xs
xsm
sm
md
lg

รสนาจี้คสช.เลิกตามก้นทุนพลังงาน หยุดพรบ.ปิโตรเลียม2ฉบับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อดีต สปช.ค้านนำร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2 ฉบับ ของกระทรวงพลังงานเข้า ครม. ชี้เข้าทางโรดแมปกลุ่มทุนพลังงาน หวังยึดกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมต่ออีก 39 ปี พร้อมฮุบท่อก๊าซเป็นของเอกชน

เมื่อเวลา 17.09 น. วานนี้ (6ธ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติด้าพลังงาน ได้โพสต์บทความในเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล เรื่อง "รัฐบาลคสช.โปรดหยุดเดินตามโรดแมปกลุ่มทุนพลังงาน" เพื่อแสดงความคิดเห็นคัดค้านการนำร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2 ฉบับ ที่กระทรวงพลังงานเป็นผู้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้

น.ส.รสนา ระบุว่า ลิ่วล้อกลุ่มทุนพลังงานทั้งในและต่างชาติ พากันออกมาแถลงข่าวเร่งรัดรัฐบาลคสช.ต้องตัดสินใจผ่านร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับปะผุ ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้

ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับปะผุนี้ ไม่ได้แก้ไขให้เกิดประโยชน์กับประเทศแต่ประการใด แต่เป็นกฎหมายที่ยึดระบบสัมปทาน ที่ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพยากรปิโตรเลียมที่ค้นพบให้เป็นของเอกชน เหมือนที่เคยใช้มาเป็นเวลา 44 ปีแล้ว ยิ่งกว่านั้น กฎหมายปะผุฉบับนี้ยังเพิ่มโอกาสให้เอกชนสามารถขอสิทธิในสัมปทานครอบครองพื้นที่แบบรวดเดียว 39 ปี ดังนั้น กฎหมายปะผุฉบับนี้จึงมุ่งให้ประโยชน์บริษัทเอกชน มากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก

ส่วนข้อเรียกร้องของเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ที่ให้มีการยกร่างกฎหมายปิโตรเลียมใหม่ เพื่อแก้ไขจุดอ่อนที่ประเทศเสียเปรียบมานาน เช่น ให้เปลี่ยน"ระบบสัมปทาน" มาเป็น"ระบบแบ่งปันผลผลิต" ที่หัวใจคือ การเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ในปิโตรเลียมที่ค้นพบมาเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศ ในฐานะเจ้าของทรัพยากร แต่ถูกขัดขวาง และดิสเครดิตจากลิ่วล้อกลุ่มทุนพลังงาน และรัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงร่างกฎหมายปิโตรเลียมอย่างที่ท่านนายกฯมีบัญชาก่อนหน้านี้

แล้วจู่ๆ รมว.พลังงาน ก็ออกมาประกาศว่า "ที่ผ่านมาได้รับฟังทุกฝ่าย ทำความเข้าใจ ชี้แจงกันมาตลอด ถ้ารัฐบาลตัดสินใจอย่างไร ก็ถือว่าได้คิดดีแล้ว"

ถ้ารัฐบาลตัดสินใจตามสิ่งที่รมว.พลังงานกล่าว ก็ต้องถือว่ารัฐบาลเลือกทำตามโรดแมปของกลุ่มทุนพลังงาน คือ 1 ) ต้องรีบผลักดันกฎหมายปิโตรเลียมให้ผ่านเป็นกฎหมายมาใช้บังคับโดยเร็วที่สุดในยุคอำนาจพิเศษของคสช.และเป็นกฎหมายที่คงระบบสัมปทานไว้เพื่อให้กรรมสิทธิ์ในทรัพยากรปิโตรเลียมยังเป็นของเอกชนต่อไปอย่างน้อย 39 ปี

2) ท่อก๊าซธรรมชาติที่ท่านนายกฯ ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า ท่อก๊าซเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือเป็นสมบัติของบริษัทเอกชน ตั้งแต่ ส.ค.57 จนบัดนี้ ยังไม่มีวี่แววจะประกาศคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาเลย เพราะอะไรกฤษฎีกาใช้เวลานานขนาดนั้น เป็นเพราะขาดประสิทธิภาพ หรือเพราะฝ่ายบริหารไม่กล้าเปิดเผยผลวินิจฉัยกันแน่ แต่ถ้ากฤษฎีกาตัดสินแล้ว แต่ผู้บริหารไม่ยอมเปิดเผย ก็ต้องขออภัยกฤษฎีกาด้วย

ดิฉันเชื่อว่าถ้ากฤษฎีกาตัดสินเป็นคุณกับบริษัทเอกชน ป่านนี้รัฐบาลคงนำผลการตัดสินมาเปิดเผยแล้ว รวมถึงรีบตั้งบริษัทแยกท่อส่งก๊าซตามข้อเสนอกลุ่มทุนพลังงานไปแล้ว ใช่หรือไม่ ?

ทรัพยากรปิโตรเลียมหากอยู่ในทะเล ก็ยังไม่มีมูลค่าจนกว่าจะนำขึ้นมา ดังนั้นท่อ ก๊าซธรรมชาติ จึงเป็นอุปกรณ์หลักและสำคัญในการนำปิโตรเลียมในทะเลขึ้นมาและทำให้เกิดมูลค่า

ท่อก๊าซ คือเส้นเลือดของระบบพลังงานของประเทศ ส่วนปิโตรเลียมคือ เลือดในระบบพลังงาน ทั้งสองส่วนนี้คือระบบที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเอกชนกินรวบทั้งเส้นเลือดและเลือดในระบบพลังงานได้เบ็ดเสร็จ คนไทยก็ต้องตกเป็นทาสของกลุ่มทุนพลังงานตลอดไป

กลุ่มทุนพลังงานนั้นเป็นผู้ประกอบการที่ต้องแสวงหาผลประโยชน์และกำไรสูงสุด แต่การมาแถลงการณ์แทรกแซงอำนาจรัฐในการกำหนดนโยบายสาธารณะที่มีผลกระทบต่อคนทั้งประเทศนั้น ไม่สมควร และยิ่งเป็นการไม่สมควรที่รัฐบาล คสช.จะเดินตามโรดแมปของกลุ่มทุนพลังงาน มิฉะนั้นแล้วประชาชนก็จะเกิดความคลางแคลงใจว่า รัฐบาลคสช.กำลังใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อทะลุทะลวงอุปสรรคการกินรวบประเทศไทยของกลุ่มทุนพลังงาน ซึ่งถ้ารัฐบาลคสช. เดินตามโรดแมปนี้ ท่านก็จะไม่แตกต่างจากนักการเมืองเลือกตั้งจากกลุ่มทุน ที่เคยทำความเสียหายให้กับบ้านเมืองมาแล้ว

โรดแมปของกลุ่มทุนพลังงาน คือการยึดทั้งทรัพยากรปิโตรเลียมผ่านกฎหมายฉบับปะผุ และยึดทั้งอุปกรณ์ผูกขาดทั้งหลาย ซึ่งขณะนี้เหลือท่อก๊าซธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเสนอผ่านรัฐบาลคสช. ในการรีบจัดตั้งบริษัทท่อก๊าซขึ้นอีกบริษัทเพื่อถ่ายโอนท่อก๊าซที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปเป็นของเอกชนโดยสมบูรณ์

การที่รัฐบาล คสช.ไม่ประกาศผลการวินิจฉัยของกฤษฎีกา ว่าท่อก๊าซเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือเป็นสมบัติของบริษัทเอกชน ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงว่าท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้บริหารองค์กรที่จะรักษาสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ?

รัฐบาลผู้ใช้อำนาจรัฐแทนประชาชน ควรปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความมีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรตัวจริง การทำหน้าที่คุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนหรือประชาภิบาลถือเป็นธรรมะของรัฐบาล เพราะถ้าหากรัฐบาลไม่ทำหน้าที่โดยธรรมก็จะก่อให้เกิดอธรรมขึ้นในบ้านเมือง และอาจเกิดวิกฤติตามมา จากนโยบายที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาลนั้นเอง

รัฐบาลไม่ควรอ้างว่าเพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน รัฐบาลอย่าลืมว่าท่านเองกำลังทำหน้าที่ทางการเมืองอยู่ เดี๋ยวนี้แม้แต่เด็กมัธยมก็ยังรู้ว่า การเมืองคือการจัดสรรผลประโยชน์และทรัพยากรแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รัฐบาลเป็นซีอีโอของประเทศไม่ใช่ซีอีโอของบริษัทจึงไม่มีหน้าที่เดินตามนโยบายของบริษัทซึ่งเขามีซีอีโอทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว

รัฐบาลไม่ว่าจะมาโดยการเลือกตั้ง หรือโดยการรัฐประหาร ต้องฟังเสียงของประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นทรัพยากรของชาติ

เพื่อยุติการโต้แย้งในเรื่องแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมอย่างเด็ดขาด ดิฉันขอเสนอให้รัฐบาลทำประชามติว่าจะรับหลักการตาม ร่างกฏหมายปิโตรเลียมของกลุ่มทุนพลังงานที่ต้องการให้กรรมสิทธิ์ปิโตรเลียม ยังเป็นของบริษัทเอกชนต่อไป หรือจะรับหลักการตามร่างกฎหมายของเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) ที่ต้องการให้กรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมกลับมาเป็นของประเทศ

รัฐบาลอย่าอ้างว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะกล้าฟังเสียงความต้องของประชาชนจริงหรือไม่ !?!

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ ที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเอเชีย จะมีการแถลงการณ์ โดยคณะบุคคล เพื่อคัดค้านกรณีที่จะนำร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.... และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.... ซึ่งเสนอโดยกระทรวงพลังงาน เข้าสู่การพิจารณาของครม. และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งยุติการพิจารณาร่างกฎหมายนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น