00 จูนอารมณ์ไม่ถูกกับท่าทีของ“ท่านผู้นำ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันก่อนยังชมสื่อว่า เสนอข่าวการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีอย่างสร้างสรรค์อยู่หลัดๆ พอมาวันปิดงาน ไม่รู้ไปกินอะไรผิดสำแดงมา ขึ้นเวทีซัด“สื่อมวลชน”โครมๆ ถึงขั้นตวาดไปถึง“คอลัมนิสต์”บางคนด้วยว่า“มึงอย่ามาเขียนไม่สร้างสรรค์” ก็ไม่รู้ใครไปเหยียบ“ตาปลา”ท่านเข้า หวังว่าไม่ใช่ข่าวปนคนฯ แห่งนี้นะคร้าบบบ..
00 อาการว้ากๆ ที่ว่า ไม่ได้เป็นแต่“เจ้านาย”คนเดียว “ลูกน้อง”อย่าง“เสธ.ไก่อู”พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ก็ใช่ย่อย จริงๆ ก็สะกิดเตือนไปหลายหนแล้ว ก็ยังไม่เลิกกับพฤติกรรมสร้างวาทกรรมโจมตีฝั่งตรงข้าม อย่างล่าสุดเรื่อง เลิกไม่เลิก“30บาทรักษาทุกโรค” แทนที่จะอธิบายหลักคิด และแนวทางการปรับปรุงโครงการของรัฐบาลเป็นอย่างไร นี่มายืนกระต่ายขาเดียวว่า“ไม่เคยอยู่ในความคิด”หลังจากนั้น ก็ด่ากราดไปถึงส.ส.เพื่อไทยว่า เป็นพวก“เผาบ้านเผาเมือง-โอหัง-โกหก–สร้างข้อมูลเท็จ”สรุปประชาชนไม่ได้สาระอะไรจากข่าวนี้เลย มีแต่ด่ากันไปมา ยิ่งกว่าสมัย“รัฐบาลเลือกตั้ง”เสียอีก
00ทางที่ดี “เสธ.ไก่อู”น่าจะไปคุยกับ น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ให้เข้าใจตรงกันก่อน ก็“หมอปิยะสกล”พูดเอง ในช่วงแถลงผลงานรัฐบาลว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ“บัตรทอง”มีแนวโน้มการใช้งบประมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว จึงมีแนวคิดให้“ประชาชนร่วมจ่าย”ตามแนวทาง“ประชารัฐ”ตีความตามนี้ก็รู้ว่า ไม่เลิกหรอก แต่ประชาชนต้องควักกระเป๋าตัวเอง ซึ่งคงมากกว่า 30 บาทแน่นอน และแบบนี้ยังจะเป็น“30บาทรักษาทุกโรค”อยู่หรือ
00 ฮ่าๆ อันนี้โดนใจ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จัดหนัก“คุณน้อง”กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ดีไม่ว่าดี ดันไป“โยนขี้”ให้“นักการเมือง”ว่าเป็นต้นตอทำให้การท่องเที่ยวของประเทศมีปัญหา “เฮียนิพิฏฐ์”ฟังแล้วขัดหู เลยออกมา “สอนมวย”ว่า “คุณน้อง”อย่ามาใช้มุกตื้นๆ เอะอะๆ ก็ด่านักการเมือง แล้วที่ภูมิอกภูมิใจกับตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ ที่มี 29.6 ล้านคนน่ะ “เฮียนิพิฏฐ์” กรีดเบาๆ ตามสไตล์ปชป.ว่า ถึงไม่มีรัฐมนตรี ตัวเลขก็เพิ่มอยู่ดี และถือว่าปีนี้ตัวเลขน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ
00 ก็จริงอย่างที่ “เฮียนิพิฏฐ์”เขาว่า ปีกว่าที่ผ่านมา งานท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้การนำของ“รมต.น้อง”ก็ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นจริงๆ ทั้งๆที่การท่องเที่ยวถือเป็น“แม่น้ำสายหลัก”ที่หล่อเลี้ยงประเทศในขณะที่การส่งออกซบเซาอย่างหนัก แต่“ก.ท่องเที่ยวฯ”ก็ไม่เห็นมีนโยบายในเชิงยุทธศาสตร์อะไรออกมาให้ชื่นชม จะเห็นก็แค่ช่วงหนึ่งเจอข่าว“รมต.น้อง”ไปโผล่อยู่ที่สนามบิน คอยมอบดอกไม้ต้อนรับนักท่องเที่ยวคนที่ 18 ล้าน 19 ล้าน 20 ล้าน.. แล้วให้ทีมงานชักภาพมาส่งข่าวแบบถี่ๆ เท่านั้น
00 ส่วนงานกีฬายิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเม้าท์ กันทั้งกระทรวงว่า คุณเธอจ้องจะ“โหนกระแส”ท่าเดียว ใครไปแข่งอะไร คว้าแชมป์ ได้รางวัลอะไรกลับมา เจอะเจอ“ทั่น รมต.”ได้ที่แอร์พอร์ต จากนั้นก็ปิดจ๊อบด้วยการล็อคคิว หิ้วมาหานายกฯ ในทำเนียบฯ แต่ตอนใครจะไปแข่งอะไร ที่ไหน ไม่เห็นสนใจ ปีหน้านี่ก็ถึง“โอลิมปิกเกมส์ 2016”ที่ลอนดอนแล้ว วาน “คุณน้อง”ไปเช็คหน่อยว่า ถึงตอนนี้ มีนักกีฬาไทยได้สิทธิ์ไปแข่งกี่หน่อแล้ว มากหรือน้อยกว่าโอลิมปิกหนก่อน แค่ไหน อย่างไร ทางที่ดีแถลงเป็นข่าวหน่อยก็ดี อย่าปล่อยตามมีตามเกิดแบบนี้ “คนกีฬา”เขาฝากด่า เอ้ยย..บ่นมา
00 ราคายางพาราตกต่ำแบบโงหัวไม่ขึ้น “3 โลร้อย”คือราคาในช่วงนี้ พี่น้องชาวสวนยางก็ได้แต่ทำใจ รัฐบาลก็ยืนกรานท่าเดียวว่า ไม่มีนโยบายอุดหนุนราคา ใครก่อหวอดประท้วง ก็โดน คสช.เล่นอีก ความหวังของ“ชาวสวนยาง”ตอนนี้จึงอยู่ที่“องค์กรการยางแห่งประเทศไทย”องค์กรแห่งใหม่ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นาน ซึ่งจะมารับผิดชอบดู-จัดการผลผลิตยางของประเทศทั้งระบบ อย่างครบวงจร โดยช่วงนี้กำลังเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อการสรรหาให้เป็น“ผู้ว่าการ”คนแรกขององค์กร แต่ไม่ทันไรก็มีข่าว“ล็อกสเปก”ในการสรรหา กลายเป็น “วงจรอุบาทว์”อีกแล้ว
00 เรื่องของเรื่องก็โครงสร้าง“การยางแห่งชาติ”กำหนดให้มีผู้แทนกรรมการผู้ทรงวุฒิหรือ“บอร์ด”จากเกษตรกร-สถาบันเกษตรกร หรือ “ภาคประชาชน” 5 คน และจาก“ข้าราชการ” 5 คนเท่ากัน เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ คนเป็น“ผู้ว่าการ”จึงมีความสำคัญในการชี้ขาดเรื่องต่างๆ จึงเกิดกระบวนการ“บล็อก”ผู้สมัครที่เป็น “ตัวเก็ง”จากภาคประชาชน โดย“กลุ่มอำนาจเก่า”ที่ “หากิน”อยู่กับวงการยาง เพื่อ “ล็อก”คนของตัวเองเข้าไปกุมอำนาจให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง คงกลัวว่าหากผู้นำองค์กรใหม่มาจากภาคประชาชนแล้วจะ “กินกันไม่ถนัด”นั่นเอง ถึงขนาดสั่งให้“บิ๊ก ก.เกษตรฯ”สั่งล้มกระดานการสรรหาครั้งแรก ที่มีผู้สมัคร 3 คน และเปิดให้มีการรับสมัครใหม่ ฝาก “บิ๊กฉัตร”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงไปดูนิดนะครับ .
00 อาการว้ากๆ ที่ว่า ไม่ได้เป็นแต่“เจ้านาย”คนเดียว “ลูกน้อง”อย่าง“เสธ.ไก่อู”พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ก็ใช่ย่อย จริงๆ ก็สะกิดเตือนไปหลายหนแล้ว ก็ยังไม่เลิกกับพฤติกรรมสร้างวาทกรรมโจมตีฝั่งตรงข้าม อย่างล่าสุดเรื่อง เลิกไม่เลิก“30บาทรักษาทุกโรค” แทนที่จะอธิบายหลักคิด และแนวทางการปรับปรุงโครงการของรัฐบาลเป็นอย่างไร นี่มายืนกระต่ายขาเดียวว่า“ไม่เคยอยู่ในความคิด”หลังจากนั้น ก็ด่ากราดไปถึงส.ส.เพื่อไทยว่า เป็นพวก“เผาบ้านเผาเมือง-โอหัง-โกหก–สร้างข้อมูลเท็จ”สรุปประชาชนไม่ได้สาระอะไรจากข่าวนี้เลย มีแต่ด่ากันไปมา ยิ่งกว่าสมัย“รัฐบาลเลือกตั้ง”เสียอีก
00ทางที่ดี “เสธ.ไก่อู”น่าจะไปคุยกับ น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ให้เข้าใจตรงกันก่อน ก็“หมอปิยะสกล”พูดเอง ในช่วงแถลงผลงานรัฐบาลว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ“บัตรทอง”มีแนวโน้มการใช้งบประมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว จึงมีแนวคิดให้“ประชาชนร่วมจ่าย”ตามแนวทาง“ประชารัฐ”ตีความตามนี้ก็รู้ว่า ไม่เลิกหรอก แต่ประชาชนต้องควักกระเป๋าตัวเอง ซึ่งคงมากกว่า 30 บาทแน่นอน และแบบนี้ยังจะเป็น“30บาทรักษาทุกโรค”อยู่หรือ
00 ฮ่าๆ อันนี้โดนใจ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จัดหนัก“คุณน้อง”กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ดีไม่ว่าดี ดันไป“โยนขี้”ให้“นักการเมือง”ว่าเป็นต้นตอทำให้การท่องเที่ยวของประเทศมีปัญหา “เฮียนิพิฏฐ์”ฟังแล้วขัดหู เลยออกมา “สอนมวย”ว่า “คุณน้อง”อย่ามาใช้มุกตื้นๆ เอะอะๆ ก็ด่านักการเมือง แล้วที่ภูมิอกภูมิใจกับตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ ที่มี 29.6 ล้านคนน่ะ “เฮียนิพิฏฐ์” กรีดเบาๆ ตามสไตล์ปชป.ว่า ถึงไม่มีรัฐมนตรี ตัวเลขก็เพิ่มอยู่ดี และถือว่าปีนี้ตัวเลขน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ
00 ก็จริงอย่างที่ “เฮียนิพิฏฐ์”เขาว่า ปีกว่าที่ผ่านมา งานท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้การนำของ“รมต.น้อง”ก็ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นจริงๆ ทั้งๆที่การท่องเที่ยวถือเป็น“แม่น้ำสายหลัก”ที่หล่อเลี้ยงประเทศในขณะที่การส่งออกซบเซาอย่างหนัก แต่“ก.ท่องเที่ยวฯ”ก็ไม่เห็นมีนโยบายในเชิงยุทธศาสตร์อะไรออกมาให้ชื่นชม จะเห็นก็แค่ช่วงหนึ่งเจอข่าว“รมต.น้อง”ไปโผล่อยู่ที่สนามบิน คอยมอบดอกไม้ต้อนรับนักท่องเที่ยวคนที่ 18 ล้าน 19 ล้าน 20 ล้าน.. แล้วให้ทีมงานชักภาพมาส่งข่าวแบบถี่ๆ เท่านั้น
00 ส่วนงานกีฬายิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเม้าท์ กันทั้งกระทรวงว่า คุณเธอจ้องจะ“โหนกระแส”ท่าเดียว ใครไปแข่งอะไร คว้าแชมป์ ได้รางวัลอะไรกลับมา เจอะเจอ“ทั่น รมต.”ได้ที่แอร์พอร์ต จากนั้นก็ปิดจ๊อบด้วยการล็อคคิว หิ้วมาหานายกฯ ในทำเนียบฯ แต่ตอนใครจะไปแข่งอะไร ที่ไหน ไม่เห็นสนใจ ปีหน้านี่ก็ถึง“โอลิมปิกเกมส์ 2016”ที่ลอนดอนแล้ว วาน “คุณน้อง”ไปเช็คหน่อยว่า ถึงตอนนี้ มีนักกีฬาไทยได้สิทธิ์ไปแข่งกี่หน่อแล้ว มากหรือน้อยกว่าโอลิมปิกหนก่อน แค่ไหน อย่างไร ทางที่ดีแถลงเป็นข่าวหน่อยก็ดี อย่าปล่อยตามมีตามเกิดแบบนี้ “คนกีฬา”เขาฝากด่า เอ้ยย..บ่นมา
00 ราคายางพาราตกต่ำแบบโงหัวไม่ขึ้น “3 โลร้อย”คือราคาในช่วงนี้ พี่น้องชาวสวนยางก็ได้แต่ทำใจ รัฐบาลก็ยืนกรานท่าเดียวว่า ไม่มีนโยบายอุดหนุนราคา ใครก่อหวอดประท้วง ก็โดน คสช.เล่นอีก ความหวังของ“ชาวสวนยาง”ตอนนี้จึงอยู่ที่“องค์กรการยางแห่งประเทศไทย”องค์กรแห่งใหม่ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นาน ซึ่งจะมารับผิดชอบดู-จัดการผลผลิตยางของประเทศทั้งระบบ อย่างครบวงจร โดยช่วงนี้กำลังเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อการสรรหาให้เป็น“ผู้ว่าการ”คนแรกขององค์กร แต่ไม่ทันไรก็มีข่าว“ล็อกสเปก”ในการสรรหา กลายเป็น “วงจรอุบาทว์”อีกแล้ว
00 เรื่องของเรื่องก็โครงสร้าง“การยางแห่งชาติ”กำหนดให้มีผู้แทนกรรมการผู้ทรงวุฒิหรือ“บอร์ด”จากเกษตรกร-สถาบันเกษตรกร หรือ “ภาคประชาชน” 5 คน และจาก“ข้าราชการ” 5 คนเท่ากัน เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ คนเป็น“ผู้ว่าการ”จึงมีความสำคัญในการชี้ขาดเรื่องต่างๆ จึงเกิดกระบวนการ“บล็อก”ผู้สมัครที่เป็น “ตัวเก็ง”จากภาคประชาชน โดย“กลุ่มอำนาจเก่า”ที่ “หากิน”อยู่กับวงการยาง เพื่อ “ล็อก”คนของตัวเองเข้าไปกุมอำนาจให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง คงกลัวว่าหากผู้นำองค์กรใหม่มาจากภาคประชาชนแล้วจะ “กินกันไม่ถนัด”นั่นเอง ถึงขนาดสั่งให้“บิ๊ก ก.เกษตรฯ”สั่งล้มกระดานการสรรหาครั้งแรก ที่มีผู้สมัคร 3 คน และเปิดให้มีการรับสมัครใหม่ ฝาก “บิ๊กฉัตร”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงไปดูนิดนะครับ .