พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึง ข้อเสนอญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข ว่า ถึงเวลาต้องเปิดเวทีให้ผู้เห็นต่างได้แสดงความเห็น เพื่อยุติปัญหา โดยจำนวนสมาชิกกมธ.จะมี 24 คน ประกอบด้วย สนช. 14 คน และผู้เห็นต่างที่มีแนวคิดสันติวิธี และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม และกลุ่มผู้เห็นต่างอีก 10 คน ได้แก่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มกปปส. กลุ่มพุทธอิสระ 3 คน กลุ่มนปช. 3 คน นักวิชาการ 3 คน และ ภาคธุรกิจ 1 คน ซึ่งจะต้องรอดูว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กปปส. และ นปช. จะส่งใครมาเป็นกมธ. ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งรายชื่อดังกล่าวให้ประธานสนช. รับทราบ อีกทั้งจะมีผู้เห็นต่างภายนอกมาร่วมเป็นอนุกรรมาธิการด้วย ที่ต้องให้สนช.เป็นผู้ดำเนินการนั้น ได้มีการปรึกษากับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)แล้ว ว่าพร้อมให้ สนช. ดำเนินการ และสนช. ยังเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ส่วนแนวทางการทำงานของกมธ. ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดกรอบการทำงาน และไม่มีการตั้งธง เพราะจะต้องหารือร่วมกันในกมธ. และรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ซึ่งมีระยะเวลาการทำงาน 180 วัน
" ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการยื้อเวลา อีกทั้งมองว่ากรรมาธิการชุดดังกล่าวเป็นเพียงการป่าหี่นั้น เป็นสีสัน เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเองและพร้อมจะรวบรวมความเห็นนั้นมาพิจารณาในกรรมาธิการ"
สำหรับการออกกม.นิรโทษกรรมนั้น จะต้องพิจารณาว่า กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นหลักประกันว่าสังคมจะสันติสุขได้หรือไม่ และหากกมธ. และทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าจะต้องทำในแง่กฎหมาย ก็จะเป็นหน้าที่ของสนช. ดำเนินการต่อไป
"สาเหตุที่ไม่ใช้ชื่อ คณะกรรมาธิการปรองดอง เนื่องจากความปรองดองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคมสันติสุข ซึ่งจะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข มีชีวิตที่ปลอดภัย ซึ่งตนได้มองข้ามความปรองดอง ไปสู่สังคมสันติสุขแล้ว แม้หลายคนจะเข้าใจคำว่าปรองดองต่างกัน " อย่างไรก็ตาม กมธ.ชุดดังกล่าว จะเสนอต่อที่ประชุมวิปสนช. ในวันนี้(12 ม.ค.) เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมใหญ่ของสนช. และหากที่ประชุมใหญ่เห็นชอบ ก็สามารถเริ่มทำงานได้ทันที โดยจะนัดประชุมกมธ.นัดแรก ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพื่อกำหนดตัวประธาน รองประธาน และตำแหน่งต่างๆ พร้อมวางกรอบการทำงานในเบื้องต้น โดยจะให้ กมธ.ทุกคนช่วยกันวางกรอบการทำงาน ไม่ให้ถูกมองว่า ตั้งธงไว้แล้ว ว่าจะทำอะไรบ้าง
ส่วนที่ฝ่ายคู่ขัดแย้งต่างๆ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ นปช. เชื่อว่า กมธ.ชุดดังกล่าวไม่สามารถสร้างความปรองดองได้นั้น พล.อ.อกนิษฐ์ ตอบว่า ขณะนี้ทุกคนมัวไปติดคำว่า ความปรองดอง แต่ตนมองข้ามเรื่องความปรองดองไปแล้ว ประเด็นสำคัญ คือ แม้จะมีความเห็นต่างกัน ก็สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ จึงควรหาวิธีเสริมสร้างสังคมให้เกิดสันติสุข ซึ่งวิธีการดีที่สุดคือ การเปิดเวทีให้คนเห็นต่างได้หันหน้ามาพูดคุยกัน มั่นใจว่า กลุ่มเห็นต่างพร้อมมาร่วมพูดคุย ตนเตรียมเรื่องนี้มานานเป็นปีแล้ว ไม่ใช่อยู่ๆ จะมานึกตั้งกมธ.ชุดนี้ขึ้นมา คาดหวังว่า ปลายทางเรื่องนี้จะนำไปสู่สังคมสันติสุขได้ แต่ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนจะให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดด้วย
" ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการยื้อเวลา อีกทั้งมองว่ากรรมาธิการชุดดังกล่าวเป็นเพียงการป่าหี่นั้น เป็นสีสัน เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเองและพร้อมจะรวบรวมความเห็นนั้นมาพิจารณาในกรรมาธิการ"
สำหรับการออกกม.นิรโทษกรรมนั้น จะต้องพิจารณาว่า กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นหลักประกันว่าสังคมจะสันติสุขได้หรือไม่ และหากกมธ. และทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าจะต้องทำในแง่กฎหมาย ก็จะเป็นหน้าที่ของสนช. ดำเนินการต่อไป
"สาเหตุที่ไม่ใช้ชื่อ คณะกรรมาธิการปรองดอง เนื่องจากความปรองดองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคมสันติสุข ซึ่งจะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข มีชีวิตที่ปลอดภัย ซึ่งตนได้มองข้ามความปรองดอง ไปสู่สังคมสันติสุขแล้ว แม้หลายคนจะเข้าใจคำว่าปรองดองต่างกัน " อย่างไรก็ตาม กมธ.ชุดดังกล่าว จะเสนอต่อที่ประชุมวิปสนช. ในวันนี้(12 ม.ค.) เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมใหญ่ของสนช. และหากที่ประชุมใหญ่เห็นชอบ ก็สามารถเริ่มทำงานได้ทันที โดยจะนัดประชุมกมธ.นัดแรก ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพื่อกำหนดตัวประธาน รองประธาน และตำแหน่งต่างๆ พร้อมวางกรอบการทำงานในเบื้องต้น โดยจะให้ กมธ.ทุกคนช่วยกันวางกรอบการทำงาน ไม่ให้ถูกมองว่า ตั้งธงไว้แล้ว ว่าจะทำอะไรบ้าง
ส่วนที่ฝ่ายคู่ขัดแย้งต่างๆ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ นปช. เชื่อว่า กมธ.ชุดดังกล่าวไม่สามารถสร้างความปรองดองได้นั้น พล.อ.อกนิษฐ์ ตอบว่า ขณะนี้ทุกคนมัวไปติดคำว่า ความปรองดอง แต่ตนมองข้ามเรื่องความปรองดองไปแล้ว ประเด็นสำคัญ คือ แม้จะมีความเห็นต่างกัน ก็สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ จึงควรหาวิธีเสริมสร้างสังคมให้เกิดสันติสุข ซึ่งวิธีการดีที่สุดคือ การเปิดเวทีให้คนเห็นต่างได้หันหน้ามาพูดคุยกัน มั่นใจว่า กลุ่มเห็นต่างพร้อมมาร่วมพูดคุย ตนเตรียมเรื่องนี้มานานเป็นปีแล้ว ไม่ใช่อยู่ๆ จะมานึกตั้งกมธ.ชุดนี้ขึ้นมา คาดหวังว่า ปลายทางเรื่องนี้จะนำไปสู่สังคมสันติสุขได้ แต่ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนจะให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดด้วย
