ผู้จัดการรายวัน360 - เข้าสู่วันที่สองของการรณรงค์ช่วง 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุรวมเกือบ 600 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 65 ราย บาดเจ็บ 624 คน โดยส่วนใหญ่มาจากเมาสุรา ส่งผลให้ยอดรวม 2 วันเสียชีวิต 104 ราย บาดเจ็บ 1,080 คน โดยจังหวัดหนองคาย-สมุทรปราการยังไม่เกิดอุบัติเหตุ และ 27 จังหวัดไร้คนตาย ขณะที่ยอดเมาแล้วขับยึดรถจักรยานยนต์อื้อ อีสานเยอะสุด สตช.เตรียมส่งเข้าฟื้นฟูความประพฤติในค่ายทหารอย่างน้อย 7 วัน รัฐบาลสั่งเจ้าหน้าที่คุมเข้มพื้นที่เคาท์ดาวน์ ด้านคนไทยอาศัยช่วงวันหยุดแห่ท่องเที่ยวบนยอดดอยเพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ( ศปถ. ) รายงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ถือเป็นวันที่ 2 ของช่วง 7 วันอันตราย ในการรณรงค์ “สุขกาย สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย รับปีใหม่ 2559” ของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ที่มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมมือของรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2558
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 กล่าวว่า ในวันที่สองได้เกิดอุบัติเหตุรวม 590 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 65 ราย ผู้บาดเจ็บ 624 คน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 20.20 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 16.87
สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.67 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.42 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.76 ถนนใน อบต. และหมู่บ้าน ร้อยละ 34.07
ส่วนยอดสะสมอุบัติเหตุทางถนนรวม 2 วัน (ตั้งแต่ 29 - 30 ธ.ค.58) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,029 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 104 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,080 คน โดยมีจังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมี 2 จังหวัด ได้แก่ สมทุรปราการ และหนองคาย ซึ่งจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดตายเป็นศูนย์ มี 27 จังหวัด ทั้งนี้จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ราชบุรี 32 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี และเพชรบุรี มีจำนวน 5 รายเท่ากัน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดได้แก่ สุพรรณบุรี 45 คน
ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครปฐม และบุรีรัมย์ เกิดอุบัติเหตุ 19 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครปฐม สกลนคร สุรินทร์ นครราชสีมา อุดรธานี กาญจนบุรี และลพบุรี ผู้เสียชีวิต 3 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ สุพรรณบุรี มีผู้บาดเจ็บ 35 คน
สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 29.66 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 51.02 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,103 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,466 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 634,372 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 96,635 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 28,324 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 26,820 ราย
“วานนี้เป็นวันแรกของวันหยุด ช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่ทยอยเดินทางถึงที่หมาย ขณะที่บางส่วนอยู่ระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้สั่งการจังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่อย่างเข้มข้น เน้นดูแลถนนสายหลักที่เป็นเส้นทางสู่ภูมิภาคต่างๆ เส้นทางที่เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัด โดยให้เชื่อมโยงประสานการปฏิบัติการของจุดตรวจในแต่ละพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน เฝ้าระวังถนนสายรองและเส้นทางที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่าน รวมถึงกำชับจุดตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย" นางกอบกาญจน์ กล่าว
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต่อนรับปีใหม่ ได้กำชับจังหวัดดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในบริเวณพื้นที่จัดงานรื่นเริง (Count down) เป็นพิเศษ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวให้วางมาตรการ ดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งเส้นทางสัญจรทางบกและทางน้ำ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำเส้นทางที่มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยกวดขัน ความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสาธารณะ และจัดจุดบริการสำหรับเป็นจุดพักรถระหว่างทาง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชน
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ในวันนี้ (1 ม.ค.59) ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่แล้ว นายกรัฐมนตรีห่วงใยความปลอดภัยของประชาชน จึงได้สั่งกำชับให้ ศปถ.ประสานจังหวัดปรับแผนดูแลความปลอดภัยทางถนนของประชาชน โดยเพิ่มความเข้มข้นของจุดตรวจและด่านชุมชนบริเวณโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง กวดขันผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับ รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่สำหรับเป็นที่จอดพักของผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมขับรถ โดยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร สนธิกำลังดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตำบลหมู่บ้านเป็นพิเศษ โดยใช้มาตรการทางสังคมและชุมชน เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนประชาชนเฉลิมฉลองและเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ 2559 เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย
*** เมาแล้วขับยึดมอเตอร์ไซค์อื้อ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในห้วงเทศกาลปีใหม่ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 -4 ว่า ตั้งแต่ตั้งจุดตรวจเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 18.00 น. จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 18.00 น. พบรถจักรยานยนต์การกระทำผิดทั่วประเทศจำนวน 3,055 ครั้ง โดยพื้นที่ที่พบการกระทำผิดมากที่สุดคือ กองทัพภาคที่ 3 (ภาคเหนือ) จำนวน 2,723 ครั้ง มีดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั่วประเทศจำนวน 3,395 คน ยึดรถจักรยานยนต์ รวม 334 คัน โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนการยึดรถจักรยานยนต์มากที่สุด จำนวน 184 คัน
ส่วนรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำผิดทั่วประเทศ 1,654 ครั้ง และพบการกระทำมากที่สุดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 1,470 ครั้ง มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ขับขี่รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,555 คน และเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถไว้จำนวน 9 คัน โดยทั้ง 9 คันเป็นการปฏิบัติการของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 3 ทั้งนี้ การตั้งด่านตรวจสอบดูแลความสงบและสกัดกั้นการกระทำผิด โดยเฉพาะเหตุเมาแล้วขับจะดำเนินไปตลอดช่วงหยุดเทศกาลเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝากชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกระทรวงมหาดไทย หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) และองค์กรมูลนิธิต่างๆ รวมถึงทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเอาจริงเอาจัง เพื่อดูแลและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
“พงศพัศ” จ่อจับเมาแล้วขับเข้าค่ายทหาร
ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ 10 ) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อให้การระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนรําคาญ อันตราย และความเสียหายอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ ภายหลังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 46/2558 ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ระบุแนวทางดำเนินการกับผู้ขับขี่ยานพาหนะในลักษณะผิดกฎหมาย โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถยึดใบอนุญาตขับขี่ ควบคุมตัวและนำตัวผู้ขับขี่ไปอบรมความประพฤติเป็นการชั่วคราวได้ตามกฎหมาย โดยมี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. ประจำจุด ศปก.สน.เซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ประจำจุด จ.สมุทรสาคร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.ประจำจุด บช.ภ.3 และทั้ง บช.ภ.1-9 เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งให้มีการประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยการจัดงานปีใหม่ในพื้นที่ทั่วประเทศ สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจุดที่สำคัญ 3-4 จุด ซึ่งทางตร.วางกำลังและเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทุกจุดแล้ว ทั้งนี้สถานการณ์ด้านการข่าวไม่พบข้อมูลว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงหรือผิดปกติแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันการประชุมวันนี้เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายหลังมีคำสั่งจากหัวหน้า คสช. ให้ดำเนินการกับผู้ขับขี่ยานพาหนะในลักษณะผิดกฎหมาย ทั้งบุคคลที่กระทําการรวมกลุ่ม หรือมั่วสุม หรือจัดให้มีการรวมกลุ่มในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนําไปสู่การแข่งรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ในทางอันเป็นความผิด และต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก หรือขับขี่รถยนต์โดยสารสาธารณะ และรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร หรือรถบรรทุกตั้งแต่หกล้อขึ้นไป ประมาทและมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกําหนด เป็นเหตุให้มีบุคคลบาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ชีวิต โดยที่ประชุมได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศยึดถือปฏิบัติเพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ สตช. พยายามจะกำหนดมาตรการรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทาวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะเสร็จภายในวันนี้ เพื่อมารองรับการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ฉบับนี้ ซึ่งต้องกำหนดมาตรการขั้นตอนให้ละเอียดมากขึ้น ส่วนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวทั้งการยึดใบอนุญาตขับขี่ การควบคุมตัวผู้เมาแล้วขับหรือผู้แข่งรถในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมาย ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ทั่วไป โดยในคำสั่ง คสช. ระบุให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการนำตัวผู้เมาแล้วขับรวมทั้งผู้แข่งรถซิ่งไปอบรมฟื้นฟูความประพฤติเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า7 วัน แต่ไม่เกิน 15 วัน บริเวณศูนย์ฝึกอบรมของตำรวจหรือค่ายทหารที่ใกล้เคียงกับพื้นที่นั้น ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบว่ากระทำผิดโดยไม่รวมเวลาที่ควบคุมตัวตามคำสั่ง คสช.
"การบังคับใช้มาตรการนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลา อาจจะบังคับใช้ตลอดไป โดยหลังจากใช้มาตรการนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทาง สตช. จะประเมินผลการปฏิบัติการเพื่อนำเรียนต่อนายกฯ ให้รับทราบเพื่อพิจารณาต่อไป”
*** คนนับหมื่นแห่เที่ยวอุทยานราชภักดิ์
นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ เพื่อถวายความจงรักภักดี และเสริมความเป็นสิริมงคลในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2559 ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20.30 น.เป็นต้นไป
ขณะที่ประชาชนกว่า 10,000 คน เริ่มทยอยเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานราชภักดิ์ตั้งแต่ช่วงบ่าย
*** เชียงใหม่คึกคักเงินสะพัด 2 พันล้าน
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวจะเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้เห็นได้จากการเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งอัตราการจองห้องพักโรงแรมที่มีมากกว่าร้อยละ 90 และน่าจะเกือบเต็มแล้ว โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย
โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติเพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นและชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ดอยอินทนนท์ หรือดอยอ่างข่าง เป็นต้น ซึ่งตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 นั้น คาดว่าจังหวัดเชียงใหม่จะมีเงินสะพัดจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวมากถึง 2,000 ล้านบาท
***พุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ข้ามปี
ขณะที่พุทธศาสนิกชนบางส่วนได้เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ที่ตั้งเป้าจะมีผู้ร่วมสวดมนต์ข้ามปีถึง 18 ล้านคน โดยจะมีการจัดกิจกรรมในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2559 เวลา 18.00-00.30 น. ณ วัดในกรุงเทพมหานคร และในต่างจังหวัดกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ
โดยในเขตกรุงเทพมหานครนั้นมีวัดเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกว่า 50 เขต อาทิ วัดเบญจมบพิตดุสิตวนาราม เขตดุสิต ,วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เขตดุสิต, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร, วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ ,วัดยานนาวา เขตสาทร วัดเทพลีลา เขตบางกะปิ, วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน, วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นต้น
ส่วนบริเวณท้องสนามหลวง ยังได้จัดกิจกรรม “สุขกายสุขใจ สวดมนต์ข้ามปี ทำดีร่วมกัน” ประจำปีพุทธศักราช 2559 อีกด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 17.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่ง กทม. จะอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร จากหอพระภายในศาลาว่าการ กทม. ไปตามเส้นทางต่าง ๆ และอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวงในเวลา 16.00 น. ให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลรับเทศกาลปีใหม่ 2559 จากนั้นจะอัญเชิญกลับศาลาว่าการ กทม. ในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2559
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ( ศปถ. ) รายงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ถือเป็นวันที่ 2 ของช่วง 7 วันอันตราย ในการรณรงค์ “สุขกาย สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย รับปีใหม่ 2559” ของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ที่มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมมือของรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2558
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 กล่าวว่า ในวันที่สองได้เกิดอุบัติเหตุรวม 590 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 65 ราย ผู้บาดเจ็บ 624 คน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 20.20 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 16.87
สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.67 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.42 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.76 ถนนใน อบต. และหมู่บ้าน ร้อยละ 34.07
ส่วนยอดสะสมอุบัติเหตุทางถนนรวม 2 วัน (ตั้งแต่ 29 - 30 ธ.ค.58) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,029 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 104 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,080 คน โดยมีจังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมี 2 จังหวัด ได้แก่ สมทุรปราการ และหนองคาย ซึ่งจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดตายเป็นศูนย์ มี 27 จังหวัด ทั้งนี้จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ราชบุรี 32 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี และเพชรบุรี มีจำนวน 5 รายเท่ากัน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดได้แก่ สุพรรณบุรี 45 คน
ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครปฐม และบุรีรัมย์ เกิดอุบัติเหตุ 19 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครปฐม สกลนคร สุรินทร์ นครราชสีมา อุดรธานี กาญจนบุรี และลพบุรี ผู้เสียชีวิต 3 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ สุพรรณบุรี มีผู้บาดเจ็บ 35 คน
สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 29.66 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 51.02 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,103 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,466 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 634,372 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 96,635 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 28,324 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 26,820 ราย
“วานนี้เป็นวันแรกของวันหยุด ช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่ทยอยเดินทางถึงที่หมาย ขณะที่บางส่วนอยู่ระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้สั่งการจังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่อย่างเข้มข้น เน้นดูแลถนนสายหลักที่เป็นเส้นทางสู่ภูมิภาคต่างๆ เส้นทางที่เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัด โดยให้เชื่อมโยงประสานการปฏิบัติการของจุดตรวจในแต่ละพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน เฝ้าระวังถนนสายรองและเส้นทางที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่าน รวมถึงกำชับจุดตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย" นางกอบกาญจน์ กล่าว
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต่อนรับปีใหม่ ได้กำชับจังหวัดดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในบริเวณพื้นที่จัดงานรื่นเริง (Count down) เป็นพิเศษ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวให้วางมาตรการ ดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งเส้นทางสัญจรทางบกและทางน้ำ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำเส้นทางที่มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยกวดขัน ความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสาธารณะ และจัดจุดบริการสำหรับเป็นจุดพักรถระหว่างทาง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชน
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ในวันนี้ (1 ม.ค.59) ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่แล้ว นายกรัฐมนตรีห่วงใยความปลอดภัยของประชาชน จึงได้สั่งกำชับให้ ศปถ.ประสานจังหวัดปรับแผนดูแลความปลอดภัยทางถนนของประชาชน โดยเพิ่มความเข้มข้นของจุดตรวจและด่านชุมชนบริเวณโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง กวดขันผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับ รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่สำหรับเป็นที่จอดพักของผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมขับรถ โดยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร สนธิกำลังดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตำบลหมู่บ้านเป็นพิเศษ โดยใช้มาตรการทางสังคมและชุมชน เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนประชาชนเฉลิมฉลองและเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ 2559 เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย
*** เมาแล้วขับยึดมอเตอร์ไซค์อื้อ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในห้วงเทศกาลปีใหม่ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 -4 ว่า ตั้งแต่ตั้งจุดตรวจเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 18.00 น. จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 18.00 น. พบรถจักรยานยนต์การกระทำผิดทั่วประเทศจำนวน 3,055 ครั้ง โดยพื้นที่ที่พบการกระทำผิดมากที่สุดคือ กองทัพภาคที่ 3 (ภาคเหนือ) จำนวน 2,723 ครั้ง มีดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั่วประเทศจำนวน 3,395 คน ยึดรถจักรยานยนต์ รวม 334 คัน โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนการยึดรถจักรยานยนต์มากที่สุด จำนวน 184 คัน
ส่วนรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำผิดทั่วประเทศ 1,654 ครั้ง และพบการกระทำมากที่สุดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 1,470 ครั้ง มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ขับขี่รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,555 คน และเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถไว้จำนวน 9 คัน โดยทั้ง 9 คันเป็นการปฏิบัติการของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 3 ทั้งนี้ การตั้งด่านตรวจสอบดูแลความสงบและสกัดกั้นการกระทำผิด โดยเฉพาะเหตุเมาแล้วขับจะดำเนินไปตลอดช่วงหยุดเทศกาลเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝากชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกระทรวงมหาดไทย หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) และองค์กรมูลนิธิต่างๆ รวมถึงทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเอาจริงเอาจัง เพื่อดูแลและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
“พงศพัศ” จ่อจับเมาแล้วขับเข้าค่ายทหาร
ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ 10 ) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อให้การระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนรําคาญ อันตราย และความเสียหายอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ ภายหลังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 46/2558 ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ระบุแนวทางดำเนินการกับผู้ขับขี่ยานพาหนะในลักษณะผิดกฎหมาย โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถยึดใบอนุญาตขับขี่ ควบคุมตัวและนำตัวผู้ขับขี่ไปอบรมความประพฤติเป็นการชั่วคราวได้ตามกฎหมาย โดยมี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. ประจำจุด ศปก.สน.เซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ประจำจุด จ.สมุทรสาคร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.ประจำจุด บช.ภ.3 และทั้ง บช.ภ.1-9 เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งให้มีการประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยการจัดงานปีใหม่ในพื้นที่ทั่วประเทศ สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจุดที่สำคัญ 3-4 จุด ซึ่งทางตร.วางกำลังและเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทุกจุดแล้ว ทั้งนี้สถานการณ์ด้านการข่าวไม่พบข้อมูลว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงหรือผิดปกติแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันการประชุมวันนี้เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายหลังมีคำสั่งจากหัวหน้า คสช. ให้ดำเนินการกับผู้ขับขี่ยานพาหนะในลักษณะผิดกฎหมาย ทั้งบุคคลที่กระทําการรวมกลุ่ม หรือมั่วสุม หรือจัดให้มีการรวมกลุ่มในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนําไปสู่การแข่งรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ในทางอันเป็นความผิด และต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก หรือขับขี่รถยนต์โดยสารสาธารณะ และรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร หรือรถบรรทุกตั้งแต่หกล้อขึ้นไป ประมาทและมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกําหนด เป็นเหตุให้มีบุคคลบาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ชีวิต โดยที่ประชุมได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศยึดถือปฏิบัติเพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ สตช. พยายามจะกำหนดมาตรการรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทาวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะเสร็จภายในวันนี้ เพื่อมารองรับการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ฉบับนี้ ซึ่งต้องกำหนดมาตรการขั้นตอนให้ละเอียดมากขึ้น ส่วนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวทั้งการยึดใบอนุญาตขับขี่ การควบคุมตัวผู้เมาแล้วขับหรือผู้แข่งรถในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมาย ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ทั่วไป โดยในคำสั่ง คสช. ระบุให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการนำตัวผู้เมาแล้วขับรวมทั้งผู้แข่งรถซิ่งไปอบรมฟื้นฟูความประพฤติเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า7 วัน แต่ไม่เกิน 15 วัน บริเวณศูนย์ฝึกอบรมของตำรวจหรือค่ายทหารที่ใกล้เคียงกับพื้นที่นั้น ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบว่ากระทำผิดโดยไม่รวมเวลาที่ควบคุมตัวตามคำสั่ง คสช.
"การบังคับใช้มาตรการนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลา อาจจะบังคับใช้ตลอดไป โดยหลังจากใช้มาตรการนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทาง สตช. จะประเมินผลการปฏิบัติการเพื่อนำเรียนต่อนายกฯ ให้รับทราบเพื่อพิจารณาต่อไป”
*** คนนับหมื่นแห่เที่ยวอุทยานราชภักดิ์
นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ เพื่อถวายความจงรักภักดี และเสริมความเป็นสิริมงคลในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2559 ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20.30 น.เป็นต้นไป
ขณะที่ประชาชนกว่า 10,000 คน เริ่มทยอยเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานราชภักดิ์ตั้งแต่ช่วงบ่าย
*** เชียงใหม่คึกคักเงินสะพัด 2 พันล้าน
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวจะเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้เห็นได้จากการเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งอัตราการจองห้องพักโรงแรมที่มีมากกว่าร้อยละ 90 และน่าจะเกือบเต็มแล้ว โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย
โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติเพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นและชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ดอยอินทนนท์ หรือดอยอ่างข่าง เป็นต้น ซึ่งตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 นั้น คาดว่าจังหวัดเชียงใหม่จะมีเงินสะพัดจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวมากถึง 2,000 ล้านบาท
***พุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ข้ามปี
ขณะที่พุทธศาสนิกชนบางส่วนได้เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ที่ตั้งเป้าจะมีผู้ร่วมสวดมนต์ข้ามปีถึง 18 ล้านคน โดยจะมีการจัดกิจกรรมในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2559 เวลา 18.00-00.30 น. ณ วัดในกรุงเทพมหานคร และในต่างจังหวัดกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ
โดยในเขตกรุงเทพมหานครนั้นมีวัดเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกว่า 50 เขต อาทิ วัดเบญจมบพิตดุสิตวนาราม เขตดุสิต ,วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เขตดุสิต, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร, วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ ,วัดยานนาวา เขตสาทร วัดเทพลีลา เขตบางกะปิ, วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน, วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นต้น
ส่วนบริเวณท้องสนามหลวง ยังได้จัดกิจกรรม “สุขกายสุขใจ สวดมนต์ข้ามปี ทำดีร่วมกัน” ประจำปีพุทธศักราช 2559 อีกด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 17.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่ง กทม. จะอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร จากหอพระภายในศาลาว่าการ กทม. ไปตามเส้นทางต่าง ๆ และอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวงในเวลา 16.00 น. ให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลรับเทศกาลปีใหม่ 2559 จากนั้นจะอัญเชิญกลับศาลาว่าการ กทม. ในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2559