"นายกฯ" เตรียมตั้งราคากลางค่าขนส่ง หลังราคาน้ำมันลดต่อเนื่อง ชวนสื่อศึกษาผลิตภัณฑ์ยางพารามาจัดแสดงทำเนียบฯ ศึกษาเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำยางในการทำถนน หวั่นใช้เงินเซส ซื้อยางผิดกฎหมาย "ฉัตรชัย" ถก"วิษณุ" แก้ข้อขัดข้องทางกฎหมาย ช่วยชาวสวนยาง จ่อชงครม.วันนี้ ด้านประธานบอร์ด อคส. ประชุมเคาะปริมาณรับซื้อยางแต่ละกระทรวง ยันทุกส่วนราชการตอบรับดี ไม่ซื้อมาเก็บแน่
วานนี้ (18 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง นโยบายเกี่ยวกับการลดค่าขนส่ง หลังราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่องว่า เราต้องทำราคากลางใหม่ทั้งหมด เพราะค่าขนส่งเกี่ยวพันกับเรื่องการก่อสร้างด้วย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังปรับราคากลางอยู่ โดยจะต้องดูว่า ราคาขนส่งที่ลดไป เราสามารถไปเสริมส่วนอื่นได้หรือไม่ เช่น เรื่องยางพารา ที่เราทำถนนโดยเพิ่มสัดส่วนของยางพาราเข้าไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเพิ่มราคาต้นทุนอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่ขณะนี้เรายังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะยังประมาณการสูงกว่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องดูว่าหากเราปรับงบประมาณการทำถนนตามราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนต่างตรงนี้เราก็นำมาอุดหนุนยางเพื่อไปผสมในผลประกอบการทำถนน จะทำได้หรือไม่ ซึ่งเราต้องสร้างวงจรการผลิตที่เข็มแข็งขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ในวันนี้ (19ม.ค.) ก่อนการประชุมครม. จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และการใช้ประโยชน์จากยางพารา ที่ทำเนียบฯ ซึ่งมีทั้งนักวิจัย นักพัฒนา รวมถึงผู้ประกอบการ ที่นำตัวอย่างมาให้เราดูงาน เพราะในวันนี้เราให้ 8 กระทรวง ให้เขามาใช้ประโยชน์ แต่เขาไปสร้างเองไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีบริษัทผลิตเอง ต้องไปจ้างบริษัทก่อสร้างมาทำ เราต้องมีการศึกษาว่า ของที่เขาทำมา ขนาดเท่าไหร่ แผ่นยางเท่าไหร่ เขาจะได้ไปเขียนขอบเขตงาน (ทีโออาร์) เพื่อไปจัดหาผู้ก่อสร้างมาซื้อของพวกนี้ ไม่ใช่ให้กระทรวงควักเงินมาซื้อน้ำยาง แบบนั้นไม่ใช่ เราต้องคิดให้มันครบๆหน่อยรวมถึงผู้ประกอบการ ที่นำตัวอย่างมาให้เราเห็น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตนพยายามสร้างการรับรู้ ตนจึงอยากให้ทุกคนมาติดตามเพราะหากมาถามตนตลอดตนก็จะได้แต่เรื่องที่สื่อถาม จึงอยากให้สื่อมาทำความเข้าใจก่อน
" วันนี้เรามาแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ต้องแก้ที่ต้นทางคือ ตัวเกษตรกร ในระยะที่ 1 เพราะหากเราเร่งซื้อทีเดียวจนเละไปหมดแบบนั้นไม่สามารถทำได้ จึงต้องขอความร่วมมือไปก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างกลไกการผลิตต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา และกำลังหาวิธีที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการบิดเบือน เพราะเราต้องการให้เกิดการช่วยเหลืองเกษตรกร และคงไม่ใช่ทุกคน ทุกต้น ทุกกิโลกรัม แบบนั้นไม่ใช่ เดี๋ยวจะผิดกฎหมาย ส่วนหนึ่งในระยะแรกนำเข้ามา และอาจจะต้องใช้วิธีการในการเอาบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้ โดยเราเอาต้นทุนไปให้เขา เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ผลิตได้หรือไม่ แล้วก็นำมาขายกับคนของเรา คล้ายเป็นคนรับจ้างเราผลิต จะได้ไม่ถูกแอบอ้างอะไร จนไปมีผลกับคดีนั้น คดีนี้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ เรื่องอะไรที่เราจะไปทำให้เกิดปัญหาอีกเล่า เพราะจะแก้ไขต้องไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ต่อไป" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่จะใช้รับซื้อยางพาราในราคากก.ละ 45 บาท ของรัฐบาลจะนำมาจากที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีเงินจากค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง หรือ เซส เริ่มต้นก่อนเท่าที่มีอยู่ แต่คงนำมาใช้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้ไม่ได้ขึ้นมา ก็ต้องขอรับการสนับสนุนขึ้นมาที่รัฐบาลให้เพิ่มเติมก็เหมือนกับที่รัฐบาลให้กับโครงการอื่นๆ ต้องไปดูตรงนั้น ถ้ามาจับผิด จับถูก มันก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องดูว่าอะไรจะทำได้บ้าง ที่ไม่ผิดกฎหมาย เราระวัง กลัวกฎหมาย ถึงจะมีอำนาจเต็มก็กลัวกฎหมาย ใครไม่กลัวบ้าง
เมื่อเช้าววานนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงข้อขัดข้องทางกฎหมาย ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังหารือ นายวิษณุ เปิดเผยว่า เป็นการพูดคุยถึงการดำเนินการในการแก้ไขปัญหายาง แต่ยังไม่ขอตอบว่าเป็นปัญหาอะไร เพราะเตรียมจะรายงานให้ที่ประชุม ครม. ทราบในวันที่ 19 ม.ค.นี้ก่อน
อคส.ถกปริมาณรับซื้อยางแต่ละกระทรวง
ด้าน พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหายางพาราเป็นการเร่งด่วน ได้ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า เรื่องความต้องการใช้ยางของ 8 กระทรวง โดยมีตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และอคส. เข้าร่วมโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวว่า จากการประชุมครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าความต้องการยางที่ส่วนราชการจะรับซื้อค่อนข้างไม่ตรงกับแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาไว้ จึงให้ส่วนราชการทบทวนเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยาง ซึ่งในการประชุมส่วนราชการจะต้องตอบว่า ตามแผนงานโครงการที่ได้รับในปี 59 มีงานอะไรบ้าง ที่จะใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ จะหารือว่าจะทำอย่างไรให้มีการนำยางมาใช้ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม โดยจะไม่ซื้อมาเก็บ แต่จะซื้อแล้วส่งต่อไปยังกระบวนการแปรรูปหรือกระบวนการผลิตของแต่ละกระทรวง
ต่อมาพล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวถึงผลการประชุมว่า ได้รับทราบรายละเอียดความต้องการยางของทุกส่วนราชการ โดยมีการตอบรับที่ดี ซึ่งตัวเลขที่จะซื้อจะมีจำนวนมาก เพียงพอต่อการรับซื้อจากเกษตรกร โดยแต่ละส่วนราชการมีความต้องการประเภทของยางแตกต่างกัน เช่น ยางแผ่น น้ำยาง เป็นต้น ส่วนราคาที่จะรับซื้อ นอกเหนือจากยางแผ่นดิบราคา 45 ต่อกก. ในส่วนของประเภทอื่นยังไม่ได้กำหนดราคา แต่เมื่อกำหนดราคายางแผ่นดิบ จะดึงราคาของประเภทอื่นขึ้นตามไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ในการประชุมครม.วันนี้ จะมีการพิจารณารายละเอียดในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งราคารับซื้อ
วานนี้ (18 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง นโยบายเกี่ยวกับการลดค่าขนส่ง หลังราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่องว่า เราต้องทำราคากลางใหม่ทั้งหมด เพราะค่าขนส่งเกี่ยวพันกับเรื่องการก่อสร้างด้วย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังปรับราคากลางอยู่ โดยจะต้องดูว่า ราคาขนส่งที่ลดไป เราสามารถไปเสริมส่วนอื่นได้หรือไม่ เช่น เรื่องยางพารา ที่เราทำถนนโดยเพิ่มสัดส่วนของยางพาราเข้าไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเพิ่มราคาต้นทุนอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่ขณะนี้เรายังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะยังประมาณการสูงกว่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องดูว่าหากเราปรับงบประมาณการทำถนนตามราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนต่างตรงนี้เราก็นำมาอุดหนุนยางเพื่อไปผสมในผลประกอบการทำถนน จะทำได้หรือไม่ ซึ่งเราต้องสร้างวงจรการผลิตที่เข็มแข็งขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ในวันนี้ (19ม.ค.) ก่อนการประชุมครม. จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และการใช้ประโยชน์จากยางพารา ที่ทำเนียบฯ ซึ่งมีทั้งนักวิจัย นักพัฒนา รวมถึงผู้ประกอบการ ที่นำตัวอย่างมาให้เราดูงาน เพราะในวันนี้เราให้ 8 กระทรวง ให้เขามาใช้ประโยชน์ แต่เขาไปสร้างเองไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีบริษัทผลิตเอง ต้องไปจ้างบริษัทก่อสร้างมาทำ เราต้องมีการศึกษาว่า ของที่เขาทำมา ขนาดเท่าไหร่ แผ่นยางเท่าไหร่ เขาจะได้ไปเขียนขอบเขตงาน (ทีโออาร์) เพื่อไปจัดหาผู้ก่อสร้างมาซื้อของพวกนี้ ไม่ใช่ให้กระทรวงควักเงินมาซื้อน้ำยาง แบบนั้นไม่ใช่ เราต้องคิดให้มันครบๆหน่อยรวมถึงผู้ประกอบการ ที่นำตัวอย่างมาให้เราเห็น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตนพยายามสร้างการรับรู้ ตนจึงอยากให้ทุกคนมาติดตามเพราะหากมาถามตนตลอดตนก็จะได้แต่เรื่องที่สื่อถาม จึงอยากให้สื่อมาทำความเข้าใจก่อน
" วันนี้เรามาแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ต้องแก้ที่ต้นทางคือ ตัวเกษตรกร ในระยะที่ 1 เพราะหากเราเร่งซื้อทีเดียวจนเละไปหมดแบบนั้นไม่สามารถทำได้ จึงต้องขอความร่วมมือไปก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างกลไกการผลิตต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา และกำลังหาวิธีที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการบิดเบือน เพราะเราต้องการให้เกิดการช่วยเหลืองเกษตรกร และคงไม่ใช่ทุกคน ทุกต้น ทุกกิโลกรัม แบบนั้นไม่ใช่ เดี๋ยวจะผิดกฎหมาย ส่วนหนึ่งในระยะแรกนำเข้ามา และอาจจะต้องใช้วิธีการในการเอาบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้ โดยเราเอาต้นทุนไปให้เขา เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ผลิตได้หรือไม่ แล้วก็นำมาขายกับคนของเรา คล้ายเป็นคนรับจ้างเราผลิต จะได้ไม่ถูกแอบอ้างอะไร จนไปมีผลกับคดีนั้น คดีนี้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ เรื่องอะไรที่เราจะไปทำให้เกิดปัญหาอีกเล่า เพราะจะแก้ไขต้องไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ต่อไป" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่จะใช้รับซื้อยางพาราในราคากก.ละ 45 บาท ของรัฐบาลจะนำมาจากที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีเงินจากค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง หรือ เซส เริ่มต้นก่อนเท่าที่มีอยู่ แต่คงนำมาใช้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้ไม่ได้ขึ้นมา ก็ต้องขอรับการสนับสนุนขึ้นมาที่รัฐบาลให้เพิ่มเติมก็เหมือนกับที่รัฐบาลให้กับโครงการอื่นๆ ต้องไปดูตรงนั้น ถ้ามาจับผิด จับถูก มันก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องดูว่าอะไรจะทำได้บ้าง ที่ไม่ผิดกฎหมาย เราระวัง กลัวกฎหมาย ถึงจะมีอำนาจเต็มก็กลัวกฎหมาย ใครไม่กลัวบ้าง
เมื่อเช้าววานนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงข้อขัดข้องทางกฎหมาย ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังหารือ นายวิษณุ เปิดเผยว่า เป็นการพูดคุยถึงการดำเนินการในการแก้ไขปัญหายาง แต่ยังไม่ขอตอบว่าเป็นปัญหาอะไร เพราะเตรียมจะรายงานให้ที่ประชุม ครม. ทราบในวันที่ 19 ม.ค.นี้ก่อน
อคส.ถกปริมาณรับซื้อยางแต่ละกระทรวง
ด้าน พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหายางพาราเป็นการเร่งด่วน ได้ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า เรื่องความต้องการใช้ยางของ 8 กระทรวง โดยมีตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และอคส. เข้าร่วมโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวว่า จากการประชุมครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าความต้องการยางที่ส่วนราชการจะรับซื้อค่อนข้างไม่ตรงกับแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาไว้ จึงให้ส่วนราชการทบทวนเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยาง ซึ่งในการประชุมส่วนราชการจะต้องตอบว่า ตามแผนงานโครงการที่ได้รับในปี 59 มีงานอะไรบ้าง ที่จะใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ จะหารือว่าจะทำอย่างไรให้มีการนำยางมาใช้ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม โดยจะไม่ซื้อมาเก็บ แต่จะซื้อแล้วส่งต่อไปยังกระบวนการแปรรูปหรือกระบวนการผลิตของแต่ละกระทรวง
ต่อมาพล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวถึงผลการประชุมว่า ได้รับทราบรายละเอียดความต้องการยางของทุกส่วนราชการ โดยมีการตอบรับที่ดี ซึ่งตัวเลขที่จะซื้อจะมีจำนวนมาก เพียงพอต่อการรับซื้อจากเกษตรกร โดยแต่ละส่วนราชการมีความต้องการประเภทของยางแตกต่างกัน เช่น ยางแผ่น น้ำยาง เป็นต้น ส่วนราคาที่จะรับซื้อ นอกเหนือจากยางแผ่นดิบราคา 45 ต่อกก. ในส่วนของประเภทอื่นยังไม่ได้กำหนดราคา แต่เมื่อกำหนดราคายางแผ่นดิบ จะดึงราคาของประเภทอื่นขึ้นตามไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ในการประชุมครม.วันนี้ จะมีการพิจารณารายละเอียดในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งราคารับซื้อ