วานนี้ ( 29 ธ.ค.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. และอดีต ผบ.ทบ. เปิดบ้านสวนทวดจีบ ที่คลอง 4 จ.ปทุมธานี ให้ข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ และบุคคลที่เคารพนับถือ เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2559
โอกาสนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ได้กล่าวถึงการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในรอบปีที่ผ่านมาว่า ตนคิดว่าบ้านเมืองมีความเรียบร้อย เพราะกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ แต่คิดว่า การเป็นผู้นำรัฐบาล จะต้องมีหลักที่ประกอบไปด้วย ความซื่อสัตย์ คุณธรรม และ เมตตาธรรม หากมีครบทั้ง 3 ข้อนี้ ก็จะเป็นผู้นำที่มีความรุ่งเรือง และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแผ่บารมี ให้อภัยอะไรได้ ก็ควรให้อภัย ไม่ใช่จ้องแต่จะจองล้างจองผลาญกันตลอด โดยสิ่งที่จะต้องทำก็คือ บังคับใช้กฎหมายเพื่อความยุติธรรม ขณะเดียวกันข้อมูลข่าวสารที่ระดับผู้นำควรระวัง เพราะมีแต่คน รอบข้างคอยให้แต่ข่าวดี ในทางตรงกันข้ามประชาชนส่วนใหญ่ ยังมีความเดือดร้อน แต่ว่าพวกเขายังคงมีความอดทน ก็นับว่ายังเป็นความโชคดีของรัฐบาลอยู่
"ทุกยุคทุกสมัย ผู้นำมักจะเสียก็เพราะคนใกล้ชิด นี่แหละเป็นสัจธรรมที่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น ถ้าไม่เป็นแบบนั้นผมคิดว่าเยี่ยมมาก" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว และว่า คนเป็นนายกฯ ต้องหูตากว้าง ต้องมีสายข่าวที่ตรวจสอบชัด
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรว่า เป็นเรื่องน่าหนักใจ และน่าเห็นใจ ก็ค่อยๆ แก้ไป ซึ่งเม็ดเงินที่รัฐบาลลงทุนไป อย่าไปกระจุกเพียงจุดเดียว แต่ควรต้องกระจายลงไป ซึ่งสมัยที่ยังมี ส.ส. เม็ดเงินยังสามารถกระจายลงไปถึงประชาชน แต่ตอนนี้ ลงไปกระจุกเพียงแค่จุดเดียว ฉะนั้นรัฐบาลควรเข้าไปตรวจสอบ รับรองว่าเจอแน่ๆ
เมื่อถามว่า ปีหน้าประเมินว่าจะเกิดวิกฤตหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าใช้หลักการที่ตนกล่าวไป คงไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ยึดหลักการ และยังกดไว้เช่นนี้อยู่ คิดว่าเหนื่อย ส่วนทิศทางการเมืองเป็นอย่างไร บอกเลยว่า ดูไม่ออก เพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ที่ดูออกคือ ความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนรัฐบาลจะดูออกหรือไม่นั้น คิดว่าในเมื่อมีสายข่าวเยอะแล้ว ก็ต้องใช้ให้ถูก เพื่อจะได้ข้อเท็จจริง
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังกล่าวถึงบทบาทกองทัพด้วยว่า โดยภาพรวม ก็โอเคดี แต่ไปอย่ายึดหลักเล่นพรรคเล่นพวก ใครเป็นเด็กใคร ซึ่งสมัยที่ตนเป็น ผบ.ทบ. ก็ทำไว้เป็นตัวอย่างแล้ว โดยพิจารณานายทหารทุกรุ่น ดูทุกสิ่ง และให้ความยุติธรรมทุกกองทัพภาค แต่ตอนนี้ ตนไม่ทราบว่าในกองทัพเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าปกครองโดยหลักยุติธรรม พิจารณาตามขีดความสามารถ ก็จะส่งผลให้การบริหารงานกองทัพไปต่อได้ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญ หากมีการทำประชามติแล้วไม่ผ่าน อาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้งล่าช้านั้น ตนคิดว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้มีเพียงแค่ฉบับเดียว แต่ร่างกันมาหลายฉบับแล้ว ฉะนั้นคิดว่า กรธ.ก็ควรไปคัดเลือกข้อดีของฉบับต่างๆ มา ว่าอันใดเป็นประชาธิปไตย มีความยุติธรรม ซึ่งแทบจะไม่ต้องร่างกันใหม่เลย เพียงแค่ไปเอาข้อดีมา ส่วนของเสียก็ตัดออกไป ถ้ากรธ. ไม่จ้องแต่จะเอาเงื่อนไขต่างๆ ไปผูกมัดเพื่อสร้างเงื่อนไขอีก
"อย่าลืมว่าประชาชนเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้โง่แล้ว เขารู้ทันเกมหมดแล้ว บางทีที่เขาอดทนอยู่ก็อยากให้บ้านเมืองปรองดอง สามัคคี ถ้าอยากให้ปรองดองผมคิดว่าทำให้ได้ ในเมื่อมีอำนาจสักอย่าง ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้าผมเอาใจเขามาใส่ใจเราก็คิดว่าอยากให้มีเลือกตั้ง แต่ก็น่าจะเหนื่อยอยู่"
เมื่อถามถึงกรณีการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำตามนโยบายแล้วมีความผิดพลาด ก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่คิดว่าอย่าใช้กฎหมายมารังแกแต่ตระกูลชินวัตร อย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลเก่าๆ ที่ทำผิดพลาด เสียหายมากๆ ตนไม่เห็นว่าจะโดนลงโทษเลย เพราะฉะนั้น ความเป็นธรรมต้องมี อย่าให้คนรู้สึกว่าพวกนั้นโดนอย่างเดียว แต่อีกพวกไม่โดนเลย ดังนั้น ตราบใดที่บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้น บ้านเมืองก็จะไม่เป็นสุข
โอกาสนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ได้กล่าวถึงการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในรอบปีที่ผ่านมาว่า ตนคิดว่าบ้านเมืองมีความเรียบร้อย เพราะกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ แต่คิดว่า การเป็นผู้นำรัฐบาล จะต้องมีหลักที่ประกอบไปด้วย ความซื่อสัตย์ คุณธรรม และ เมตตาธรรม หากมีครบทั้ง 3 ข้อนี้ ก็จะเป็นผู้นำที่มีความรุ่งเรือง และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแผ่บารมี ให้อภัยอะไรได้ ก็ควรให้อภัย ไม่ใช่จ้องแต่จะจองล้างจองผลาญกันตลอด โดยสิ่งที่จะต้องทำก็คือ บังคับใช้กฎหมายเพื่อความยุติธรรม ขณะเดียวกันข้อมูลข่าวสารที่ระดับผู้นำควรระวัง เพราะมีแต่คน รอบข้างคอยให้แต่ข่าวดี ในทางตรงกันข้ามประชาชนส่วนใหญ่ ยังมีความเดือดร้อน แต่ว่าพวกเขายังคงมีความอดทน ก็นับว่ายังเป็นความโชคดีของรัฐบาลอยู่
"ทุกยุคทุกสมัย ผู้นำมักจะเสียก็เพราะคนใกล้ชิด นี่แหละเป็นสัจธรรมที่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น ถ้าไม่เป็นแบบนั้นผมคิดว่าเยี่ยมมาก" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว และว่า คนเป็นนายกฯ ต้องหูตากว้าง ต้องมีสายข่าวที่ตรวจสอบชัด
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรว่า เป็นเรื่องน่าหนักใจ และน่าเห็นใจ ก็ค่อยๆ แก้ไป ซึ่งเม็ดเงินที่รัฐบาลลงทุนไป อย่าไปกระจุกเพียงจุดเดียว แต่ควรต้องกระจายลงไป ซึ่งสมัยที่ยังมี ส.ส. เม็ดเงินยังสามารถกระจายลงไปถึงประชาชน แต่ตอนนี้ ลงไปกระจุกเพียงแค่จุดเดียว ฉะนั้นรัฐบาลควรเข้าไปตรวจสอบ รับรองว่าเจอแน่ๆ
เมื่อถามว่า ปีหน้าประเมินว่าจะเกิดวิกฤตหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าใช้หลักการที่ตนกล่าวไป คงไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ยึดหลักการ และยังกดไว้เช่นนี้อยู่ คิดว่าเหนื่อย ส่วนทิศทางการเมืองเป็นอย่างไร บอกเลยว่า ดูไม่ออก เพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ที่ดูออกคือ ความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนรัฐบาลจะดูออกหรือไม่นั้น คิดว่าในเมื่อมีสายข่าวเยอะแล้ว ก็ต้องใช้ให้ถูก เพื่อจะได้ข้อเท็จจริง
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังกล่าวถึงบทบาทกองทัพด้วยว่า โดยภาพรวม ก็โอเคดี แต่ไปอย่ายึดหลักเล่นพรรคเล่นพวก ใครเป็นเด็กใคร ซึ่งสมัยที่ตนเป็น ผบ.ทบ. ก็ทำไว้เป็นตัวอย่างแล้ว โดยพิจารณานายทหารทุกรุ่น ดูทุกสิ่ง และให้ความยุติธรรมทุกกองทัพภาค แต่ตอนนี้ ตนไม่ทราบว่าในกองทัพเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าปกครองโดยหลักยุติธรรม พิจารณาตามขีดความสามารถ ก็จะส่งผลให้การบริหารงานกองทัพไปต่อได้ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญ หากมีการทำประชามติแล้วไม่ผ่าน อาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้งล่าช้านั้น ตนคิดว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้มีเพียงแค่ฉบับเดียว แต่ร่างกันมาหลายฉบับแล้ว ฉะนั้นคิดว่า กรธ.ก็ควรไปคัดเลือกข้อดีของฉบับต่างๆ มา ว่าอันใดเป็นประชาธิปไตย มีความยุติธรรม ซึ่งแทบจะไม่ต้องร่างกันใหม่เลย เพียงแค่ไปเอาข้อดีมา ส่วนของเสียก็ตัดออกไป ถ้ากรธ. ไม่จ้องแต่จะเอาเงื่อนไขต่างๆ ไปผูกมัดเพื่อสร้างเงื่อนไขอีก
"อย่าลืมว่าประชาชนเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้โง่แล้ว เขารู้ทันเกมหมดแล้ว บางทีที่เขาอดทนอยู่ก็อยากให้บ้านเมืองปรองดอง สามัคคี ถ้าอยากให้ปรองดองผมคิดว่าทำให้ได้ ในเมื่อมีอำนาจสักอย่าง ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้าผมเอาใจเขามาใส่ใจเราก็คิดว่าอยากให้มีเลือกตั้ง แต่ก็น่าจะเหนื่อยอยู่"
เมื่อถามถึงกรณีการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำตามนโยบายแล้วมีความผิดพลาด ก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่คิดว่าอย่าใช้กฎหมายมารังแกแต่ตระกูลชินวัตร อย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลเก่าๆ ที่ทำผิดพลาด เสียหายมากๆ ตนไม่เห็นว่าจะโดนลงโทษเลย เพราะฉะนั้น ความเป็นธรรมต้องมี อย่าให้คนรู้สึกว่าพวกนั้นโดนอย่างเดียว แต่อีกพวกไม่โดนเลย ดังนั้น ตราบใดที่บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้น บ้านเมืองก็จะไม่เป็นสุข