ผู้จัดการรายวัน360-เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบประชุมความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ “เสี่ยชูวงษ์” พบข้อมูลทางคดียังมีความขัดแย้ง และข้อสงสัยอยู่มาก ขณะที่การรวบรวมพยานหลักสำเร็จแล้วกว่า 90% ส่วนกรณีดีเอ็นเอบุตรชายของพริตตี้สาวที่ได้รับโอนหุ้นตรงกับผู้ตายยังไม่พบหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (13 ม.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6 รรท.กก.1 บก.ป. และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน หลังจากนั่งรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส 470 สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ เป็นคนขับ ก่อนประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้บริเวณตรงข้ามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 61 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2558 ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ณษ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ได้นำแฟ้มคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ที่ตำรวจ สน.อุดมสุข ท้องที่เกิดเหตุได้รวบรวมไว้ มาตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ประชุมย่อยไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีการแจกจ่ายงานให้คณะทำงานกลับไปรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกประมาณ 7-8 ปาก จากพยานทั้งหมด 60 ปาก ซึ่งยอมรับการประชุมครั้งนี้ ยังพบปัญหาอุปสรรคหลายส่วน เนื่องจากพยานบางรายยังไม่สามารถเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ตามที่นัดหมาย
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้รับผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แล้ว แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีศัพท์ทางวิชาการค่อนข้างมาก และยังได้สอบปากคำผู้เชี่ยวชาญกรณีการจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุแล้วเช่นกัน ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ข้อมูลจากนิติเวช , ข้อมูลจากผลการจำลองเหตุการณ์ , ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง พฐ. มาประกอบกันเพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน แต่ขณะนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบว่าข้อมูลที่มียังขัดแย้ง และมีข้อสงสัยอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เกรงจะกระทบกับรูปคดี แต่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จกว่า 90% แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายชูวงษ์ จนเป็นเหตุให้นายชูวงษ์โอนหุ้นจำนวนกว่า 200 ล้าน ให้ และภายหลังทางทนายของพริตตี้สาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ได้ตรวจดีเอ็นเอของบุตรชาย น.ส.กัญฐณาแล้ว พบว่า ตรงกับนายชูวงษ์นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่เห็นหลักฐานดังกล่าว แต่ถึงแม้ว่าผลสรุปดีเอ็นเอของเด็กจะตรงกับนายชูวงษ์ ก็ยืนยันว่า ไม่กระทบกับคดีแต่อย่างใด
ขณะที่รายงานข่าวจากชุดสืบสวน แจ้งว่า ในส่วนของผลตรวจดีเอ็นเอของบุตรชาย น.ส.กัญฐณา เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ขอให้ทางทนายความนำหลักฐานผลตรวจดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ติดใจว่าทางน.ส.กัญฐณา นำดีเอ็นเอของนายชูวงษ์มาตรวจสอบได้อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (13 ม.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6 รรท.กก.1 บก.ป. และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน หลังจากนั่งรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส 470 สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ เป็นคนขับ ก่อนประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้บริเวณตรงข้ามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 61 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2558 ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ณษ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ได้นำแฟ้มคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ที่ตำรวจ สน.อุดมสุข ท้องที่เกิดเหตุได้รวบรวมไว้ มาตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ประชุมย่อยไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีการแจกจ่ายงานให้คณะทำงานกลับไปรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกประมาณ 7-8 ปาก จากพยานทั้งหมด 60 ปาก ซึ่งยอมรับการประชุมครั้งนี้ ยังพบปัญหาอุปสรรคหลายส่วน เนื่องจากพยานบางรายยังไม่สามารถเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ตามที่นัดหมาย
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้รับผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แล้ว แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีศัพท์ทางวิชาการค่อนข้างมาก และยังได้สอบปากคำผู้เชี่ยวชาญกรณีการจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุแล้วเช่นกัน ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ข้อมูลจากนิติเวช , ข้อมูลจากผลการจำลองเหตุการณ์ , ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง พฐ. มาประกอบกันเพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน แต่ขณะนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบว่าข้อมูลที่มียังขัดแย้ง และมีข้อสงสัยอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เกรงจะกระทบกับรูปคดี แต่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จกว่า 90% แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายชูวงษ์ จนเป็นเหตุให้นายชูวงษ์โอนหุ้นจำนวนกว่า 200 ล้าน ให้ และภายหลังทางทนายของพริตตี้สาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ได้ตรวจดีเอ็นเอของบุตรชาย น.ส.กัญฐณาแล้ว พบว่า ตรงกับนายชูวงษ์นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่เห็นหลักฐานดังกล่าว แต่ถึงแม้ว่าผลสรุปดีเอ็นเอของเด็กจะตรงกับนายชูวงษ์ ก็ยืนยันว่า ไม่กระทบกับคดีแต่อย่างใด
ขณะที่รายงานข่าวจากชุดสืบสวน แจ้งว่า ในส่วนของผลตรวจดีเอ็นเอของบุตรชาย น.ส.กัญฐณา เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ขอให้ทางทนายความนำหลักฐานผลตรวจดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ติดใจว่าทางน.ส.กัญฐณา นำดีเอ็นเอของนายชูวงษ์มาตรวจสอบได้อย่างใด
