ผู้จัดการรายวัน 360 - ออกหมายจับ รอง ผกก.1บก.ปคม. เอี่ยวแก๊งเอี๊ยด อ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนพร้อมความเห็น สั่งฟ้องคดีหมิ่นเบื้องสูง ส่งอัยการศาลทหารพิจารณา จ่อออกหมายจับในคดีนี้เพิ่มอีกหลายคน ชมรมคนรักในหลวงยังลุยประท้วงทูตสหรัฐ วิจารณ์ ม. 112 อัดผิดมารยาทการทูต
มีรายงานจากศาลทหารว่า ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ นายตำรวจระดับ พ.ต.ท. หนึ่งนาย (พ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รอง ผกก.1บก.ปคม.) ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือมาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2 พันบาทถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบความเชื่อมโยงว่ามีพฤติกรรมการกระทำความผิดร่วมกับกลุ่มของพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ในการแอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ในการทำเสื้อ เข็มกลัด ในงานกิจกรรมสำคัญ
นอกจากนี้ในส่วนกรณี นายตำรวจยศ พล.ต.ต. นายหนึ่งซึ่งเกษียณราชการไปแล้ว ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน เตรียมขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับภายใน 1-2 วันนี้ หลังพบว่าขณะดำรงตำแหน่งราชการนั้นมีส่วนรู้เห็นและเชื่อมโยงกับการที่พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด แอบติดตั้ง เครื่องรับส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น QUANTAR บนชั้นที่ 84 ของอาคารใบหยก 2 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี
วานนี้ (1 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชัยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมคณะ นำสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่งพนักงานอัยการศาลทหารกรุงเทพ หลังผ่านขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะลงนามและมีความเห็นสั่งฟ้อง รวมทั้งสิ้น 5 สำนวน ตั้งแต่หมายเลขคดี 103-107/2558
พล.ต.ต.ชัยพลกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันและแอบอ้างหาผลประโยชน์ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ส่วนอีก 7 สำนวนนั้นพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ขณะที่ 3 สำนวนที่มี พ.อ.คชาชาต บุญดี อดีตรองเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ตกเป็นผู้ต้องหานั้นขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลวันที่ 8 ธ.ค.นี้
สำหรับกรณีที่นายกลิน ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าววิจารณ์กฎหมายป.อาญา ม.112 ว่า เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก
วานนี้(1 ธ.ค.) ชมรมคนรักในหลวงในหลายจังหวัด ยังคงเดินหน้าชุมนุมประท้วงกรณีดังกล่าว โดยที่จ.แม่ฮ่องสอน นางอ่อนศรี ศรีอำพร ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสมาชิก ยื่นหนังสือประท้วงต่อนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า รวมทั้งชมรมคนรักในหลวงจังหวัดลำปาง นำโดยนางจันทร์สม เสียงดี ยื่นหนังสือประท้วงต่อนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับหนังสือ
แกนนำชมรมคนรักในหลวงจังหวัดลำปาง ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพราะการวิจารณ์กฎหมายสำคัญของประเทศไทย ที่ใช้ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ยิ่งกว่านั้นการกล่าวในลักษณะยุยงให้บุคคลอื่นๆ กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมาย ย่อมถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททางการทูต ทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามมาตรา 112 (3)
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดกาฬสินธุ์ นำโดยนางวราภรณ์ ชัยสงครามดำรง ประธานชมรม ยื่นหนังสือผ่านนายอโณทัย ธรรมกุล เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล โดยนายไพฑูรย์ ตวงสิน แกนนำชมรม กล่าวว่า ทางชมรมได้ส่งไปรษณีย์ด่วนไปยังสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อให้พิจารณาการออกมาล่วงละเมิดกฎหมายมาตรา 112 เพราะเป็นไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งในการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
มีรายงานจากศาลทหารว่า ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ นายตำรวจระดับ พ.ต.ท. หนึ่งนาย (พ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รอง ผกก.1บก.ปคม.) ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือมาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2 พันบาทถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบความเชื่อมโยงว่ามีพฤติกรรมการกระทำความผิดร่วมกับกลุ่มของพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ในการแอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ในการทำเสื้อ เข็มกลัด ในงานกิจกรรมสำคัญ
นอกจากนี้ในส่วนกรณี นายตำรวจยศ พล.ต.ต. นายหนึ่งซึ่งเกษียณราชการไปแล้ว ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน เตรียมขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับภายใน 1-2 วันนี้ หลังพบว่าขณะดำรงตำแหน่งราชการนั้นมีส่วนรู้เห็นและเชื่อมโยงกับการที่พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด แอบติดตั้ง เครื่องรับส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น QUANTAR บนชั้นที่ 84 ของอาคารใบหยก 2 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี
วานนี้ (1 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชัยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมคณะ นำสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่งพนักงานอัยการศาลทหารกรุงเทพ หลังผ่านขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะลงนามและมีความเห็นสั่งฟ้อง รวมทั้งสิ้น 5 สำนวน ตั้งแต่หมายเลขคดี 103-107/2558
พล.ต.ต.ชัยพลกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันและแอบอ้างหาผลประโยชน์ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ส่วนอีก 7 สำนวนนั้นพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ขณะที่ 3 สำนวนที่มี พ.อ.คชาชาต บุญดี อดีตรองเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ตกเป็นผู้ต้องหานั้นขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลวันที่ 8 ธ.ค.นี้
สำหรับกรณีที่นายกลิน ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าววิจารณ์กฎหมายป.อาญา ม.112 ว่า เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก
วานนี้(1 ธ.ค.) ชมรมคนรักในหลวงในหลายจังหวัด ยังคงเดินหน้าชุมนุมประท้วงกรณีดังกล่าว โดยที่จ.แม่ฮ่องสอน นางอ่อนศรี ศรีอำพร ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสมาชิก ยื่นหนังสือประท้วงต่อนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า รวมทั้งชมรมคนรักในหลวงจังหวัดลำปาง นำโดยนางจันทร์สม เสียงดี ยื่นหนังสือประท้วงต่อนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับหนังสือ
แกนนำชมรมคนรักในหลวงจังหวัดลำปาง ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพราะการวิจารณ์กฎหมายสำคัญของประเทศไทย ที่ใช้ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ยิ่งกว่านั้นการกล่าวในลักษณะยุยงให้บุคคลอื่นๆ กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมาย ย่อมถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททางการทูต ทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามมาตรา 112 (3)
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดกาฬสินธุ์ นำโดยนางวราภรณ์ ชัยสงครามดำรง ประธานชมรม ยื่นหนังสือผ่านนายอโณทัย ธรรมกุล เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล โดยนายไพฑูรย์ ตวงสิน แกนนำชมรม กล่าวว่า ทางชมรมได้ส่งไปรษณีย์ด่วนไปยังสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อให้พิจารณาการออกมาล่วงละเมิดกฎหมายมาตรา 112 เพราะเป็นไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งในการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย