รมต.ประจำสำนักนายกฯ เผยได้รับหนังสือจากสำนักพุทธศาสนาฯ เสนอ “สมเด็จช่วง” เป็นสังฆราชแล้ว เตรียมหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้าน ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ยังบอกไม่ได้ใช้เวลานานแค่ไหน
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า พศ.ได้รับมติของกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่เห็นชอบนามของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อส่งถึงรัฐบาลนำความกราบบังคมทูลฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เรียบร้อยแล้ว และได้ทำหนังสือส่งมาให้ตนในฐานะรัฐมนตรีเจ้าสังกัด โดยขณะนี้ตนได้รับหนังสือแล้ว ซึ่งมติของ มส.เป็นมติที่เห็นชอบร่วมกันของกรรมการ มส.ทุกรูป ไม่มีประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งหรือมีปัญหาใน มส.
หลังจากนี้ตนต้องดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐบาล โดยเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ก่อนที่ส่งให้นายกรัฐมนตรี สิ่งที่จะต้องทำเพิ่มเติมคือ จะหารือเพิ่มเติมกับ พศ. คณะสงฆ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วน รอบด้าน เพียงพอที่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา ส่วนระยะเวลาคงบอกไม่ได้ว่าจะนานแค่ไหน แต่จะทำไปตามกระบวนการ ตามประเด็นปลีกย่อย หรือประเด็นที่มีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะได้รับทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนที่มีการคัดค้านสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ จะนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ข้อมูลที่จะถึงนายกรัฐมนตรีจะมีทุกประเด็น เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับขั้นตอนก่อนกราบบังคมทูลฯ จะต้องมีข้อมูลรอบด้าน
ส่วนจะส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อใดนั้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าจะถึงเมื่อไร แต่ตอนนี้ความรับผิดชอบอยู่ที่ตน ที่ต้องดูว่าข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง หากตนอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม อาทิ จะไปพบกับใคร ควรจะเก็บประเด็นใดอีก ก็จะทำไปจนกว่าจะครบถ้วน และทุกอย่างจะทำอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อะไรที่พูดได้จะเล่าให้สังคมฟัง เพราะต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่คลุมเครือ
ต่อข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหลังจากนี้กระแสต้านจะมากขึ้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่า รอประเมินเป็นระยะ ซึ่งจากประสบการณ์ที่เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พอรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง สำหรับเจตนาของตนมีอย่างเดียวเท่านั้นคือทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ยั่งยืน มั่นคง อยู่กับสังคมไทย ไม่มีความเสียหาย