MGR Online - รมว.ยุติธรรม ยันทหารรวบตัว “ตู่-เต้น” มีเหตุผลด้านความมั่นคง ขณะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ชี้ ศอตช.ยังตรวจสอบกรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ไม่แล้วเสร็จ “บิ๊กโด่ง” ยังไม่จำเป็นต้องลาออก
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีทหารรวบตัวนายนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนไม่รู้ว่าคนที่รวบตัวมีเหตุผลอะไร แต่พื้นฐานการควบคุมตัวทหารคงจะมีเหตุผลด้านความมั่นคง และเจ้าหน้าที่เขาอาจมีเหตุในการทำงาน เชื่อว่าไม่มีใครทำโดยที่ไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ คสช.ไม่ได้พูดคุยกรณีนายจตุพรและนายณัฐวุฒิจะเดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์อาจจะเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูแลเรื่องนี้และตนไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า ส่วน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมสมควรจะลาออกหรือไม่ ตนเห็นว่าเรื่องการลาออกจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องของ พล.อ.อุดมเดช กับนายกฯ ไม่มีใครตอบแทนได้ ถ้าตอบด้วยเหตุของกฎหมายและเหตุของเหตุการณ์วันนี้ต้องบอกว่าเรากำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ซึ่งการสอบสวนยังไม่มีข้อยุติ แล้วจะให้ พล.อ.อุดมเดชลาออกด้วยเหตุผลใด ตรงนี้ต้องพูดให้ชัดว่าประเด็นใด ถ้าให้ลาออกด้วยประเด็นการกระทำความผิด แต่ตอนนี้การสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเทียบเคียงเรื่องนี้กับกรณี คสช.มีคำสั่งใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการต่อข้าราชการพัวพันทุจริต กรณีดังกล่าวขณะนั้นศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้ตรวจสอบแล้วชี้ว่ามีมูลของการกระทำความผิดและมีหลักฐานเพียงพอและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และการกระทำความผิดยังไม่ยุติตามกระบวนการยุติธรรม แต่ได้ยุติในขั้นของการตรวจสอบของ ศอตช.แล้วถึงได้มีการประกาศรายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริตออกมาแล้วถึงได้สั่งพักงานข้าราชการดังกล่าวเพื่อจะได้ตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมต่อไป ดังนั้นเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ขณะนี้เบื้องต้น ศอตช.ยังตรวจสอบกรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ไม่แล้วเสร็จ ถ้าจะให้ พล.อ.อุดมเดชลาออกเพื่อให้การตรวจสอบมีความโปร่งใสและลดกระแส เหมือนกับกรณีใช้มาตรา 44กับข้าราชการทุจริตนั้นมันคงไม่ใช่ เพราะมันยังไม่มีผลสรุป
“หากถามว่าทหารปกป้องกันเองหรือไม่ อะไรคือการปกป้อง อย่าถามเป็นทฤษฎีว่าต้องมีการปกป้องพวกเดียวกันและการตรวจสอบต้องรู้กัน มันเป็นทฤษฎีที่คาดเดาได้ อย่าคิดว่ารัฐบาลจะทำเหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา ควรจะรอให้ผลการตรวจสอบออกมาก่อน แล้วถ้าไม่ใช่ให้ใครมีหลักฐานหาหลักฐานมาโต้แย้งแล้วมานั่งคุยกับตน ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นกระแสทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นการตรวจสอบการทุจริตทั่วไปเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่มีคนในรัฐบาลเกี่ยวข้องแล้วมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามมันถูกลือสะพัดจนกลายเป็นประเด็นไปแล้ว ตนยอมรับว่ามันมีผลกระทบต่อรัฐบาล ตนไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ และอยากให้ประชาชนมองปัญหาให้ชัด อย่ามองคนช่างพูดแล้วปะติดปะต่อเรื่องมาทำลายและดิสเครดิตกัน มันไม่ถูก ดังนั้นคนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงในแต่ละเรื่อง ตอบให้ถูกว่าสังคมสงสัยเรื่องอะไร” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว