก่อน ขืนเดินหน้ามีหวังเละทั้ง 2 ฝ่ายงั้นเรอะ?!
เอาเถอะ เมื่อรัฐธรรมนูญเสร็จก็ว่ากันไป ให้ทุกอย่างเข้าที่สำหรับการเลือกตั้งกลางปีหน้าโน่น แต่ถึงเวลานั้นสถานการณ์มีเหตุแปรผัน เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ยังยากที่จะคาดเดา การเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ มักมีตัวแปรน่าประหลาดใจ เห็นท้องฟ้าแจ่มใส อยู่ดีๆ ดันมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา
จะมีอะไรเรอะ? แน่นอน เรื่องใหญ่ที่อาจเป็นอุปสรรค สร้างปัญหากะทันหันจนอาจเกิดเหตุพิสดารก็คือการใช้อำนาจพิเศษประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยมีมาตรการต่างๆ อวยสุดๆ กฎหมายผังเมือง สิ่งแวดล้อมอะไรต่างๆ ถูกกฎหมายพิเศษทำเดี้ยง
อีกเรื่องคือการคิดจะออกกฎหมายให้นักลงทุนต่างชาติเช่าที่ดินนาน 99 ปีนั่นไง!!
เรื่องนี้เป็นหนามตำใจประชาชน มีแต่เสียงก่นด่าประณามด้วยความไม่พอใจในทุกภาคส่วนของสังคมเว้นแต่พวกนักธุรกิจเจ้าสัวคนนั่งรอผลประโยชน์จากแผนซึ่งชาวบ้านเรียกว่าการขายชาติ ยกแผ่นดินให้ต่างชาติทั้งๆ ที่รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ชาวบ้านไม่ได้เลือกเข้ามา
ต้องระวังกระแสความไม่พอใจของชาวบ้านซึ่งคุกรุ่นอยู่แล้วอาจลามไปถึงจุดระเบิดก็ได้!
ยิ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเมืองธรรมดา คุณท่านผู้นำเคยประกาศว่าไม่ง้อคะแนนเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง ไม่ต้องเอาใจใคร ทำงานอย่างเดียว ก็ยิ่งทำให้สงสัยว่าฐานเสียงสนับสนุนทุกวันนี้มีอยู่หรือไม่ เป็นใคร มากมั้ย โพลล์ต่างๆ ที่สำรวจดูแล้ว ผลออกมาทำให้ใจแป้วจริงๆ
ความนิยมโดยรวมเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย เกิดสภาวะหลังเย็น หนาวๆ ร้อนๆ
ยิ่งความนิยมต่อรัฐบาลรูดมหาราชเช่นนี้ ดูแล้ววังเวงยิ่งนัก ถ้าหวังพึ่งพากองทัพคงมีความเสี่ยง เพราะกองทัพมืออาชีพของพระเจ้าอยู่หัวคงไม่มีใจ ความอดทน หนุนรัฐบาลไหนก็ตามที่ประชาชนเกลียดชัง ยิ่งไร้ผลงาน ไม่ฟังเสียงประชาชน มุ่งเอาใจต่างชาติ อุ้มชูคนรวย เมินคนจน ใครก็ไม่เอา
ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติอีกรอบ จะมีเสียงเรียกร้องให้พวกคุณท่านรับผิดชอบแน่ๆ เรียกร้องแค่เบาะๆ กันเอง คือ “ต้องลาออกประการเดียว” จะอ้างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น!
เรื่องที่ชาวบ้านพกความขมขื่น ผิดหวังกับรัฐบาลไม่เฉพาะมีเรื่องที่ว่ามา เรื่องชาวสวนยาง เหยื่อเหมืองทองขุมนรก เกษตรกรไร้ที่นาไร่ เหยื่อภัยแล้ง รวมทั้งรากหญ้าป่าคอนกรีตไร้ที่ทำกิน ล้วนอยู่ในสภาวะอกไหม้ไส้ขมทั้งสิ้น ทุกวันนี้ยังหาทางออกไม่ได้ จำเป็นต้องกล้ำกลืนกินคำมั่นสัญญาผ่านสื่อทุกเย็นย่ำค่ำเช้า
ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครในรัฐบาลบอกได้ว่าอนาคตของประเทศนี้เป็นอย่างไร เมื่อมีตัวแปร ตัวอุปสรรคซึ่งคุณท่านผู้นำรู้ดีว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดเป็นตัดตายก็ไม่ได้
รู้ทั้งรู้ว่านี่คือปัญหาของบ้านเมือง แต่ก็ยังทนอยู่รับสภาพแบบทุลักทุเล ผิดหลักการบริหารจัดการ ความเด็ดขาดหน้าฉาก แท้ที่จริงคือการไม่พยายามเด็ด ไม่ใช่เด็ดไม่ขาด
ถึงวาระที่ต้องถามตัวเองอย่างจริงจังแล้วว่า จะเอาอย่างไรระหว่างผลประโยชน์ของบ้านเมืองกับความเกรงใจไม่สิ้นสุดต่อระบบเพื่อนพ้องน้องพี่ จำเป็นต้องยอมให้กับความทะเยอทะยานของคนซึ่งจะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อทิศทาง ความอยู่รอดของบ้านเมืองเช่นนั้นหรือ
หรือแท้ที่จริงเป็นกลุ่มผลประโยชน์ด้วยกัน?!
คุณท่านก็รู้ว่าถ้าไม่ปฏิรูป บ้านเมืองหลังจากการเลือกตั้ง กุมอำนาจโดยกลุ่มเก่า จะมีวิกฤติเดิม อาจรุนแรงกว่าเก่า เพราะยังไม่ได้จัดการชำระสะสางปูทางเปลี่ยนโครงสร้างให้ถูกต้องมั่นคง
เสียงคำรามวันนี้ อาจเป็นเสียงคร่ำครวญอีกไม่นาน ถ้ายังไม่เอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นเป้าหมาย ผู้ทรยศต่อความไว้ใจของประชาชนมักไม่มีเส้นทางเดินอันสง่างาม ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ด้วยความอัปยศ ตัวอย่างเป็นๆ มีให้เห็นแล้วนี่
โดย โสภณ องค์การณ์
บ้านเมืองยังคงยักแย่ยักยันกับพิธีกรรมแต่งรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ของคณะรัฐประหาร ล่าสุดการแต่งได้เสร็จสิ้น มีทั้งหมด 270 มาตรา ก่อนนำเสนอใครต่อใครตามเส้นทางโรดแหม็บๆ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ สอบถามประชาชนว่าจะรับหรือไม่รับ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้มีโอกาสได้อ่าน ทำความเข้าใจว่าเนื้อหามีประโยชน์ สาระต่อชีวิตเป็นอย่างไร
ส่วนหนึ่งจะว่าไปตามกระแส เสียงร่ำลือ อีกส่วนก็จะว่าไปตามพรรคการเมืองที่ตัวเองชื่นชอบ ดูว่ามีสัญญาณว่าให้รับหรือไม่รับ โดยเฉพาะเสียงแนะนำจากพรรคใหญ่ซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรง ประชาชนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพิธีกรรมว่าจะเอาอย่างไร ถ้าไม่ผ่าน ก็จะมีทางเลือกอื่น
คุณท่านผู้นำจอมคำรามได้ประกาศก้องแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านก็มีทางเลือกให้เลือกตั้งจนได้ก็แล้วกัน อย่าห่วง! ว่าเข้านั่น มีการโยนหินถามทางเรื่องจะเอาร่างเน่าฉบับก่อนมาฟอกแล้วประกาศใช้ พอมีเสียงยี้ก็มีเสียงตอบมาทำนองว่า “ล้อเล่น” ของจริงน่าจะมาจากร่างโดยทหารนักกฎหมาย
ข้อความบทบัญญัติจะเข้มข้นอย่างไร ต้องรอดูว่าฉบับซึ่งแต่งกันเสร็จหมาดๆ จะผ่านหรือไม่ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่าจะมีประชามติหรือไม่ ก็ดันมีประเด็น “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” เสียแล้ว อันที่จริงความสงสัยเริ่มอยู่ที่ว่า จะมีประชามติอ๊ะป่าว หรือรัฐบาลนี้จะได้อยู่ยาวจนถึงวันทำประชามติมั้ย
คุณท่านผู้นำมาดลำพองคำรามฮึ่มๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ชุดสีเขียวฟังวันก่อนว่าใครอยากปฏิวัติก็เชิญ แสดงว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ข่าวโคมลอยหรือกระแสสังคมลมโชย มีความเคลื่อนไหวบางระดับแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณท่านผู้นำย่อมไม่ส่งเสียงขึงขังท้าทายว่าใครจะรัฐประหารก็เชิญ
อันที่จริง คุณท่านผู้นำใช้คำว่า “ปฏิวัติ” ซึ่งย่อมไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะประชาชนยังไร้พลังแข็งแกร่งที่จะปฏิวัติ ที่ผ่านมาล้วนเป็นการรัฐประหารโดยผู้กองทัพล้มรัฐบาลพลเรือนทั้งสิ้น ยิ่งเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะร่อแร่อย่างนี้ ยากมากที่จะหาเงินทุนสำรองมาใช้จ่ายทำรัฐประหาร
เรื่องรัฐประหารยึดอำนาจโดยใช้กำลังอย่างเป็นระบบเต็มรูปแบบนั้นชาวบ้านทั่วไปไร้ศักยภาพไม่มีกำลังทำเด็ดขาดเว้นแต่จะมีกองกำลังติดอาวุธ มีประชาชนหนุนเต็มที่และกองทัพวางเฉยยอมให้มีการล้มรัฐบาลซึ่งเป็นเป้าหมายของการเกลียดชังร่วมกัน แต่นั่นเกิดขึ้นยากแล้วในบ้านเรา
การที่คุณท่านผู้นำร้องท้าทายโหวกเหวกโวยวายนั้นย่อมสร้างความประหลาดใจให้ชาวบ้าน เพราะคุณท่านพูดเองเออเองในงานเดียวกันว่าพี่น้องในกองทัพสมัครสมานกลมเกลียวไม่แตกแยก แล้วจะมีข่าวเรื่องใครจะทำปฏิวัติรัฐประหารกันแน่หว่า หรือมีกลุ่มไหนเครื่องร้อนกะทันหัน?
เมื่อเช็คขุมกำลังแล้วก็ต้องดับเครื่องไว้ก่อน ขืนเดินหน้ามีหวังเละทั้ง 2 ฝ่ายงั้นเรอะ?!
เอาเถอะ เมื่อรัฐธรรมนูญเสร็จก็ว่ากันไป ให้ทุกอย่างเข้าที่สำหรับการเลือกตั้งกลางปีหน้าโน่น แต่ถึงเวลานั้นสถานการณ์มีเหตุแปรผัน เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ยังยากที่จะคาดเดา การเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ มักมีตัวแปรน่าประหลาดใจ เห็นท้องฟ้าแจ่มใส อยู่ดีๆ ดันมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา
จะมีอะไรเรอะ? แน่นอน เรื่องใหญ่ที่อาจเป็นอุปสรรค สร้างปัญหากะทันหันจนอาจเกิดเหตุพิสดารก็คือการใช้อำนาจพิเศษประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยมีมาตรการต่างๆ อวยสุดๆ กฎหมายผังเมือง สิ่งแวดล้อมอะไรต่างๆ ถูกกฎหมายพิเศษทำเดี้ยง
อีกเรื่องคือการคิดจะออกกฎหมายให้นักลงทุนต่างชาติเช่าที่ดินนาน 99 ปีนั่นไง!!
เรื่องนี้เป็นหนามตำใจประชาชน มีแต่เสียงก่นด่าประณามด้วยความไม่พอใจในทุกภาคส่วนของสังคมเว้นแต่พวกนักธุรกิจเจ้าสัวคนนั่งรอผลประโยชน์จากแผนซึ่งชาวบ้านเรียกว่าการขายชาติ ยกแผ่นดินให้ต่างชาติทั้งๆ ที่รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ชาวบ้านไม่ได้เลือกเข้ามา
ต้องระวังกระแสความไม่พอใจของชาวบ้านซึ่งคุกรุ่นอยู่แล้วอาจลามไปถึงจุดระเบิดก็ได้!
ยิ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเมืองธรรมดา คุณท่านผู้นำเคยประกาศว่าไม่ง้อคะแนนเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง ไม่ต้องเอาใจใคร ทำงานอย่างเดียว ก็ยิ่งทำให้สงสัยว่าฐานเสียงสนับสนุนทุกวันนี้มีอยู่หรือไม่ เป็นใคร มากมั้ย โพลล์ต่างๆ ที่สำรวจดูแล้ว ผลออกมาทำให้ใจแป้วจริงๆ
ความนิยมโดยรวมเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย เกิดสภาวะหลังเย็น หนาวๆ ร้อนๆ
ยิ่งความนิยมต่อรัฐบาลรูดมหาราชเช่นนี้ ดูแล้ววังเวงยิ่งนัก ถ้าหวังพึ่งพากองทัพคงมีความเสี่ยง เพราะกองทัพมืออาชีพของพระเจ้าอยู่หัวคงไม่มีใจ ความอดทน หนุนรัฐบาลไหนก็ตามที่ประชาชนเกลียดชัง ยิ่งไร้ผลงาน ไม่ฟังเสียงประชาชน มุ่งเอาใจต่างชาติ อุ้มชูคนรวย เมินคนจน ใครก็ไม่เอา
ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติอีกรอบ จะมีเสียงเรียกร้องให้พวกคุณท่านรับผิดชอบแน่ๆ เรียกร้องแค่เบาะๆ กันเอง คือ “ต้องลาออกประการเดียว” จะอ้างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น!
เรื่องที่ชาวบ้านพกความขมขื่น ผิดหวังกับรัฐบาลไม่เฉพาะมีเรื่องที่ว่ามา เรื่องชาวสวนยาง เหยื่อเหมืองทองขุมนรก เกษตรกรไร้ที่นาไร่ เหยื่อภัยแล้ง รวมทั้งรากหญ้าป่าคอนกรีตไร้ที่ทำกิน ล้วนอยู่ในสภาวะอกไหม้ไส้ขมทั้งสิ้น ทุกวันนี้ยังหาทางออกไม่ได้ จำเป็นต้องกล้ำกลืนกินคำมั่นสัญญาผ่านสื่อทุกเย็นย่ำค่ำเช้า
ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครในรัฐบาลบอกได้ว่าอนาคตของประเทศนี้เป็นอย่างไร เมื่อมีตัวแปร ตัวอุปสรรคซึ่งคุณท่านผู้นำรู้ดีว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดเป็นตัดตายก็ไม่ได้
รู้ทั้งรู้ว่านี่คือปัญหาของบ้านเมือง แต่ก็ยังทนอยู่รับสภาพแบบทุลักทุเล ผิดหลักการบริหารจัดการ ความเด็ดขาดหน้าฉาก แท้ที่จริงคือการไม่พยายามเด็ด ไม่ใช่เด็ดไม่ขาด
ถึงวาระที่ต้องถามตัวเองอย่างจริงจังแล้วว่า จะเอาอย่างไรระหว่างผลประโยชน์ของบ้านเมืองกับความเกรงใจไม่สิ้นสุดต่อระบบเพื่อนพ้องน้องพี่ จำเป็นต้องยอมให้กับความทะเยอทะยานของคนซึ่งจะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อทิศทาง ความอยู่รอดของบ้านเมืองเช่นนั้นหรือ
หรือแท้ที่จริงเป็นกลุ่มผลประโยชน์ด้วยกัน?!
คุณท่านก็รู้ว่าถ้าไม่ปฏิรูป บ้านเมืองหลังจากการเลือกตั้ง กุมอำนาจโดยกลุ่มเก่า จะมีวิกฤติเดิม อาจรุนแรงกว่าเก่า เพราะยังไม่ได้จัดการชำระสะสางปูทางเปลี่ยนโครงสร้างให้ถูกต้องมั่นคง
เสียงคำรามวันนี้ อาจเป็นเสียงคร่ำครวญอีกไม่นาน ถ้ายังไม่เอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นเป้าหมาย ผู้ทรยศต่อความไว้ใจของประชาชนมักไม่มีเส้นทางเดินอันสง่างาม ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ด้วยความอัปยศ ตัวอย่างเป็นๆ มีให้เห็นแล้วนี่