นายกรัฐมนตรี เล็งเพิ่มยางพาราทำถนน 5% แต่ยังประมาณสูงกว่าเดิม จ่อปรับงบประมาณตามราคาน้ำมันที่ลดลง แล้วเอาส่วนต่างอุดหนุนยาง สร้างวงจรการผลิต เผย พรุ่งนี้ก่อนประชุม ครม. จัดแสดงผลิตภัณฑ์ ให้ 8 กระทรวงไปเขียนทีโออาร์ ย้ำ ต้องแก้ที่เกษตรกร ลังเลใช้เงินเซสซื้อยาง 45 บาท หวั่นผิดกฎหมาย ด้านที่ประชุมคณะทำงาน ประธาน อคส. แจงเคาะปริมาณรับซื้อยางแต่ละกระทรวง โวตัวเลขเพียบ
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ ว่า เรื่องยางพาราที่เราทำถนนโดยเพิ่มสัดส่วนของยางพาราเข้าไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเพิ่มราคาต้นทุนอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่ขณะนี้เรายังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะยังประมาณสูงกว่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องดูว่าหากเราปรับงบประมาณการทำถนนตามราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนต่างตรงนี้เราก็นำมาอุดหนุนยางเพื่อไปผสมในผลประกอบการทำถนนจะทำได้หรือไม่ ซึ่งเราต้องสร้างวงจรการผลิตที่เข็มแข็งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 19 ม.ค. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และการใช้ประโยชน์จากยางพาราที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีทั้งนักวิจัย นักพัฒนา รวมถึงผู้ประกอบการที่นำตัวอย่างมาให้เราดูงาน เพราะในวันนี้เราให้ 8 กระทรวงให้เขามาใช้ประโยชน์ แต่เขาไปสร้างเองไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีบริษัทผลิตเอง ต้องไปจ้างบริษัทก่อสร้างมาทำ เราต้องมีศึกษาว่าของที่เขาทำมาขนาดเท่าไหร่ แผ่นยางเท่าไหร่ เขาจะได้ไปเขียนขอบเขตงาน (ทีโออาร์) เพื่อไปจัดหาผู้ก่อสร้างมาซื้อของพวกนี้ ไม่ใช่ให้กระทรวงควักเงินมาซื้อน้ำยาง แบบนั้นไม่ใช่เราต้องคิดให้มันครบ ๆ หน่อย รวมถึงผู้ประกอบการที่นำตัวอย่างมาให้เราเห็น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตนพยายามสร้างการรับรู้ ตนจึงอยากให้ทุกคนมาติดตามเพราะหากมาถามตนตลอดตนก็จะได้แต่เรื่องที่สื่อถาม จึงอยากให้สื่อมาทำความเข้าใจก่อน
“วันนี้เรามาแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ต้องแก้ที่ต้นทาง คือ ตัวเกษตรกรในระยะที่ 1 เพราะหากเราเร่งซื้อทีเดียวจนเละไปหมดแบบนั้นไม่สามารถทำได้ จึงต้องขอความร่วมมือไปก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างกลไกการผลิตต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้นมา และกำลังหาวิธีที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการบิดเบือน เพราะเราต้องการให้เกิดการช่วยเหลืองเกษตรกร และคงไม่ใช่ทุกคน ทุกต้น ทุกกิโลกรัม แบบนั้นไม่ใช่ เดี๋ยวจะผิดกฎหมาย ส่วนหนึ่งในระยะแรกน้ำเข้ามา และอาจจะต้องใช้วิธีการในการเอาบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้โดยเราเอาต้นทุนไปให้เขาเพื่อให้บริษัทเป็นผู้ผลิตได้หรือไม่ แล้วก็นำมาขายกับคนของเรา คล้ายเป็นคนรับจ้างเราผลิต จะได้ไม่ถูกแอบอ้างอะไร จนไปมีผลกับคดีนั้นคดีนี้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ เรื่องอะไรที่เราจะไปทำให้เกิดปัญหาอีกเล่า เพราะจะแก้ไขต้องไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ต่อไป” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า งบประมาณที่จะใช้รับซื้อยางพาราในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ของรัฐบาลจะนำมาจากที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีเงินจากค่าธรรมเนียมการส่งออกยางหรือเซส เริ่มต้นก่อนเท่าที่มีอยู่แต่คงนำมาใช้ไม่ได้ทั้งหมดหรอก แต่ถ้าใช้ไม่ได้ขึ้นมา ก็ต้องขอรับการสนับสนุนขึ้นมา ที่รัฐบาลให้เพิ่มเติมก็เหมือนกับที่รัฐบาลให้กับโครงการอื่น ๆ ต้องไปดูตรงนั้น ถ้ามาไปจับผิดจับถูกมันก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องดูว่าอะไรจะทำได้บ้างที่ไม่ผิดกฎหมาย เราระวังตนกลัวกฎหมายถึงจะมีอำนาจเต็มก็กลัวกฎหมาย ใครไม่กลัว เข้าใจยัง ฉลาดกว่าตนทั้งนั้น เรียนก็สูง
อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหายางพาราเป็นการเร่งด่วน ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องความต้องการใช้ยางของ 8 กระทรวง โดยมีตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และ อคส. เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
โดย พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่าความต้องการยางที่ส่วนราชการจะรับซื้อค่อนข้างไม่ตรงกับแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีบัญชาไว้ จึงให้ส่วนราชการทบทวนเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยาง ซึ่งในการประชุมส่วนราชการจะต้องตอบว่าตามแผนงานโครงการที่ได้รับในปี 59 มีงานอะไรบ้างที่จะใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ จะหารือว่าจะทำอย่างไรให้มีการนำยางมาใช้ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม โดยจะไม่ซื้อมาเก็บ แต่จะซื้อแล้วส่งต่อไปยังกระบวนการแปรรูปหรือกระบวนการผลิตของแต่ละกระทรวง
ต่อมา พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวถึงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายละเอียดความต้องการยางของทุกส่วนราชการ โดยมีการตอบรับที่ดี ซึ่งตัวเลขที่จะซื้อจะมีจำนวนมาก เพียงพอต่อการรับซื้อจากเกษตรกร โดยแต่ละส่วนราชการมีความต้องการประเภทของยางแตกต่างกัน เช่น ยางแผ่น น้ำยาง เป็นต้น ส่วนราคาที่จะรับซื้อนอกเหนือจากยางแผ่นดิบราคา 45 บาทต่อกิโลกรัม ในส่วนของประเภทอื่นยังไม่ได้กำหนดราคา แต่เมื่อกำหนดราคายางแผ่นดิบจะดึงราคาของประเภทอื่นขึ้นตามไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ในการประชุม ครม. วันที่ 19 ม.ค. จะมีการพิจารณารายละเอียดในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งราคารับซื้อ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 19 ม.ค. ก่อนการประชุม ครม. นายกฯ จะเดินชมนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์และการใช้ประโยชน์จากยางพารา ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำมาจัดมาแสดงเอาไว้ภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล