xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องโรงสี-เจียเม้ง ร่วมมือ"บุญทรง" โกงขายข้าวจีทูจีเก๊

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-อัยการสูงสุดสั่งฟ้องโรงสีทวียโสธรกับพวกรวม 7 ราย ฐานร่วมมือ "บุญทรง" กับพวกทุจริตระบายข้าวจีทูจี ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่ง 25 ก.พ. ส่วนบริษัทและคนร่วมมือจากจีน ยังไม่สั่งฟ้อง ขอไต่สวนเพิ่มเติมอีก ยันไม่กระทบคดีฟ้องโกงจีทูจี เผยคดี "ปู" ทุจริตจำนำ นัดไต่สวนนัดแรก 15 ม.ค.นี้ "หมอวรงค์" ส่ง จม. ให้ยิ่งลักษณ์ ช่วยปราม "วัฒนา" อย่าบิดเบือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (13 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายชุติชัย สาขากร รองอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ซึ่งเป็นคณะทำงานอัยการคดีโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว ร่วมแถลงข่าวการยื่นฟ้องคดีอาญากลุ่มผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต กรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

นายชุติชัยกล่าวว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ดำเนินคดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร โดยนายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ , นายทวี อาจสมรรถ , บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ , บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด โดยนายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการ , นายปกรณ์ ลีศิริกุล , บริษัท เจียเม้ง จำกัด โดยนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการ และนางประพิศ มานะธัญญา เป็นจำเลยที่ 1-7 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นคดีหมายเลขดำ อม.1/2559 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เนื่องจากมีหลักฐานสมบูรณ์พอฟ้อง จึงให้ดำเนินนิติบุคคลกับพวกกลุ่มนี้ไปก่อน

ทั้งนี้ ผู้แทนอัยการสูงสุด ได้นำคำฟ้องและสำนวนการไต่สวน ป.ป.ช. รวมถึงหลักฐานต่างๆ 300 กล่อง เอกสาร 2,280 แฟ้ม ความหนาประมาณ 85,990 แผ่น ยื่นฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 83, 86 และ 91 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 และมาตรา 123/1 ตามที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.

"การยื่นฟ้องเอกชนเพิ่ม 7 ราย เพราะมีการพฤติการณ์กระทำผิดต่อเนื่องจากนโยบายการจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวกทุจริตการระบายข้าว โดยเอกชนทั้ง 7 ราย รับข้าวมาตามสัญญา และมีการจ่ายแคชเชียร์เช็ค แต่กลับไม่มีการส่งข้าวจริงไปยังต่างประเทศ โดยข้าวกลับมีการหมุนเวียนอยู่ในตลาดประเทศไทย ซึ่งอัยการพร้อมที่จะแสดงหลักฐานให้ผู้พิพากษาและสังคมทราบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไรที่มีการทุจริตเกิดขึ้น"

ส่วนการดำเนินคดีกับGuangdong stationery & sporting goods imp.& exp. Corp. หรือบริษัท กวางตุ้ง จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นนิติบุคคล รวมทั้งผู้แทนหรือเจ้าหน้าที่นิติบุคคลจากจีน รวม 7 คน ยังมีข้อไม่สมบูรณ์ จึงให้ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างการดำเนินการขอความร่วมมือทางอาญา อีกทั้งยังติดปัญหาการส่งเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาให้กลุ่มเอกชนชาวจีนที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศจีน กระบวนการจึงต้องรอติดตามตัวผู้ต้องหาชาวจีนที่เหลือมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งจะมีอายุความ 20 ปี จึงยังไม่ได้ส่งฟ้องในครั้งนี้ แต่จะไม่กระทบกับคดีที่ยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวก

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าว มีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกันและมีพยานหลักฐานชุดเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่ยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวก อัยการสูงสุดจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ขอรวมพิจารณาด้วยแล้ว แต่ต้องรอฟังคำสั่งศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ และหากศาลอนุญาตให้รวมสำนวน ก็ต้องมีการขยายเวลาไต่สวนพยานเพิ่มเติม การพิจารณาคดีอาจล่าช้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้านนายกิตินันท์ กล่าวว่า พยานหลักฐานในส่วนพยานบุคคล ในคดีที่ฟ้องคดีเอกชน 7 รายเพิ่มเติม มีประมาณ 80% เป็นพยานชุดเดียวกับคดีนายบุญทรง จึงค่อนข้างมั่นใจว่าคดีจะแสดงให้ศาลเห็นความชัดเจนเรื่องของการทุจริตได้ เพราะข้าวที่เขาซื้อเป็นข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศทำสัญญาขายให้กับบริษัทจีน 2 บริษัท แต่กลับไปเอาเงินของนิติบุคคลในประเทศไปชำระ แล้วนำข้าวไปให้นิติบุคคลในประเทศ โดยเฉพาะนิติบุคคลที่อัยการฟ้องเป็นเจ้าของโกดังที่เก็บข้าว ซึ่งบุคคลเหล่านั้น น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการซื้อขายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวโดยสัญญาจีทูจี ไม่ได้ขายในประเทศ การที่นิติบุคคลออกเช็คไปชำระหนี้ให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เท่ากับว่าสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนจำเลยทั้ง 7 ไม่มีการฟ้องเรียกรับค่าปรับเหมือนกรณีของนายบุญทรง แต่อาจจะฟ้องเป็นทางแพ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ในโครงการรับจำนำข้าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเริ่มนัดไต่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 15 ม.ค.2559 เวลา 09.30 น. ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย จะต้องเดินทางมาเพื่อเข้ารับฟังการไต่สวนพยานในวันนั้นด้วย โดยคณะทำงานอัยการ โจทก์ เตรียม ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เบิกความเป็นพยานปากแรก เพื่อนำสืบภาพรวมโครงการจำนำข้าว , นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และสื่อมวลชนที่นำสืบรายละเอียดข่าวโครงการจำนำข้าว กับเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 ปาก

วันเดียวกันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนจดหมายถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ปรามนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่พยายามออกมาสื่อสารกับสังคม โดยเน้นว่าโครงการจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ต้องการช่วยชาวนา โดยขอให้นายวัฒนาเข้าใจว่าโครงการจำนำข้าวไม่ผิด แต่ผิดที่ปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งการดำเนินโครงการรับจำนำและการขายข้าวจีทูจี จึงขอให้เคารพการตัดสินของศาล และหวังว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีตที่มีการกล่าวหากระบวนการยุติธรรม เมื่อไม่ได้ผลเป็นที่พอใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น