ผู้จัดการรายวัน360-มหาเถรสมาคม ส่งมติเลือก "สมเด็จพระสังฆราช" ให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติลงนามแล้ว คาดเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดเป็น "วิษณุ"ตีตราประทับ หากเสนอ "สมเด็จช่วง" เป็นพระสังฆราช แล้วมีมติรับรองถูกต้อง เรื่องก็จบ เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ชอบไม่ชอบควรเก็บไว้ในใจ "พุทธะอิสระ"เผยศึกนี้ไม่ได้สู้เพื่อชิงอำนาจ แต่ต้องการปกป้องศาสนา ด้าน "ไพบูลย์"ย้ำอีก หากยอม ศาสนาพุทธจะถูกธรรมกายยึดอำนาจ
นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า มหาเถรสมาคม (มส.) ได้แจ้งมติการประชุมลับนัดพิเศษเมื่อวันที่ 5 ม.ค.2559 มายัง พศ. แล้ว โดยการประชุมนัดดังกล่าว กรรมการ มส. ซึ่งมาครบทุกรูปยกเว้นองค์ที่อาพาธ ได้ลงมติเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่จะสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 จากนั้น ในการประชุมมส.นัดปกติเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้รับรองมติการประชุมลับ วันที่ 5 ม.ค. เรื่องการประชุมวาระพิเศษ และเพิ่งจะแจ้งเรื่องมาทาง พศ. ซึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขาธิการของ มส.
"เจ้าหน้าที่ของ พศ. กำลังตรวจสอบความถูกต้องของถ้อยคำที่จะจัดทำเป็นมติ มส. เพื่อเสนอนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการ พศ. ลงนาม ซึ่งโดยปกติแล้ว ผอ.พศ. จะต้องเป็นผู้ลงนามในมติ มส. ทุกเรื่อง จากนั้นจะนำเสนอไปตามขั้นตอน ผ่านทางนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ. และนายกรัฐมนตรี ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะเสนอโดยเร็ว คาดว่า จะเสนอให้นายพนมลงนามได้ในวันนี้"นายชยพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มติ มส. เสนอสมเด็จพระราชาคณะองค์ใดเป็นสมเด็จพระสังฆราช หลังจากที่นายพนม ลงนามแล้ว ถึงจะเปิดเผยชื่อได้ แต่โดยหลักการ มส. ต้องเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) ประชุมลับ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. พร้อมมีมติเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ว่า ประชุมทุกครั้งก็ลับทั้งนั้น ลับหรือไม่ลับ จึงไม่มีความแตกต่าง ปัญหาคือ วาระที่ประชุมบอกให้คนรู้ก่อนหรือไม่ สมมติถ้าทำไปแล้วจริง อาจจะตื่นเต้น เพราะไม่คาดว่าจะเกิดอย่างนั้นอีกเรื่อง แต่ทำไมเขาต้องไปบอกใคร เพราะอย่างน้อยก็ต้องบอกกันเอง ไม่เช่นนั้นกรรรมการ มส. จะมาประชุมได้หรือ ส่วนจะครบองค์ประชุมหรือไม่ ตนไม่ทราบ และหากมีมติใดออกมา ก็สามารถเสนอมายังรัฐบาลได้ ถ้าการประชุมมีมติรับรองถูกต้อง มันก็จบ จะมีอะไรไปหัก ไปโค่น ไม่ถูก
ทั้งนี้ ตามขั้นตอน หากรัฐบาลได้รับรายชื่อมา จะต้องตรวจสอบว่ากระบวนในการพิจารณาเสนอชื่อมาทำถูกหรือไม่ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่ไม่มีหน้าที่ไปดูความประพฤติ หรือความเหมาะสม เพราะเรื่องนี้ไม่มีอำนาจ แต่ถ้ามีคำถามใดมาก็ตาม รัฐบาลต้องตอบได้ว่า ทำไมถึงทำเช่นนั้น แต่ขณะนี้ยัง อย่าไปเตรียมตอบ เพราะไม่รู้จะเจอคำถามอะไร
ส่วนการตั้งรักษาการไปก่อน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่นั้น ตนไม่ขอตอบ ตอบแบบนั้น มันอคติ ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้น พูดด้วยความเห็นกลางว่า ถ้ายังทะเลาะ ขัดแย้งกันอยู่ รัฐบาลจะไม่นำสิ่งซึ่งเป็นความขัดแย้งขึ้นไปกราบบังคมทูลฯ เพราะถ้าฝ่าฟันทุกอย่างแล้วกราบบังคมทูลฯ ขึ้นไป คนที่ขัดแย้งตามไปคัดค้าน สำนักราชเลขาธิการ ก็ต้องส่งกลับมาอยู่ดีว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
"เรื่องนี้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ตามที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยความเห็นชอบของ มส. ซึ่งจะต้องเสนอเห็นชอบ สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ แล้วจะมาพูดเป็นอย่างอื่นให้มันยุ่งทำไม วันนี้เราบอกสมเด็จวัดปากน้ำ ท่านอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ถ้าไม่ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำ แล้วจะตั้งใคร ไม่ชอบสมเด็จวัดปากน้ำไม่ว่า แต่ถ้าไม่ตั้ง แล้วไปตั้งใคร หมายถึง จะตั้งโดยให้ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งกำหนดว่าเป็นสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้" นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวด้วยว่า หลายครั้งที่ตั้งสมเด็จพระสังฆราชในอดีต มีปัญหาเกือบทุกครั้ง เมื่อมีปัญหา ถ้าตั้งได้ก็จบ ชอบไม่ชอบ นับถือไม่นับถือ ก็อยู่ในใจ ครั้งนี้ไม่ได้มีการแย่งชิง ที่มีปัญหา คือ ลูกศิษย์ที่อยากให้อาจารย์ตัวเองได้เป็น จึงควรปล่อยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ อย่าให้มันผิดธรรมชาติ
ด้านพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์เพจเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ถึงกรณีที่มีพระบางกลุ่ม พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 และกรณีที่มีการประกาศว่าจะแยกสมเด็จพระสังฆราชออกเป็นสองนิกาย ว่า เป็นความคิดที่ไม่ได้แยกแยะเรื่องความถูกผิด ชั่วดี เพราะการออกมาเคลื่อนไหวของพวกตน ไม่ได้จะมารบกับธรรมยุตหรือมหานิกาย แต่กำลังรบกับพวกอลัชชี และรบเพื่อให้ได้พระสังฆราชที่ดี มีความสะอาด ฉลาด สว่าง สงบ และพวกตนไม่ได้รบเพื่อลาภสักการะ ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือแย่งชิงอำนาจ แต่รบเพื่อปกป้องพระธรรมวินัยอันบริสุทธิ์
นอกจากนี้ พระพุทธะอิสระ ยังท้าให้บุคคลที่คิดว่าตนเองประพฤติไม่ดี นำหลักฐานไปฟ้องร้องต่อศาลหรือดำเนินคดีทางกฎหมายได้ทันที
ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ชี้แจงข้อมูลหลักฐานถึงสาเหตุการออกมาคัดค้านการตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า หากปล่อยให้ขึ้นมาเป็นสังฆราช ศาสนาพุทธในประเทศไทย จะถูกวัดธรรมกายยึดอำนาจ แผ่อาณาจักรปกคลุมไปทั่ว ล้มศาสนาพุทธนิกายมหายาน กับนิกายหินยาน สร้างนิกายใหม่ขึ้นมา พร้อมทั้งยังเปิดเผยความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสมเด็จช่วง กับพระธัมมชโย ที่มีการเกื้อหนุนกันทั้งในเรื่องอำนาจและทรัพย์สิน ขณะเดียวกันก็ผิดพระธรรมวินัยรับทรัพย์หรูไว้ครอบครองในชื่อของตัวเองด้วย
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขอให้แยกเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราชออกจากคดีวัดพระธรรมกาย อย่าเอามาโยงกัน เพราะคดีวัดพระธรรมกายเกิดก่อนการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช และมีระยะเวลา ขั้นตอน ในการดำเนินการ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโยไปแล้วหลายคดี ขณะนี้เป็นอำนาจของอัยการ ตนแทรกแซงไม่ได้ ต้องถามความคืบหน้าที่อัยการ ส่วนคดีการครอบครองรถหรูของสมเด็จช่วง อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งดีเอสไอได้ส่งให้กรมศุลกากรประเมินราคา โดยได้ย้ำให้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ไม่มีเงื่อนเวลา