**นายกฯไม่สบายใจหากชาวสวนยางจะออกมาชุมนุมเดินขบวน ก็ต้องย้อนถามท่านเช่นเดียวกันว่า ชาวสวนยางสบายใจ กินอิ่มนอนหลับอยู่ใช่มั้ยครับท่าน วันนี้เดือดร้อนกันแสนสาหัสจากราคายางตกต่ำรูดทะราด กำไรไม่มี ต้นทุนยังไม่เหลือ
ที่ผ่านมารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกมาพูดจนติดหูให้ชาวสวนยางหันไปปลูกพืชอื่นทดแทน พูดไม่พอ ยังลงพื้นที่ไปอวยเกษตรกรที่ทำตามนำร่องไปปลูกอย่างอื่น เช่น กล้วยหอมแซม เสียด้วย แต่ที่จำติดหูขึ้นสมองเลยคือ ให้ไปปลูกกันที่ "ดาวอังคาร"
พูดแบบนี้ไม่พูดยังดีกว่า เพราะนอกจากไม่เห็นมิติของการแก้ปัญหา ยังเหมือนขายผ้าเอาหน้ารอด ผิดวิสัยผู้นำที่ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่เป็นไปของประชาชนทั้งประเทศ
ล่าสุด เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวจากคลื่นใต้น้ำกระแทกผิวน้ำขึ้นมา รัฐบาลชักเฉยไม่ได้อีกต่อไป โฆษกไก่อู พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงข่าวดับกระแสร้อนทันที เพราะชาวสวนยางจ่อก่อม็อบประท้วง เตรียมแหกด่านคำสั่งคสช. ชุมนุมกันให้รู้แล้วรู้รอด ยอมติดคุกดีกว่าอดตาย โดยมีเครือข่ายอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส.หนุนหลัง
ไก่อู แจกแจงว่าการให้เงินชดเชยตามเสียงเรียกร้องใช้งบประมาณบานตะโก้ รัฐบาลถังแตกแจกไม่ไหวแน่ แสนสี่หมื่นล้าน และมองว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ ฉะนั้น จึงมีมาตรการบรรเทาล่าสุด ให้มีการรับซื้อยางจากชาวสวนยางไม่ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมไล่ตรวจสอบว่า ผู้รับซื้อรายใดไม่ปฏิบัติตามกติกา จะดำเนินการคดีตามกฎหมาย ที่ว่าด้วย พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 กับกฎหมายควบคุมราคาสินค้า ยังไม่ถึงขั้นใช้ มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 57 ตามที่ชาวสวนยางบางส่วนเรียกร้อง
ขณะเดียวกันคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ยังคาราคาซัง จะเร่งรัดตั้งให้แล้วเสร็จ นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 12 ม.ค. หรืออย่างช้าสุด วันที่ 19 ม.ค.
แนวทางแก้ปัญหาคณะกรรมการจุดนี้ของรัฐบาลถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ตรงจุด ก็ต้องย้อนถามว่า ที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ไม่ทำให้มันเรียบร้อย นี่ล่ะหนาพอเกิดเรื่อง ไฟลนก้นถึงมากุลีกุจอทำกัน
** คณะกรรมการดังกล่าว สถานะตอนนี้ยังเป็นเพียงรักษาการ อีกทั้งชั่วโมงนี้ข้าราชการเป็นประเภทใจแกว่ง ไม่กล้าหยิบจับทำอะไรจริงจัง เกียร์ว่างกันเป็นแถว ปัญหามันเลยหมักหมมเป็นดินพอกหางหมู ไม่ได้รับการสะสางเรื่อยมาจวนจะระเบิดเต็มที นอกจากนั้นยังพบว่า บอร์ดรักษาการเป็นประเภทแก้ปัญหาไม่เป็น การตลาดไม่เข้าใจ แต่พลิกแพลงเก่ง แนวทางมันเลยออกมาตามที่นายกฯพูด ไปปลูกพืชอื่นเถอะครับๆ โธ่...
เมื่อเหลือบไปดูอีกแนวทางหนึ่งที่นายกฯ มีคำสั่งไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 8 กระทรวง ได้แก่ คมนาคม มหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข กลาโหม อุตสาหกรรม พาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปรวบรวมความต้องการว่าจะช่วยรับซื้อยางในความรับผิดชอบของแต่ละกระทรวงอย่างไร แล้วส่งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในเวลา 12.00 น. ในวันที่ 11 ม.ค. ยิ่งสะท้อนให้เห็นอาการร้อนรน เกรงกลัวม็อบลามเผารัฐบาลเสียแล้ว
ก็ก่อนหน้านี้ไม่ทำกัน ทั้งที่เป็นแนวทางที่โอเคอยู่แล้ว เพราะชั่วโมงนี้ต้องใช้กลไกภายในช่วยเหลือกันไปก่อน เนื่องจากพึ่งหวังจากภายนอกประเทศไม่ได้ ติดต่อค้าขายก็ยาก แถมราคาน้ำมันถูก คนจะซื้อยางโดยตรงก็ไม่เอา เพราะแพงกว่าการไปใช้น้ำมันมาทำยางสังเคราะห์เอง หลายปัจจัยประเดประดัง เพราะละเลยปัญหามานาน
มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ แต่ไม่ใช้ บางครั้งก็เป็นผลร้ายได้เหมือนกัน
ใครไม่ให้ความร่วมมือซื้อยางก็ใช้ มาตรา 44 ฟันให้เละ แต่เหนืออื่นใดต้องอยู่บนเงื่อนไขที่รับได้ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ด้วยนะครับ มิฉะนั้นคนจะนินทาเอา
** เรื่องยางนี่คนไม่คลุกคลีตีโมงไม่ค่อยรู้ว่ามันมีเหลือบ ไร หารับประทานคล้ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ก่อนหน้านี้ เรียกกันว่า 5 เสือสวนยาง กำหนดกลไกราคา ทิศทางตลาด จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปทลายเครือข่ายตรงนี้ เหมือนที่ทำกับหวยสำเร็จมาแล้ว ขืนปล่อยให้มีอำนาจควบคุมกลไกต่อไป รัฐบาลก็ไม่ต้องมีกันแล้ว
เบื้องต้นรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายชี้นำตลาด บีบเสือให้ตาย อย่าไปสนผลประโยชน์เข้าใครออกใคร เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีอยู่แล้วจริงมะ !!!
ถ้าเป็นบางรัฐบาลไม่กล้าทำตรงนี้ก็เข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ทำ พูดยังไงคนก็ไม่เข้าใจ แถมยังตั้งแต่สงสัยเรื่องความโปร่งใส ที่พร่ำพรรณนาไว้หนักหนา
**วันนี้รัฐบาลน่าจะเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งใดที่ควรทำแล้วจะทำให้เกิดความสบายใจแก่ชาวสวนยาง อย่างน้อยการมีมาตรการออกมาลักษณะนี้ย่อมทำให้เห็นถึงความตั้งใจ เอาใจใส่ สนใจช่วยเหลือ
ที่ผ่านมารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกมาพูดจนติดหูให้ชาวสวนยางหันไปปลูกพืชอื่นทดแทน พูดไม่พอ ยังลงพื้นที่ไปอวยเกษตรกรที่ทำตามนำร่องไปปลูกอย่างอื่น เช่น กล้วยหอมแซม เสียด้วย แต่ที่จำติดหูขึ้นสมองเลยคือ ให้ไปปลูกกันที่ "ดาวอังคาร"
พูดแบบนี้ไม่พูดยังดีกว่า เพราะนอกจากไม่เห็นมิติของการแก้ปัญหา ยังเหมือนขายผ้าเอาหน้ารอด ผิดวิสัยผู้นำที่ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่เป็นไปของประชาชนทั้งประเทศ
ล่าสุด เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวจากคลื่นใต้น้ำกระแทกผิวน้ำขึ้นมา รัฐบาลชักเฉยไม่ได้อีกต่อไป โฆษกไก่อู พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงข่าวดับกระแสร้อนทันที เพราะชาวสวนยางจ่อก่อม็อบประท้วง เตรียมแหกด่านคำสั่งคสช. ชุมนุมกันให้รู้แล้วรู้รอด ยอมติดคุกดีกว่าอดตาย โดยมีเครือข่ายอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส.หนุนหลัง
ไก่อู แจกแจงว่าการให้เงินชดเชยตามเสียงเรียกร้องใช้งบประมาณบานตะโก้ รัฐบาลถังแตกแจกไม่ไหวแน่ แสนสี่หมื่นล้าน และมองว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ ฉะนั้น จึงมีมาตรการบรรเทาล่าสุด ให้มีการรับซื้อยางจากชาวสวนยางไม่ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมไล่ตรวจสอบว่า ผู้รับซื้อรายใดไม่ปฏิบัติตามกติกา จะดำเนินการคดีตามกฎหมาย ที่ว่าด้วย พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 กับกฎหมายควบคุมราคาสินค้า ยังไม่ถึงขั้นใช้ มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 57 ตามที่ชาวสวนยางบางส่วนเรียกร้อง
ขณะเดียวกันคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ยังคาราคาซัง จะเร่งรัดตั้งให้แล้วเสร็จ นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 12 ม.ค. หรืออย่างช้าสุด วันที่ 19 ม.ค.
แนวทางแก้ปัญหาคณะกรรมการจุดนี้ของรัฐบาลถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ตรงจุด ก็ต้องย้อนถามว่า ที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ไม่ทำให้มันเรียบร้อย นี่ล่ะหนาพอเกิดเรื่อง ไฟลนก้นถึงมากุลีกุจอทำกัน
** คณะกรรมการดังกล่าว สถานะตอนนี้ยังเป็นเพียงรักษาการ อีกทั้งชั่วโมงนี้ข้าราชการเป็นประเภทใจแกว่ง ไม่กล้าหยิบจับทำอะไรจริงจัง เกียร์ว่างกันเป็นแถว ปัญหามันเลยหมักหมมเป็นดินพอกหางหมู ไม่ได้รับการสะสางเรื่อยมาจวนจะระเบิดเต็มที นอกจากนั้นยังพบว่า บอร์ดรักษาการเป็นประเภทแก้ปัญหาไม่เป็น การตลาดไม่เข้าใจ แต่พลิกแพลงเก่ง แนวทางมันเลยออกมาตามที่นายกฯพูด ไปปลูกพืชอื่นเถอะครับๆ โธ่...
เมื่อเหลือบไปดูอีกแนวทางหนึ่งที่นายกฯ มีคำสั่งไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 8 กระทรวง ได้แก่ คมนาคม มหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข กลาโหม อุตสาหกรรม พาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปรวบรวมความต้องการว่าจะช่วยรับซื้อยางในความรับผิดชอบของแต่ละกระทรวงอย่างไร แล้วส่งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในเวลา 12.00 น. ในวันที่ 11 ม.ค. ยิ่งสะท้อนให้เห็นอาการร้อนรน เกรงกลัวม็อบลามเผารัฐบาลเสียแล้ว
ก็ก่อนหน้านี้ไม่ทำกัน ทั้งที่เป็นแนวทางที่โอเคอยู่แล้ว เพราะชั่วโมงนี้ต้องใช้กลไกภายในช่วยเหลือกันไปก่อน เนื่องจากพึ่งหวังจากภายนอกประเทศไม่ได้ ติดต่อค้าขายก็ยาก แถมราคาน้ำมันถูก คนจะซื้อยางโดยตรงก็ไม่เอา เพราะแพงกว่าการไปใช้น้ำมันมาทำยางสังเคราะห์เอง หลายปัจจัยประเดประดัง เพราะละเลยปัญหามานาน
มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ แต่ไม่ใช้ บางครั้งก็เป็นผลร้ายได้เหมือนกัน
ใครไม่ให้ความร่วมมือซื้อยางก็ใช้ มาตรา 44 ฟันให้เละ แต่เหนืออื่นใดต้องอยู่บนเงื่อนไขที่รับได้ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ด้วยนะครับ มิฉะนั้นคนจะนินทาเอา
** เรื่องยางนี่คนไม่คลุกคลีตีโมงไม่ค่อยรู้ว่ามันมีเหลือบ ไร หารับประทานคล้ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ก่อนหน้านี้ เรียกกันว่า 5 เสือสวนยาง กำหนดกลไกราคา ทิศทางตลาด จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปทลายเครือข่ายตรงนี้ เหมือนที่ทำกับหวยสำเร็จมาแล้ว ขืนปล่อยให้มีอำนาจควบคุมกลไกต่อไป รัฐบาลก็ไม่ต้องมีกันแล้ว
เบื้องต้นรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายชี้นำตลาด บีบเสือให้ตาย อย่าไปสนผลประโยชน์เข้าใครออกใคร เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีอยู่แล้วจริงมะ !!!
ถ้าเป็นบางรัฐบาลไม่กล้าทำตรงนี้ก็เข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ทำ พูดยังไงคนก็ไม่เข้าใจ แถมยังตั้งแต่สงสัยเรื่องความโปร่งใส ที่พร่ำพรรณนาไว้หนักหนา
**วันนี้รัฐบาลน่าจะเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งใดที่ควรทำแล้วจะทำให้เกิดความสบายใจแก่ชาวสวนยาง อย่างน้อยการมีมาตรการออกมาลักษณะนี้ย่อมทำให้เห็นถึงความตั้งใจ เอาใจใส่ สนใจช่วยเหลือ