xs
xsm
sm
md
lg

แฉกทม.ละลายงบพันล้าน ให้ร.ร.ทำสุสานเครื่องดนตรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (3พ.ย.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. เปิดเผยว่าหลังจากตนทำการตรวจสอบการบริหารงานของ กทม. ซึ่งมีหลายกรณีส่อว่าไม่โปร่งใส โดยล่าสุด ตนได้รับข้อมูลเรื่องโครงการจัดซื้อเปียโน และอุปกรณ์ดนตรีให้โรงเรียนในสังกัดกทม. ด้วยงบประมาณจำนวนมาก รวมแล้วกว่า 1.3 พันล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับงบที่ทุ่มเทไป อีกทั้งยังอาจส่อไปในการล็อกสเปกการจัดซื้ออุปกรณ์ดนตรี อีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มในยุคที่ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรองผู้ว่าฯกทม. มีการอนุมัติงบฯ ปี2551 รวม 14 ล้านบาทเศษ เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี ในโรงเรียนสังกัดกทม. เบื้องต้น 10โรงเรียน ต่อมาปี 52 นางธยา ทีปสุวรรณ เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ดูแลการศึกษา ได้ทำเรื่องของบฯใช้ในโครงการเดียวกัน โดยขยายโรงเรียนในสังกัด กทม. อีก 90 แห่ง รวมเป็นเงิน 250 ล้านบาท จากนั้นได้ขยายโรงเรียนเพิ่มอีก 150 แห่ง ขอเพิ่มวงเงินงบฯ อีก 480 ล้านบาท และขอขยายโครงการในปีงบฯ 55-57 เป็นงบผูกพัน 3 ปี รวมในยุคนางธยาได้ขยายโครงการดังกล่าว ในโรงเรียนสังกัดเป็น 250 แห่ง ใช้งบถึง730 ล้านบาท และในยุคที่ 3 ที่นางผุสดี ตามไท มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ดูแลการศึกษา ก็ได้ทำเรื่องของบฯปี 58 เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ดนตรีเพิ่มให้กับโรงเรียนในสังกัด กทม. ที่เหลืออีก 187 แห่ง รวมกับอีก10 โรงเรียน ที่เคยทำเป็นโครงการนำร่อง รวมเป็น 197 โรงเรียน โดยของบฯ รวม 567 ล้าน บาท
"ที่น่าสังเกตคือ การพัฒนาศักยภาพทางดนตรีในโรงเรียน เบื้องต้นสามารถให้เด็ก เรียนรู้การอ่านโน๊ต และเล่นคีบอร์ดธรรมดา หรือ เป่าเม้าท์ออแกน ที่มีราคาถูกก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ผลาญงบจากภาษีประชาชนมาซื้อเปียโน ประเภทอัพไลท์ ราคาหลังละ 165,000 บาท ทุกโรงเรียน ถามว่า แล้วเด็กจะได้เรียนกันกี่คน กี่ชั้นเรียน ได้เรียนกันทุกคนหรือไม่ เพราะต้องมีครูที่มีความรู้ทางด้านดนตรีนี้โดยเฉพาะ และยังมีการซื้อกีตาร์คลาสสิก และอุปกรณ์อื่นๆอีกจำนวนมาก ปัจจุบันเครื่องดนตรีหลายรายการถูกกองสุม ไม่มีการใช้ประโยชน์ ที่สำคัญยังต้องจ่ายลิขสิทธิ์เพื่อซื้อคู่มือดนตรีจากบริษัทอีกด้วย ทั้งที่ไม่ควรต้องจ่าย เนื่องจากซื้ออุปกรณ์ดนตรีมาแล้ว ถามว่าคุ้มค่าแค่ไหน อย่างไร ซึ่งผมจะเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้ง ในวันที่ 7ธ.ค.นี้ เพราะอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพราะทราบมาว่า ขณะนี้ที่ปรึกษารองผู้ว่าฯ ได้โทรศัพท์สั่งห้ามทุกโรงเรียนให้ข้อมูล ในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า หากให้ข้อมูลไป ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นายวิลาศ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น