ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
การควบคุมตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ระหว่างเดินทางไปตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ เสียงสะท้อนจากสังคมส่วนใหญ่ ไม่ได้ตำหนิติเตียนรัฐบาลหรือทหารสักเท่าไหร่ เพียงแต่เคืองๆ หน่อยที่ปล่อยเร็วไปเท่านั้น
แม้การขุดคุ้ยปมทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ จะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ต้องการความกระจ่าง อยากเห็นความโปร่งใส แต่การที่คู่หูหัวโจกคนเสื้อแดง “เต้น-ตู่” ออกมาเคลื่อนไหวเกาะติดการทุจริต ทำให้ประเด็นการทุจริตน้ำหนักเบาลงไป
เพราะหัวโจกคนเสื้อแดงคู่นี้มักทำอะไรอย่างมีเบื้องหลัง ไม่ได้มีอุดมการณ์ต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจัง แต่พยายามโยงปมทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์นำไปหักล้างกับโครงการทุจริตรับจำข้าว เพื่อช่วยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทหารไม่จำเป็นต้องหิ้ว “เต้น-ตู่” ก็ได้ เพราะมีมาตรการอื่นที่จะหยุดคู่หูหัวโจกเสื้อแดงได้เนียนกว่า
ยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ ถ้าใครจะตรวจสอบทุจริต สมุน “ทักษิณ” คงจัดหนักต้องรับ จนไม่อาจลงพื้นที่ตรวจสอบทุจริตได้ โดยมีการเกณฑ์คนเสื้อแดงมากดดัน ขับไล่ หรือรุมทำร้าย
“เต้น-ตู่”เมื่อประกาศเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดทางให้ประชาชนแสดงออก จะมีคนจำนวนไม่น้อยยกขบวนไปดักรอรายทาง จนคู่หูนรกแตกไม่มีโอกาสเดินทางไปถึงหัวหิน
และมีแนวทางที่ดีกว่าในการจัดการกับทั้งคู่ โดยปล่อยให้เคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ แต่เมื่อสถานการณ์ลุกลามบานปลาย กลายเป็นความวุ่นวายทางการเมือง ก็ถือโอกาสยื่นถอนประกัน
ส่งทั้งคู่สงบสติอารมณ์ในคุก ทุกอย่างก็จบ
การถูกทหารคุมตัวนั้น ทั้ง “เต้น” และ “ตู่” ไม่มีวันสะทกสะท้าน เพราะถือว่าได้สร้างผลงานให้ “นายใหญ่” เห็น และความผิดไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ เทียบกับคดีเก่าที่คั่งค้างไม่ได้ โดยเฉพาะคดีเผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
คดีเผาบ้านเผาเมืองที่เป็นชนักติดหลัง ทำให้ “เต้น-ตู่” และหัวโจนเสื้อแดงอีกหลายสิบคน จำเป็นต้องสู้หัวชนฝา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ล่มสลายโดยเร็ว
และจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนให้เกิดการเลือกตั้ง
เพราะทางรอดของพวกเผาบ้านเผาเมืองมีอยู่เพียงตัวเลือกเดียวคือ “ทักษิณ” ต้องกลับมามีอำนาจ พรรคเพื่อไทยต้องกลับมาเป็นรัฐบาล
ถ้า “ทักษิณ” ไม่ได้กลับมาใหญ่ แกนนำเสื้อแดงอีกหลายสิบคนต้องชดใช้กรรมในคุกแน่
คนเสื้อแดงที่ลงมือจุดไฟเผาบ้านเผาเมือง ถูกตัดสินติดคุกกันหมดแล้ว เหลือแต่แกนนำคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมให้เผาเท่านั้นที่อบยู่ระหว่างรอการถูกพิพากษา
หัวโจกเสื้อแดงทุกคน ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงต้องสู้ชนิดแทบถวายชีวิต เพื่อให้ “ทักษิณ” ได้อำนาจ
บ้านเมืองจะวุ่นวายปั่นป่วนอย่างไร คนจะบาดเจ็บล้มตายหรือติดคุกติดตารางเท่าไหร่ หัวโจกคนเสื้อไม่มีวันใส่ใจ เพราะเคยปลุกระดมให้พี่น้องคนไทยเข่นฆ่ากันเองมาแล้ว ยั่วยุให้เผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว
ความผิดของหัวโจกคนเสื้อแดงร้ายแรงนัก และติดคุกยาวแน่ ถ้าไม่ได้กุมอำนาจรัฐอยู่ในมือ เพราะไม่มีรัฐบาลไหนจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ล้างความผิดให้คนเผาบ้านเผาเมือง
ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะไม่เอาผิดกับคนที่ยุยงให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน จนแทบจะเกิดสงครามการเมือง
การทำตัวเป็นนักต่อต้านการทุจริต เกาะติดจับผิดทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ ถ้าไม่ใช่ “เต้น” และ ”ตู่” สังคมคงสนับสนุนการเคลื่อนไหว
เพราะต้องการเห็นกระบวนการตรวจสอบการทุจริตที่โปร่งใส
แต่ความเป็น “เต้น” และ “ตู่” ทำให้สังคมไม่ยอมรับในบทบาทการขุดคุ้ยทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เพราะไม่มีความเชื่อถือเหลือให้ทั้งคู่
ความผิดที่ “เต้น-ตู่” ก่อไว้กับประเทศและประชาชน ฝังในจิตสำนึกจนยากที่จะลืมเลือน การปลุกระดมให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เป็นความผิดร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัยกันได้ในชาตินี้
และเป็นความผิดที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อลบล้างได้
การสาวปมทุจริตอุทยานราชภักดิ์ กำลังทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์สั่นสะท้านอยู่แล้ว แต่เมื่อ “เต้น-ตู่”โดดมาร่วมวง ปมโกงอุทยานราชภักดิ์จึงอ่อนลง เพราะสังคมหันเหความสนใจไปที่รัฐบาล อยากรู้ว่า จะจัดการอย่างไรกับ “เต้น-ตู่” ส่วนอุทยานราชภักดิ์โกงกันจริงหรือไม่ เอาไว้ทีหลัง
รอลุ้นกันตั้งนาน “เต้น-ตู่” จะถูกจัดหนักขนาดไหน แต่สุดท้ายกองเชียร์ไม่ได้สะใจ เพราะทหารแค่คุมตัวไปสงบสติอารมณ์ชั่วคราวเท่านั้น
การขึงขังตึงตังกับการคุ้ยปมโกงราชภักดิ์ ทำให้มวยไม่มีราคาอย่าง “เต้น-ตู่” กลับมามีราคาขึ้นมาได้ เพราะ กลายเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกสั่งปิดปาก ขณะที่ทหารยังติดอยู่ในปมโกงอุทยานราชภักดิ์เหมือนเดิม
ถ้าผลงานการคุยปมโกงอุทยานราชภักดิ์ สามารถ “วางบิล” เรียกเก็บเงินจากคนแดนไกลได้ คู่หูนรกแตกหัวโจกคนเสื้อแดงคงต้องขอบคุณทหารที่กรุณา อุตส่าห์สร้างราคาให้
ในนาม “เต้น ”และ “ตู่” ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ที่ส่งทหารมาช่วยเพิ่มค่าตัว