ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" ยันแนวคิดใส่รายได้ในบัตรประชาชนไม่ใช่เรื่องเสียหาย ด้าน"อนุพงษ์"โบ้ยสื่อเพ้อเจ้อ "ศิริโชค" ชี้ต้นเหตุจากรัฐบาลสื่อสารมั่ว ทำให้สังคมสับสน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังการประชุมครม. ถึงแนวคิดที่จะระบุอาชีพ และรายได้ ไว้ในบัตรประชาชนว่า ผมก็พูดเร็วไปด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจ มันจะมีใครเอาข้อมูลไปลงบัตรได้เยอะแยะขนาดนั้น มีคนเขียนมาในโซเชียลว่าในบัตรเขียนชื่อ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ทำนองนี้ อาชีพ นักฆ่ามหาประลัย รายได้ สามสิบหลัก ปัดโธ่ อะไรของมันวะ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเนี่ย มันกลายเป็นเรื่องตลกไปหมด แล้วก็หาว่าผมคิดโง่ๆ
“ บางคนบอกว่าอย่างนี้ก็เปลี่ยนอาชีพไม่ได้ ปัดโธ่ ถ้าจะเปลี่ยนก็ไปแจ้งเปลี่ยนเหมือนทำบัตรประชาชนหาย ไปทำใหม่ ข้อมูลก็อยู่ในเครื่องเหมือนกับในอดีต หรือสมมติว่ามีกำหนดรายได้ขั้นต่ำในการเสียภาษีปีละ 150,000 บาท แล้วเธอจะแจ้งเมื่อไร เขาก็ยังไม่ได้ตรวจ อีกอย่างชื่อคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี เข้าใจหรือไม่ คนพวกนี้จะไม่มีชื่อในระบบภาษีเลย แต่เราต้องใช้เงินสนับสนุนเขาตลอดเวลา สู้เราทำให้ชัดเจน แล้วมันจะเสียหายตรงไหน ที่ผมต้องการคือทำให้คนเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นั่นคือเจตนารมณ์ของผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับบัตรประชาชนเลย และไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทยด้วย เป็นเรื่องที่ นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะ ซึ่งในส่วนของตน มีหน้าที่ทำ 2 เรื่อง คือหาข้อมูลประชาชนทั้งหมด ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลเอาไว้ใช้ในการบริหารงานของรัฐบาล และดูการเชื่อมโยงข้อมูลประชาชนที่มี เพื่อให้บริการ โดยเรื่องนี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 28 ธ.ค. เพื่อหาเจ้าภาพรับผิดชอบ
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ส่วนการเชื่อมโยงข้อมูล อย่างกรณียื่นขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องเอาเอกสารอย่างอื่นไป มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวพอ เพราะจะมีฐานข้อมูลทั้งหมด เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถออกได้เลย ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน หลักๆก็มีแค่นี้ สื่ออย่าไปเขียนให้ประชาชนสับสน หรือไขว้เขว อย่าไปลงอะไรเพ้อเจ้ออีก
นายศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองได้นำเสนอ จนทำให้สื่อสารกับประชาชนไปแบบผิดๆ ตนเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะดำเนินการก็คือ การทำให้เกิดสมาร์ทกัฟเวอร์เมนท์ (Smart Government)ขึ้น ถ้าหากทำได้นั้น ก็จะเป็นการบูรณาการข้อมูลของประชาชนที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยงานต่างๆ ทุกอย่างจะสามารถเข้าถึงและดำเนินการอัพเดทข้อมูลต่างๆได้โดยใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
"ผมขอเรียกร้องให้ทางรัฐบาลหากต้องการจะสื่อสารกับสังคมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคโนโลยีและสารสนเทศนั้น รัฐบาลควรจะผลักดันให้มีความเป็นรูปธรรมโดยชัดเจนเสียก่อน แล้วค่อยมานำเสนอให้กับประชาชนได้รับทราบจะดีกว่ามานำเสนอแบบนี้ เพราะคราวก่อนรัฐบาลก็ได้นำเสนอเรื่องของ Single Gateway แบบที่ตัวรัฐบาลเองก็ยังไม่เข้าใจดี จนส่งผลทำให้สังคมเกิดความสับสนมาแล้วครั้งหนึ่ง"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังการประชุมครม. ถึงแนวคิดที่จะระบุอาชีพ และรายได้ ไว้ในบัตรประชาชนว่า ผมก็พูดเร็วไปด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจ มันจะมีใครเอาข้อมูลไปลงบัตรได้เยอะแยะขนาดนั้น มีคนเขียนมาในโซเชียลว่าในบัตรเขียนชื่อ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ทำนองนี้ อาชีพ นักฆ่ามหาประลัย รายได้ สามสิบหลัก ปัดโธ่ อะไรของมันวะ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเนี่ย มันกลายเป็นเรื่องตลกไปหมด แล้วก็หาว่าผมคิดโง่ๆ
“ บางคนบอกว่าอย่างนี้ก็เปลี่ยนอาชีพไม่ได้ ปัดโธ่ ถ้าจะเปลี่ยนก็ไปแจ้งเปลี่ยนเหมือนทำบัตรประชาชนหาย ไปทำใหม่ ข้อมูลก็อยู่ในเครื่องเหมือนกับในอดีต หรือสมมติว่ามีกำหนดรายได้ขั้นต่ำในการเสียภาษีปีละ 150,000 บาท แล้วเธอจะแจ้งเมื่อไร เขาก็ยังไม่ได้ตรวจ อีกอย่างชื่อคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี เข้าใจหรือไม่ คนพวกนี้จะไม่มีชื่อในระบบภาษีเลย แต่เราต้องใช้เงินสนับสนุนเขาตลอดเวลา สู้เราทำให้ชัดเจน แล้วมันจะเสียหายตรงไหน ที่ผมต้องการคือทำให้คนเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นั่นคือเจตนารมณ์ของผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับบัตรประชาชนเลย และไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทยด้วย เป็นเรื่องที่ นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะ ซึ่งในส่วนของตน มีหน้าที่ทำ 2 เรื่อง คือหาข้อมูลประชาชนทั้งหมด ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลเอาไว้ใช้ในการบริหารงานของรัฐบาล และดูการเชื่อมโยงข้อมูลประชาชนที่มี เพื่อให้บริการ โดยเรื่องนี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 28 ธ.ค. เพื่อหาเจ้าภาพรับผิดชอบ
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ส่วนการเชื่อมโยงข้อมูล อย่างกรณียื่นขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องเอาเอกสารอย่างอื่นไป มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวพอ เพราะจะมีฐานข้อมูลทั้งหมด เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถออกได้เลย ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน หลักๆก็มีแค่นี้ สื่ออย่าไปเขียนให้ประชาชนสับสน หรือไขว้เขว อย่าไปลงอะไรเพ้อเจ้ออีก
นายศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองได้นำเสนอ จนทำให้สื่อสารกับประชาชนไปแบบผิดๆ ตนเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะดำเนินการก็คือ การทำให้เกิดสมาร์ทกัฟเวอร์เมนท์ (Smart Government)ขึ้น ถ้าหากทำได้นั้น ก็จะเป็นการบูรณาการข้อมูลของประชาชนที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยงานต่างๆ ทุกอย่างจะสามารถเข้าถึงและดำเนินการอัพเดทข้อมูลต่างๆได้โดยใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
"ผมขอเรียกร้องให้ทางรัฐบาลหากต้องการจะสื่อสารกับสังคมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคโนโลยีและสารสนเทศนั้น รัฐบาลควรจะผลักดันให้มีความเป็นรูปธรรมโดยชัดเจนเสียก่อน แล้วค่อยมานำเสนอให้กับประชาชนได้รับทราบจะดีกว่ามานำเสนอแบบนี้ เพราะคราวก่อนรัฐบาลก็ได้นำเสนอเรื่องของ Single Gateway แบบที่ตัวรัฐบาลเองก็ยังไม่เข้าใจดี จนส่งผลทำให้สังคมเกิดความสับสนมาแล้วครั้งหนึ่ง"