รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไม่หวั่น “คปพ.” จ่อยื่นนายกฯ ค้านร่างแก้ไข กม.ปิโตรเลียม เผยหากทุกคนคิดดีทำดี เชื่อว่าจะเคลียร์กันได้ เผยทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ครม.จะพิจารณาว่าเป็นอย่างไร อังคารนี้ยังไม่เข้าพิจารณา อาจเป็น ครม.อังคารหน้า
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังการเป็นประธานมอบรางวัล Thailand Energy Award 2015 ว่า กรณีที่เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน (คปพ.) เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีคัดค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ของกระทรวงพลังงาน เชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังดีต่อประเทศชาติหากมีการพูดคุยกันก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากไม่เอาชนะกันเชื่อว่าทุกอย่างจะเดินหน้า และหากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอย่างไรก็ต้องไปตามนั้นซึ่ง ครม.วันที่ 24 พ.ย.ยังไม่มีการพิจารณา แต่คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า
“ทุกคนทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ไม่มีใครคิดร้าย เขาก็คิดดี ผมก็คิดดี คุยกันก็คงจะรู้เรื่อง ผมก็ไม่เอาชนะ เขาก็ไม่เอาชนะ ทำประโยชน์เพื่อชาติรับรองว่าไปได้แน่ ควรใช้เหตุและผลในการมองถึงผลประโยชน์เป็นหลัก ซึ่งในเรื่องการแก้ไขกฎหมายก็จะเสนอเข้าสู่ ครม.ในวันอังคารหน้า และคงจะต้องรอดูว่า ครม.จะมีความเห็นอย่างไร จึงจัดสินใจเดินหน้าเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบ 21 ได้” รมว.พลังงานกล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวถึงงานมอบรางวัล Thailand Energy Award ว่าได้มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ไปพิจารณาว่าการมอบรางวัลในปีต่อๆ ไป จะส่งเสริมให้มีการนำภูมิปัญญาระดับท้องถิ่นชาวบ้านหรือชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรับรางวัลได้เพิ่มขึ้นอย่างไร เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ รวมทั้งการอนุรักษ์พลังงานในปี 2559
นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดี พพ.กล่าวว่า พพ.เตรียมนำนโยบายของ รมว.พลังงาน ไปปรับเพื่อให้มีส่วนร่วมในรางวัล Thailand Energy Award ปี 2559 รางวัลดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ที่จะเตือนให้หน่วยงานต่างๆ เห็นความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดการตื่นตัวในการร่วมอนุรักษ์พลังงาน โดยในปีนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวด 291 ราย และมีผู้ได้รับรางวัล 83 รางวัล คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดพลังงานรวมกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี สามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่โลกได้มากกว่า 3.6 แสนตันต่อปี ซึ่งตามแผนอนุรักษ์พลังงานภายใน 20 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าหมายลดการใช้พลังงานร้อยละ 30 ในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2553 จะมีสามารถลดการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ได้ 65,125 ล้านลิตร